ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หุบเขาปีศาจ2 (3)

1050 คำ
ผ่านไปหนึ่งเค่อมู่เหรินก็ต้องถอนหายใจอย่างจนใจเมื่อคนที่ถูกตามล่าตอนนี้กำลังอาบเลือดต่างน้ำ หากเขาไม่ยื่นมือไปช่วยนี่คงตายก่อนวัยอันควรเป็นแน่            “หลิงหวางไปช่วยเขาหน่อยสิ”            หลิงหวางที่ใบหน้าตอนนี้แสนจะธรรมดาหันมามองเงียบ ๆ ก่อนจะมองไปยังเบื้องล่างอย่างแสนเสียดาย เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง ท่าทางแปลก ๆ ขององครักษ์ส่วนตัวทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าตัวดูจะชื่นชอบดูคนอื่นเข่นฆ่ากันมากกว่าช่วยเหลือกระมัง            ฟิ้วววว            ฉัวะ!!          อ๊ากกกกกกก            ตุ๊บ!!          มู่เหรินกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่เฟิน (นาที)“*”fēn มือสังหารที่กำลังจะได้รับชัยชนะกลับตายตกอย่างง่ายดาย วรยุทธ์ล้ำเลิศจนอดทึ่งไม่ได้ ไม่รู้ว่าบิดาฝึกสอนมาอย่างไรถึงได้มีฝีมือร้ายกาจเช่นนี้ ปกติเขาไม่เคยเห็นหลิงหวางฆ่าคนมาก่อนจนคิดว่าเป็นคนรับใช้ส่วนตัวไปแล้ว            “เจ้าเป็นใคร”            น้ำเสียงดุดันของร่างที่โชกเลือดมองมานั้นหวาดระแวง แม้จะมีกันสองคนแต่สภาพไม่น่าดูนัก มู่เหรินสะกิดปลายเท้าลงมาหาทั้งคู่ หลิงหวางจึงถอยมาอยู่ด้านหลังเขาเหมือนที่เคย            “พวกข้าแค่ผ่านทาง”            ดวงตาคมกริบมองมู่เหรินอย่างพิจารณาแต่ไม่ได้คลายความหวาดระแวงลง ทว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้มีพระคุณ            “ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”            “เรื่องเล็กน้อย พวกข้าขอตัว” มู่เหรินเอ่ยบอกเสียงเรียบก่อนจะเดินจากไป            “ช้าก่อนแม่นาง ขอข้าทราบนามผู้มีพระคุณได้หรือไม่” มู่เหรินยกยิ้มบางภายใต้ผ้าปิดหน้าก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ            “ไม่จำเป็นหรอกพี่ชาย พวกข้าช่วยเหลือไม่ได้หวังสิ่งใด แต่ข้าว่าท่านควรรักษาบาดแผลก่อนเลือดจะหมดตัว”            เมื่อกล่าวจบมู่เหรินก็สะกิดปลายเท้าทะยานจากไปพร้อมผู้ติดตาม ทิ้งไว้เพียงสายลมแผ่วเบาและใบไม้ร่วงหล่นช้า ๆ เท่านั้น            “องค์ชายรีบไปรักษาพระวรกายก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ตามสืบทีหลังก็ยังไม่สาย ผู้ที่งดงามเช่นนั้นคงหาตัวได้ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ”            ฉู่เหว่ยหยางมองตามเงาร่างที่หายไปแล้วพยักหน้ารับ แม้จะมีผ้าบาง ๆ ปกปิดใบหน้าทว่าความงามไม่อาจจางหายไปได้ กิริยาไม่ได้อ่อนหวานและไม่แข็งกระด้างซึ่งเป็นนิสัยเฉพาะตัวคงหาไม่ยากจริง ๆ ไว้ตามเจอเมื่อไรค่อยตอบแทนคุณก็แล้วกัน แต่ว่าฝีมือของผู้ติดตามคนนั้นร้ายกาจจริง ๆ  มู่เหรินเดินทางมาอีกเจ็ดวันก็มาถึงเขตแดนหุบเขาปีศาจ ป่าที่รกชื้นและหนาทึบทำให้ดูน่าหวาดกลัว เขามองดูยอดเขาที่ยังห่างไกลจากจุดเริ่มต้นแล้วถอนใจยาว อาวุโสผู้นี้คงตัดกิเลสจากโลกภายนอกแล้วใช่หรือไม่ถึงได้อยู่ที่ห่างไกลและหายากเช่นนี้ ดวงตาเรียวกวาดมองรอบบริเวณอย่างระมัดระวัง สัญชาตญาณร้องเตือนว่าที่แห่งนี้อันตราย!            สองเท้ามุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ทว่าไม่ได้ลดเกราะป้องกันตัวลงแม้แต่น้อย เวลานี้มู่เหรินได้กลับมาแต่งกายเป็นบุรุษเช่นเดิมเพราะตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาพวกเขาอยู่แต่ภายในป่า ไม่ได้เข้าเขตเมืองจึงไม่จำเป็นต้องปลอมเป็นสตรี หลิงหวางชักกระบี่ประจำกายออกมาขณะที่เดินขึ้นยอดเขา ดวงตาคมกริบมองรอบกายอย่างระวัง ใบหน้าที่แสนธรรมดาดูเคร่งเครียดมากกว่าปกติ            “นายน้อย”                                                  มู่เหรินหยุดเท้าเมื่อหลิงหวางซึ่งเดินนำหน้าสามก้าวหยุดเท้า น้ำเสียงที่เอ่ยมาบ่งบอกความหวาดระแวง เขากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะชักกระบี่เฉิงหยิ่งออกมา            ฟิ้วววววว            ฉัวะ!!          มู่เหรินตวัดกระบี่สะบัดใส่อสรพิษสีดำตัวเขื่องด้วยความเร็ว ร่างโปร่งพลิกกายหลบการโจมตีของเหล่าอสรพิษอย่างว่องไวปลายเท้าแทบจะไม่ติดพื้นดิน หลิงหวางเองก็ไม่ได้น้อยหน้า มองไปทางไหนมีแต่อสรพิษดุร้ายเต็มไปหมด พวกเขาน่าจะหลงเข้ามาในดงงูเข้าแล้ว            “ออกไปจากที่นี่!”            มู่เหรินร้องบอกหลิงหวางก่อนจะตวัดกระบี่ฟันร่างอสรพิษที่แห่กันเข้ามาเพื่อเปิดเส้นทางหนี พื้นที่โดยรอบอับชื้นและรกทึบทำให้การเคลื่อนไหวลำบากอีกทั้งมีอสรพิษไล่ตามอย่างดุร้าย เขาอาศัยช่องว่างที่หลิงวางเปิดทางหนีได้ดีดตัวขึ้นไปบนยอดไม้ที่สูงชันแทนก่อนจะทะยานออกจากดงงู            หลิงหวางไล่ตามมาติด ๆ เมื่อพ้นเขตของมันอสรพิษเหล่านั้นก็ไม่ได้ไล่ตามอย่างที่คิดเอาไว้ มู่เหรินหยุดเท้ากำหนดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ เมื่อครู่เป็นประสบการณ์ที่อันตรายและสยดสยองมากที่สุดในชีวิต            อสรพิษที่ไต่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมดอีกทั้งมีพิษร้ายกาจทำให้เขาใจสั่นด้วยความกลัว ตั้งแต่หลุดมาอยู่ในภพภูมินี้นี่อาจเป็นครั้งแรกที่พบเจอเรื่องอันตรายจริง ๆ ถึงเขาจะกลัวแต่ก็ไม่ได้ขาดสติเพราะยิ่งขาดสติชีวิตใหม่นี้อาจจบง่าย ๆ ซึ่งเขาไม่ต้องการอย่างนั้น            มู่เหรินมองบรรยากาศรอบกายที่มืดลงอย่างกะทันหันทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่เป็นกลางวันแสก ๆ เขากำกระบี่ในมือแน่นอย่างระวัง แม้จะอยู่บนยอดไม้ก็ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด            “เหมือนเราจะหลงเข้าเขตค่ายกล”            มู่เหรินบอกหลิงหวางที่มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน            “น่าจะเป็นค่ายกลจันทราพิฆาตขอรับ”            มู่เหรินมององครักษ์ด้วยความแปลกใจที่อีกฝ่ายรู้จักค่ายกลนี้ แต่เมื่อมองจากสภาพก็คงจะเป็นอย่างที่อีกฝ่ายกล่าว ค่ายกลจันทราพิฆาตคือจะเป็นเวลากลางคืนตลอดเวลา ภัยอันตรายซ่อนอยู่ในเงามืด วิธีที่หลุดพ้นค่ายกลนี้ได้คือทำลายหินหรือต้นไม้หลักของค่าย ปัญหาตอนนี้คือมันมืดขนาดนี้จะเห็นจุดซ่อนของค่ายกลได้อย่างไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม