วังหลวง
“ องค์ชายรอง ฟาหยางไม่น่าเชื่อว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ หลงถานไป๋อี้ชิงยอมคบหากับองค์ชายไม่แน่ว่านางจะมีใจกับองค์ชายรองเสียแล้ว”ฮ่องเต้ เงยหน้าขึ้นจากอักษรที่ร่างไว้
“เรื่องเช่นนี้หากไม่มุ่งมั่น เช่นไรจึงจะสำเร็จ หลงถานไป๋อี้ชิงเป็น ตัวแปรสำคัญ ที่จะทำให้การตัดสินใจของข้าง่ายดายขึ้นมาทันที”เหอผิงฉีปิงเอ่ยขึ้นยิ้มๆ
“ฝ่าบาท ทรงยอมให้ใต้เท้าหลงถาน มีอำนาจเหนือ ขุนนางทั้งหลายเพื่อที่จะใช้เขาเป็นด่านหน้าเช่นนั้นหากเขาเอ่ยออกมาเรื่องการประทานงานแต่งฝ่าบาทก็คงไม่อาจปฏิเสธ”
“ไม่คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว หลงถาน แม้จะมีอำนาจเหนือใครแต่เรื่องความภักดีมีมากกว่าคนอื่นอีกทั้งงานที่มอบหมายล้วนจัดการได้หมดจดแม้จะเห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจจนข้าเองต้องเกรงใจ แต่ถึงเวลาจริงๆ โทษประหาร จากปากข้าก็คง ไม่มีใครกล้ารับแทน ข้าอยากให้เขาตายเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ให้เขาเต็มใจรับใช้นี่สิถึงจะเป็นเรื่องที่ ต้องจัดการ”
“ฝ่าบาทเสียงเล่าลือว่าใต้เท้าหลงถานใช้ พลังเวทผูกด้ายความสัมพันธ์ให้ฝ่าบาทวางใจ”
“555เจ้าคิดอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าแค่เพียงพลังเวท ต่ำต้อยจะทำอะไรข้าได้หรือที่ข้าทำทีเป็นเมตตาเขาเกินใครเพราะยิ่งทำให้ใต้เท้าหลงถาน ได้ใจและคนที่ ต้องการขึ้นมาแทนที่หลงถาน พยายามยิ่งขึ้นกว่าเดิม ข้ามีแต่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องไม่ต้องลงแรงอะไร”
“เช่นนั้นแม่หมอนางจึงเป็นเหมือน เทพธิดาในฝูงชนเช่นกันพวกเขาต่างไร้ซึ่งความหวังจึง ร้องขอให้นาง ช่วยเหลือ”
“เมื่อผู้คนหมดหวังจึงมักมองหาความหวัง เจ้ารู้ใช่ไหมว่าควรทำเช่นไรกับนาง”ขันทีชรายิ้มมุมปาก
บ้านหลงถาน
“ใต้เท้า หลงถาน”
“องค์ชายรอง ข้าน้อย ขอบคุณที่ช่วย ปกป้องไป๋อี้ชิงจากมือสังหาร”
“ใต้เท้าอย่าได้เกรงใจข้ารู้ว่า ไป๋อี้ชิง สำคัญกับท่านยิ่งนัก หากนางเป็นอะไรไป ท่านเองก็คงเสียใจไม่น้อย”
“นางไร้มารดา คอยดูแล ข้าเอง ต้องให้ความรักต้องคอยปกป้องนางเกินใครในเมื่อนางเหลือข้าเพียงคนเดียวแล้ว องค์ชายรอง หากไม่ รังเกียจบ้านหลงถานยินดีต้อนรับองค์ชายรองเป็นแขกที่นี่ ไป๋อี้ชิง เล่าว่าองค์ชายไม่ลังเลที่จะช่วย ทั้งๆ ที่มากันแค่สองคนกับองครักษ์น่านับถือน้ำใจยิ่งนักต่อไป แวะมาที่นี่บ่อยๆ ให้เราสองพ่อลูกได้ตอบแทน”
“มิได้มิได้ในเมื่อพี่ใหญ่ แวะเวียนที่นี่ประจำอยู่แล้วหากข้ามาที่นี่บ่อยๆเกรงว่า พี่ใหญ่จะไม่พอใจเอาได้”
“องค์ชายใหญ่ แวะเวียนเป็นประจำก็จริงแต่ คนที่ไป๋อี้ชิงอยากให้แวะเวียนที่สุดตอนนี้คือท่านองค์ชายรองและข้าเองก็หาใช่ผู้ที่จะขัดใจบุตรีไม่ หลงถานคิดว่าหากองค์ชายรองจะลองมอง ไป๋อี้ชิงบ้างข้าคงยินดีสนับสนุนองค์ชายรอง”
“ขอบคุณใต้เท้า”
ก้าวขาออกจากบ้านหลงถานพร้อมกับ กงฉาน
“ง่ายดายยิ่งนักคิดไม่ถึงว่าเรื่องที่นางทำให้ข้าจะทำให้เรื่องที่ข้าคิดไม่ตก กลายเป็นเรื่องง่ายเพียงนี้”
“องค์ชายแล้ว แล้วนางไปไหนเสีย”
“เอ้อ กงฉานข้าคงมองนางผิดไปจริงๆ นางไม่รับสิ่งของมีค่าหรืออาหารคาวหวานที่ข้า สั่งไว้สำหรับนางเพียงสุราจอกเดียวดังเช่นที่มารดาของนางกล่าวไว้ แล้วนางก็หนีไป เจ้าคิดว่าข้าควรตอบแทนนางเช่นไรดี”
“องค์ชาย ท่านต้องแสดงความจริงๆ ต่อนี้ไปแวะเวียนบ่อยครั้งเกรงว่าสักวันนางจะต้องรับน้ำใจของท่านแน่เรื่องที่นางทำเห็นได้ว่าทำให้องค์ชาย มีโอกาสเพิ่มขึ้นในทันทีเช่นนั้นการตอบแทนจึงสมควรยิ่ง”
“ไปหานางกัน”
“องค์ชายวันนี้ แม่นางหลงถานไป๋อี้ชิงชวนองค์ชายล่องเรือ ชมตลาด”
“อืม ข้ารู้แล้ว ไป๋อี้ชิงอยู่ใกล้นางแล้วมีความสุขนางอ่อนหวานน่ารัก แต่แม่หมอนั่นก็สำคัญไม่น้อยข้าเอง บุญคุณความแค้นแยกแยะชัดเจนเจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไร”
“องค์ชายก็ ชวนแม่หมอไปล่องเรือกับแม่นางหลงถานไปอี้ชิงเสีย เท่ากับได้ทำสองอย่างพร้อมกันในคราวเดียว”
“ไปหาแม่หมอนั่นกัน”
“แม่นางหวงหลาน”
“อืมแม่นางหวงหลาน”ก้าวเดินนำออกไปทันที
หวงหลานยังนั่งอยู่ที่เดิม วันนี้ไม่มีใครมาขอให้ช่วย มีเพียงซาลาเปาวางอยู่ในจานข้างหน้า
“คุณชาย ท่านมาทำไมอีก”หวงหลานเอ่ยปากถามในทันทีที่พบหน้า
“มาตอบแทนบุญคุณเจ้าอย่างไรเล่า”
“คุณชายหวงหลาน บอกท่านแล้วว่าไม่ต้องกังวลถือเป็นบุญคุณอะไร เพราะเป็นบัญชาสวรรค์ หากทีคนเช่นคุณชาย มาคอย ตอบแทนบุญคุณหวงหลานในทุกครั้งที่ได้ดั่งใจ เกรงว่าหวงหลานคงไม่มีเวลาได้ทำสิ่งใดแน่”กงฉานอมยิ้มกับคำพูดของหวงหลาน
“เจ้าปฏิเสธข้าสองครั้งแล้ว ไม่คิดถึงจิตใจข้าที่รู้สึกไม่ปลอดโปร่งแค่เพียงเจ้ายอมตามใจข้าสักครั้งต่อไปรับรองว่าไม่มากวนใจเจ้าอีก”
หวงหลานถอนหายใจ
“เพียงครั้งนี้ครั้งเดียว”
“สัญญาเจ้ายอมไปกับข้า แล้วเราก็จะหมดสิ้นบุญคุณต่อกัน”เหอผิงฟาหยางกับกงฉานกุลีกุจอช่วยหวงหลานเก็บของ
หลงถานไป๋อี้ชิง ในอาภรณ์สวยสดใส ใบหน้างดงามอ่อนหวาน ยืนชะเง้อคอมองยังทางที่คิดว่าฟาหยางจะมาด้านหน้าด้านหลังคนติดตามากมายเช่นเดิม ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่า หวงหลาน เดินตามฟาหยางท้ายสุดตามด้วยกงฉานเข้ามา
“ไป๋อี้ชิง”ฟาหยางเอ่ยปากทักขึ้นไป๋อี้ชิงย่อกายลงงดงาม
“องค์ชาย แม่นางผู้นี้”
“ข้าน้อย เป็นผู้ที่จะอาศัย เรือข้ามฟากพอดีคุณชายผู้นี้บอกข้าว่าเช่าเหมาลำเรือข้ามฟากไว้แล้วข้าจึงจ่ายเงิน อาศัยข้ามฟากไปฝั่งนู้น”ฟาหยางอ้าปากค้างคิดไม่ถึงว่า หวงหลานจะรีบพูดขึ้นเสียก่อนกงฉานอมยิ้ม
“อย่าเสียเวลาเลย นี่ก้สายมากแล้ว ไม่เช่นนั้นจะร้อนจนไม่อยากลงเรือ”ไป๋อี้ชิงตัดบท คนทั้งหมดก้าวลงเรือทีละคนไป๋อี้ชิงส่งมือให้ฟาหยางให้ช่วยพยุงสบตาหวานซึ้ง
หวงหลานก้าวขาลงไปในเรือไปนั่งด้านท้ายเรือ มองพื้นน้ำอย่างสบายอารมณ์ฟางหยางนั่วหัวเรือ ไป๋อี้ชิงนั่งอยู่ตรงกลางลำเรือพอดี ฉะนั้นรอยยิ้มที่ฟาหยางส่งมาให้ ไป๋อี้ชิงจึงลอดผ่านมาถึงหวงหลานด้วย ก็แค่เบือนหน้าหนีเสียก็เท่านั้น หวงหลานไม่ได้สนใจว่าคนทั้งสองพูดกันเรื่องใดสิ่งที่หวงหลานสนใจคือของกินและเครื่องประดับที่วางขายอยู่ในเรือพายของ พ่อค้าแม่ค้าตื่นตาตื่นใจกับข้าวของเหล่านั้นมากกว่า
“ชิ้นนั้น ข้าต้องการชิ้นนั้น”
“โอ้...คุณหนูของชิ้นนี้ แปลกประหลาดงดงามตกลงมาจากฟากฟ้า ราคาจะสูงไปหน่อย แต่ว่ามีชิ้นเดียว”ได้ยินคำว่าชิ้นเดียวไป๋ถานอี้ชิง หันมองหินใสก้อนสีฟ้า ที่ตกผลึกเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน หากนำมาห้อยคอคงสวยสง่าไม่เบา ทำเอาฟาหยางมองตามสายตาไป
“เท่าไหร่”
“คุณชาย ของชิ้นนี้ 100ตำลึง”หวงหลานถอนหายใจ
“ท่านลุงข้าไม่มีเงินมากพอ”น้ำเสียงสั่นไหวเล็กน้อย แต่พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“ข้าซื้อให้เจ้าได้ หากต้องการมัน”
"ท่านพุดเองว่าบุญคุณของเราจบสิ้นกันเพียงแค่นี้หากข้ารับของ ของท่านจะทำให้ บุญคุณที่ท่านมีต่อข้าคงอยู่”
“เจ้าอย่ากังวลข้าไม่ทวงมันคืนจากเจ้า”
"พวกท่านพูดถึงเรื่องใดกัน ของสิ่งนี้ถูกใจข้าไม่น้อยเป็นข้าที่จ่ายเงินเองจะดีกว่า”ไป๋อี้ชิงส่งเงินในห่อให้กับพ่อค้า หวงหลานยิ้มบางๆ ตัดใจเสีย จึงต้องตัดใจเสีย
“ข้าให้เจ้า”ไป๋อี้ชิงส่ง หิน ใสให้กับหวงหลาน
“ข้าน้อยไม่อาจรับมันไว้ได้ราคามันสูงยิ่งนัก”หันหน้ามาพูดกับหวงหลาน
“รับไว้เถิดเงินทองเพียงของเล็กน้อยแค่นี้สำหรับข้าไม่ได้สำคัญอะไร หากว่ามันจะทำให้เจ้าไม่ต้องติดหนี้บุญคุณ องค์ชายรองข้าไม่ได้ใจดีเพียงนั้นข้าแค่อยากให้ เจ้าไม่ต้องมาใกล้องค์ชายรองอีกจะเป็นการดี แค่เพียงเงิน100ตำลึงข้าไม่เสียดายหากจะกำจัดเจ้าได้”กระซิบเบาๆ ได้ยินกันเพียงสองคน
“รับไว้เถิด เจ้ากลัวจะติดหนี้บุญคุณข้าอยากได้แต่ไม่อยากได้ แต่ตอนนี้ติดหนี้บุญคุณนางก็คงไม่แย่เท่าไหร่”
ฟาหยางพูดขึ้นไม่ได้ยินประโยคที่ ไป๋อี้ชิงพูดกับ หวงหลานแม้แต่น้อย หสวงหลานยิ้มเย็น ไป๋อี้ชิงยื่นหินสีให้ หวงหลานแต่เมื่อหวงหลานเอื้อมมือมารับ ไป๋อี้ชิงวางหินสีลงในมือของหวงหลานก่อนจะผลักร่างบางของหวงหลานให้ ตกลงไปในน้ำอย่างไม่ทันระวังตัว หินสีหลุดออกจากอุ้งมือ
“ตายแล้ว” ไป๋อี้ชิง อุทานดังๆ ฟาหยาง กระโจนลงไปในน้ำ กงฉานที่มองจากบนฝั่งก็กระโจนลงน้ำไปอีกคน หวงหลานดำดิ่งลงไปจนลึกสุดมองหาหินสีฟ้าคว้ามากำไว้ในมือ
น้ำเย็นเฉียบ ขาเจ้ากรรมดันเป็นตะคลิว ไม่อาจช่วยตัวเองได้ ฟาหยางแหวกว่ายสอดส่ายสายตามองหา หวงหลานที่กำลังจมลงไปช้าๆ เขาเอื้มมือรั้งเอวบาง ตาสบตานิ่ง ภายใต้สายน้ำที่ใสเหมือนกระจกใบหน้างดงามของหวงหลาน ทำเอาฟาหยางถึงกลับต้องหลบตานางเสียใจสั่นไม่เป็นจังหวะ ดึงร่างบางพาว่ายเข้าหาฝั่งในทันที