“กินอิ่มกันแล้วก็ออกเดินทางต่อเถอะจะได้ไม่เสียเวลา ข้าอยากเข้าไปดูในป่าเพิ่มสักหน่อย” ลี่หลินบอกทุกคนก่อนรีบมุ่งหน้าเดินขึ้นเขาไป
“พี่สะใภ้รอข้าด้วยเจ้าค่ะ” อ้ายฉิงเมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้รีบจ้ำอ้าวออกไปก็รีบวิ่งตามทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มสองคนยืนมองหน้ากันด้วยความงุนงงอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดลี่หลินจึงเร่งรีบขนาดนี้
“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านตามมาได้แล้ว มัวทำอะไรอยู่” อ้ายฉิงตะโกนบอกพี่ชายทั้งสองให้รีบเร่งตามนางไป
ลี่หลินรีบมุ่งหน้าเข้าป่าด้วยความตื่นเต้น วันนี้นางขึ้นเขามาแล้วยังไงก็ต้องได้ของกินติดมือกลับไป แต่สอดส่ายสายตามองหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักทีจนลี่หลินเริ่มท้อใจ นางจะได้แค่เห็ดหอมกลับไปจริงๆ หรือ
“พี่สะใภ้เจออะไรกินได้หรือเปล่าเจ้าคะ” อ้ายฉิงร้องถามขึ้นเมื่อเห็นลี่หลินหยุดเดิน
“ข้ายังไม่เจออะไร พวกเราเดินมาไกลขนาดนี้แล้วนะ เหตุใดยังไม่เจอของกินสักที” ลี่หลินพึมพำออกมาอย่างถอดใจ
นางเดินขึ้นเขาจนเหนื่อยล้าแต่ก็ยังไม่พบสิ่งใด หากกลับไปโดยมีแค่เห็ดหอมครึ่งตะกร้าคงไม่คุ้มค่ากับความยากลำบาก
“ถ้าเหนื่อยก็พักก่อนเถอะเจ้าค่ะ อย่าหักโหมเกินไปพวกเราโชคดีได้เห็ดมาตั้งเยอะ”
“เดินขึ้นเขามาไกลขนาดนี้แต่ได้แค่เห็ดเนี่ยนะ เจ้าว่ามันคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากหรือไง” ลี่หลินถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“พะ พี่สะใภ้อย่าเพิ่งโมโหไปเลย ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น แต่ก่อนพวกเราเดินขึ้นเขาไกลกว่านี้ตั้งเยอะ ยังไม่โชคดีได้ของกินเช่นท่าน พี่สะใภ้โชคดีกว่าคนอื่นมากเลยนะเจ้าคะ” อ้ายฉิงพยายามปลอบใจเมื่อเห็นลี่หลินเหนื่อยหอบ หากพี่สะใภ้ลำบากเกินไปจนขอหย่ากับพี่ใหญ่ขึ้นมานางจะทำอย่างไร นางไม่ต้องการให้พี่สะใภ้ใหญ่ขึ้นเขาแบบนี้อีกแล้ว
เมื่อได้ยินสิ่งที่อ้ายฉิงพูดเพื่อปลอบใจลี่หลินก็ได้แต่ส่ายหน้าออกมาอย่างปลงตก นางขึ้นเขาแค่นี้ก็รู้สึกเหนื่อยหอบจนแทบเดินต่อไปไม่ไหว แล้วเด็กพวกนี้ที่เดินขึ้นเขาไกลๆ แล้วไม่ได้ของกินติดไม้ติดมือมาหล่ะ พวกเขาผ่านช่วงเวลาแสนยากลำบากนี้ไปได้อย่างไร จากที่ลี่หลินกำลังโมโหแทบตายก็กลายเป็นสงสารแทน
“ข้าขอนั่งพักอีกสักหน่อย หายเหนื่อยแล้วค่อยไปต่อ” ลี่หลินเดินเข้าไปนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีลมพัดผ่านเป็นระยะ ดูเหมือนว่าตอนนี้นางคงเดินขึ้นมาถึงด้านบนของภูเขาแล้ว
“พี่สะใภ้ดื่มน้ำก่อน ข้าจำได้ว่าแถวนี้มีทุ่งดอกไม้เดี๋ยวข้าเดินไปเก็บพวกมันมาให้ท่านดูดีหรือไม่” อ้ายฉิงเสนอขึ้นมา
“อืม ดีเหมือนกัน หากพวกมันใช้ได้ข้าค่อยเดินไปเก็บ แต่หากใช้ไม่ได้ข้าก็ไม่ต้องเดินไปให้เหนื่อย”
“ท่านนั่งรอสักครู่เดี๋ยวข้ามา” อ้ายฉิงรีบวิ่งออกไปเก็บดอกไม้ตามเส้นทางที่นางจดจำได้ทันที
ลี่หลินนั่งถอนหายใจออกมาอีกหลายครั้ง ชีวิตนางไม่เคยพบเจอความลำบากเช่นนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในโลกนั้นหรือโลกนี้ก็ตาม ลี่หลินไม่อยากมีชีวิตยากลำบากแบบนี้อีกต่อไป ถึงครอบครัวหยางจะอดทนกับความยากลำบากได้แต่นางไม่ใช่ ลี่หลินไม่เหมือนพวกเขา นางอดทนต่อความยากลำบากไม่ได้
“อ้ายฉิงหล่ะ” หยางหนิงเฉิงเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่า ลี่หลินนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่คนเดียว
“นางบอกว่ามีทุ่งดอกไม้อยู่แถวนี้ เลยอาสาไปเก็บพวกมันมาให้ข้าดูเผื่อใช้ประโยชน์ได้ ข้าเหนื่อยจึงไม่ได้ตามนางไป” ลี่หลินบอกเขาอย่างไม่ใส่ใจ
“ถ้าเจ้าเหนื่อยมากพวกเราพอแค่นี้ก่อนก็ได้ วันหลังค่อยมาใหม่” หยางหนิงเฉิงบอกนางด้วยความห่วงใย ลี่หลินมีชีวิตสุขสบายมาตลอด นางอดทนกับความยากลำบากขนาดนี้ได้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
“ไม่หล่ะ ข้าอุตส่าห์ถ่อสังขารขึ้นมาถึงนี่เชียวนะ ไม่ยอมได้แค่เห็ดติดมือกลับไปเด็ดขาด” ลี่หลินบอกเขาอย่างมุ่งมั่น นางเหน็ดเหนื่อยมาตั้งนานสวรรค์จะไม่เห็นใจหน่อยหรือ ชีวิตคุณหนูตกอับลำบากลำบนเกินไปแล้วสำหรับนาง
“พี่สะใภ้ พี่สะใภ้ ข้าได้ดอกไม้มาแล้วเจ้าค่ะ ท่านลองดูพวกมันนำมาใช้ได้ไหม” อ้ายฉิงส่งเสียงเรียกมาแต่ไกลนางเก็บดอกไม้มาเต็มตะกร้า
“เจ้าเอามาให้ข้าดูใกล้ๆ ซิ”
“นี่เจ้าค่ะ” อ้ายฉิงยื่นดอกไม้สีแดงอมชมพูลักษณะเป็นช่อหรือพวงก็ไม่แน่ใจให้ลี่หลินดู
“นะ นี่มัน นี่มันควินัวหนิ เจ้าได้มาจากไหน” ลี่หลินเบิกตากว้างอย่างดีใจ ควินัวเป็นธัญพืชที่มีประโยชน์มาก สามารถนำมากินแทนข้าวหรือทำอาหารอย่างอื่นได้ หากพวกมันมีเยอะครอบครัวนางจะไม่ลำบากเรื่องอาหารอีกหลายเดือน
“เอ๊ะ ข้าถามว่าเจ้าเอามาจากไหน เหตุใดยังไม่ตอบอีก” เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบลี่หลินก็หันไปสบตากับอ้ายฉิงเพื่อคาดคั้น
“ขะ ข้าได้มาจากหุบเขาด้านล่างเจ้าค่ะ” อ้ายฉิงรีบตอบคำถามพัลวัน เมื่อกี้นางมัวแต่ตกใจกับความงามของพี่สะใภ้ที่แย้มรอยยิ้มสดใสออกมา จนหลงลืมไปเลยว่าพี่สะใภ้ถามอะไร
“เจ้านำทางไป พวกเราได้ของดีกันแล้ว” ลี่หลินหันไปบอกกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม นางได้ของดีติดมือกลับไปคุ้มค่าเหนื่อยแล้ว
“แล้ว เอ่อ ดอกไม้นี้มันดียังไงหรือขอรับพี่สะใภ้” อี้เฉินถามออกมาอย่างใคร่รู้ขณะเดินตามหลังทุกคนไป
“พวกเจ้าจะไปรู้อะไร ดอกไม้พวกนี้สามารถนำมากินแทนข้าวได้เชียวนะ เอามาทำเป็นโจ๊กหรือผสมในอาหารอื่นๆ ก็ได้ มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย พวกมันมีกากใยอาหารช่วยให้อิ่มนาน ปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด ดีต่อระบบขับถ่าย อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย” ลี่หลินสาธยายประโยชน์ของควินัวให้อี้เฉินฟังอย่างภูมิใจ
“ข้าไม่ค่อยเข้าใจหรอกพี่สะใภ้ แต่พอจับใจความได้ว่ามีประโยชน์มากแน่นอน” อี้เฉินบอกลี่หลินอย่างงุนงง เขาไม่เข้าใจภาษาที่พี่สะใภ้พูดมาเลยคำศัพท์บางคำก็ไม่เคยได้ยินผ่านหู
“ช่างเถอะ พวกเจ้าไม่เข้าใจก็ไม่แปลก ข้าจะบอกวิธีเก็บเกี่ยวพวกมันให้ เจ้าต้องเด็ดช่อดอกของพวกมันออกจากต้นแล้วนำไปผึ่งแดดให้แห้ง จากนั้นนำไปกะเทาะเอาเฉพาะเมล็ดแล้วนำไปเก็บไว้ในที่แห้งเจ้าจะได้เมล็ดควินัว วะ ว๊ายยยยยยยยย กรี๊ดดดดด” ยังไม่ทันบอกวิธีเก็บควินัวเสร็จลี่หลินก็ต้องกรีดร้องออกมา นางเดินสะดุดก้อนหินล้มจนกลิ้งตกหน้าผา
“กรี๊ดดดดดดด พี่สะใภ้” อ้ายฉิงกรีดร้องออกมาสุดเสียง
“พี่สะใภ้” อี้เฉินเองก็อุทานออกมาด้วยความตกใจเช่นกัน
“ลี่หลิน” หยางหนิงเฉิงร้องเรียกชื่อนางเสียงสั่น ก่อนวิ่งตามลงไปด้วยความห่วงใย ทางเดินบนหน้าผาลาดชัน หากไม่ทันระวังให้ดีย่อมกลิ้งตกลงไปอย่างลี่หลิน
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อเดินมาถึงตัวนางหยางหนิงเฉิงก็รีบเข้ามาดูอาการทันที
“โอ๊ยยยย ฮือออ เจ็บสิ ท่านถามออกมาได้” ลี่หลินร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด เหตุใดนางถึงโชคร้ายเช่นนี้กัน ฮือ เจ็บโว้ยยยย
“เจ้าอยู่นิ่งๆ ก่อน” หยางหนิงเฉิงพยุงลี่หลินให้ลุกขึ้นนั่งเขาสำรวจร่างกายนางตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงข้อเท้า
“โอ๊ยยย เจ็บบบบ ข้าเจ็บบบบ ฮือออ ท่านจะฆ่ากันหรือยังไง” ลี่หลินโวยวายออกมาพร้อมกับน้ำตาไหลพราก หยางหนิงเฉิงบิดข้อเท้าของนางจนเจ็บปวดขนาดนี้ได้ยังไง
“เจ้าข้อเท้าพลิก ข้าจัดการให้แล้ว แต่ต้องทนเจ็บไปอีกหลายวัน กลับถึงบ้านข้าจะพาเข้าเมืองไปรักษา”
“ฮืออออ ฮือออออออ ท่านจะพาข้าเข้าเมืองไปหาหมอได้ยังไง พวกเรามีเงินแค่ไม่กี่ตำลึง ใช้หมดแล้วจะเอาอะไรกิน สวรรค์ช่างใจร้ายกับข้านัก ข้ายากจนเช่นนี้ยังกลั่นแกล้งข้าให้ตกเขาอีก เวรกรรมอะไรของข้าหนักหนาถึงได้มาพบเจอเรื่องเช่นนี้ ฮืออออ ฮือออ ม่ายยย ข้าไม่ยอมมม” ลี่หลินปล่อยโฮออกมาเสียงดัง
พร้อมทั้งด่าทอตัดพ้อชีวิตตัวเอง ส่วนมือก็ดึงทึ้งต้นหญ้าตามพื้นอย่างเหลืออด ลี่หลินสะดุดเข้ากับต้นหญ้าชนิดหนึ่งที่ดึงขึ้นมาแล้วมีรากลักษณะคล้ายหนอนติดมาด้วย นางพยายามเพ่งสายตาพร่าเลือนสังเกตหญ้าต้นนั้นอย่างถี่ถ้วนก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ ฮือๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ โอ้ยยนี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย” ลี่หลินทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะออกมา นางเจอหญ้าหนอนหรือถังเช่าตอนกำลังตกเขาเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ จะดีใจก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก นางควรรู้สึกอย่างไรในตอนนี้
“พี่สะใภ้ ท่านไม่ได้บาดเจ็บหนักใช่หรือไม่” อ้ายฉิงกับอี้เฉินที่พึ่งตามลงมาได้เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง พี่สะใภ้ของนางทั้งมอมแมม เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย ผมบนหัวยุ่งเหยิง แถมยังหัวเราะร้องไห้สลับกันไปมาอีกด้วย ช่างน่าเป็นห่วงยิ่งนัก
“ข้าไม่เป็นอะไร พวกเราเจอขุมทรัพย์แล้วหล่ะ” ลี่หลินพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี