สมาธิที่ถูกรบกวน

951 คำ
กลางดึก.... “ท่านเจ้าที่ ท่านเจ้าที่ที่ประจำผับนี้อยู่ที่นี่ไหมคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นหน้าศาลเจ้าที่ ดวงวิญญาณแกร่งผู้ซึ่งพยายามทำสมาธิในเข้าที่เข้าทางถึงกับต้องเบิกตากว้างขึ้นด้วยความหงุดหงิดเมื่อได้ยินคนด้านนอกเรียกแบบนั้น จะมีใครที่ไหนมาเรียกหาผีเจ้าที่แบบนี้กัน… “หนูชื่อมัดหมี่นะ เป็นคู่หมั้นของท่านวายุ หนูเคยมาที่นี่แล้วปู่ก็ตามมาท่านจำได้ไหม” ประโยคถัดมาของคนด้านนอกทำให้เจ้าที่แกร่งถอนหายใจออกมา ผู้ที่มารบกวนการทำสมาธิของเขาในค่ำคืนนี้คือเจ้าสาวของเพื่อนรักเขานั่นเอง “จะรอให้กูออกจากสมาธิก่อนก็ไม่ได้ แค่รอให้ถึงหน้าหนาวแล้วค่อยมาเจอกันนี่มันยากนักหรือไง วุ่นวายทั้งผัวทั้งเมีย” เสียงทุ้มบ่นอุบเมื่อนึกถึงใบหน้าดุดันของเพื่อนรัก มีเพียงวายุเท่านั้นที่มากวนเขาจนต้องออกจากสมาธิโดยไม่รอให้ถึงหน้าหนาว ตอนนี้ยังมีคนรักของวายุอีก “น่าเบื่อฉิบหาย กูยิ่งสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวด้วยช่วงนี้” วูบ~ เงาดำของเจ้าที่ประจำศาลปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าเรือนร่างอรชร ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าสวยหวานของผู้เป็นเจ้าสาวของเพื่อนรัก เมื่อจำได้แล้วว่าเธอคนนี้คือคนที่เพื่อนเคยมาตามที่ผับก็ค่อย ๆ เผยเรือนร่างอย่างคนปกติให้เธอเห็น “ท่านเจ้าที่เหรอคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ “คู่หมั้นวายุรึ?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้วไปด้วยเพราะไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าเธอมาหาเขาทำไม ส่วนเรื่องที่เธอมองเห็นเขาหรือกล้าพูดคุยกับเขามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเจ้าสาวของโลกวิญญาณสามารถมองเห็นวิญญาณได้อยู่แล้ว “ใช่ค่ะ หนูเคยมาดื่มกับเพื่อนที่นี่แล้วปู่เอ๊ยท่านวายุตามมา ตอนนั้นท่านวายุบอกว่าท่านเจ้าที่เป็นคนพาเขาเข้าไปในผับ” “อืม จำได้แล้ว” ร่างสูงพยักหน้าเมื่อเข้าใจ “วายุมันไม่ได้มาที่นี่หรอก แต่พลังของมันที่แผ่ออกมาจากเธอเหมือนมันกำลังมีปัญหานะ” เจ้าของดวงตาดำขลับจ้องมองไปที่เรือนร่างอรชรเมื่อสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของเพื่อนรักที่แผ่ออกมาปกป้องคู่หมั้นสาวนั้นอ่อนแอเต็มที “เข้าไปคุยในศาลฉันก่อน ตรงนี้ฉันต้องคายอาคมแล้ว” เพราะเขาหยุดเวลาไว้ไม่ให้ผู้คนเห็นว่าเธอกำลังยืนคุยกับศาลเจ้าที่อยู่ เป็นเวลานานหลายชั่วโมงที่เจ้าของศาลพูดคุยและทำพิธีกรรมบางอย่างให้เจ้าสาวของเพื่อนรัก ด้วยว่าวายุนั้นทำผิดต่อบัญญัติของโลกวิญญาณจนถูกคำสาปเล่นงานเข้า ทำให้ดวงวิญญาณของเขาต้องแตกดับในเร็ววันหากไม่รีบแก้คำสาปนั้น บัญญัติสวาท… คือบัญญัติที่เหล่าดวงวิญญาณนั้นหวาดกลัว ว่ากันว่าหากวิญญาณไหนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนเป็นในคืนก่อนวันปล่อยผี วิญญาณนั้นจะอ่อนแอลง วิธีแก้ก็คือต้องมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนเป็นคนนั้นอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวันพลังที่หายไปจึงจะกลับมา ทว่าที่กล่าวมานี้ก็เป็นเพียงการแก้คำสาปชั่วคราวเท่านั้น เพราะนานวันเข้าวิธีนี้ก็ไม่ได้ผล วิญญาณนั้นจะแตกดับไปในที่สุด วิธีที่ทำให้คำสาปนั้นสูญสิ้นไปก็คือวิญญาณนั้นต้องเข้าพิธีผูกชะตากับคนเป็น หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือแต่งงานนั่นเอง เหตุที่บัญญัติสวาทมีผลในคืนก่อนวันปล่อยผี ก็เพราะเหล่าวิญญาณจะมีความต้องการทางเพศสูงจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ในคืนนี้นั่นเอง เจ้าแห่งภพชาติผู้เป็นใหญ่ในโลกวิญญาณจึงตั้งกฎนี้ขึ้นมาเพื่อปกป้องผู้อาศัยเพราะกลัวว่าบรรดาเจ้าที่และผีบ้านผีเรือนจะห้ามตัวเองไม่อยู่จนทำมิดีมิร้ายผู้อาศัยเข้า เวลาต่อมา... วูบ~ “ท่านเหมันต์คะ! ลินมีข่าวมาบอกค่ะ” เสียงบริวารสาวเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีกระหืดกระหอบขณะเรือนร่างอรชรค่อย ๆ ปราฏขึ้นเบื้องหน้าเจ้าที่แกร่ง “มีอะไรไว้คุยพรุ่งนี้ เมื่อกี้กูเพิ่งใช้พลังไป ตอนนี้กูต้องรีบกลับไปทำสมาธิ” เสียงทุ้มบอกกับบริวารสาวขณะก้าวขาขึ้นไปนั่งบนแท่นบำเพ็ญหลังจากที่มัดหมี่กลับไปได้สักพักแล้ว เขาใช้พลังไปกับพิธีกรรมนั้นจนตัวเองแทบหมดแรง “ไม่ได้ค่ะ ท่านเหมันต์ต้องฟังลินก่อน” บริวารสาวรีบแย้งก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นสายตาดุ ๆ ของเจ้าที่แกร่ง “เด็กคนนั้นกลับมาแล้วค่ะ” “...” “ตอนนี้กำลังเดินมาทางนี้ค่ะ เอาของไหว้มาด้วย” “...” “ลินมาบอกแค่นี้แหละค่ะ ท่านเหมันต์ทำสมาธิต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวลินจะพรางเสียงและปิดบังภาพด้านนอกศาลให้ จะได้ไม่ต้องมีเสียงหรือภาพของใครมากวนใจท่านเหมันต์” “มึงจะไปไหนก็ไป” เสียงทุ้มบอกบริวารสาวเมื่อได้ยินแบบนั้น “ได้ค่ะ เดี๋ยวลินจะรีบออกไปลงอาคมพราง… / กูสั่งให้มึงทำตั้งแต่เมื่อไหร่!” น้ำเสียงดุ ๆ ของเจ้าที่แกร่งว่าให้บริสาวที่ยืนยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่เบื้องหน้าก่อนจะหายวับออกจากแท่นบำเพ็ญไปในทันทีทันใด “ระริกระรี้เชียวนะเจ้านายอีลินเนี่ย คิก ๆ” บริสาวหัวเราะคิกคักให้ผู้เป็นนายก่อนจะหายวับออกจากศาลไปเพื่อสังเกตเหตุการณ์ต่อเมื่อเห็นท่าทีของเจ้านายตน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม