“หนูมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”
“คือว่าหนู เอ่อ น้ำหวานอยากจะมาของานคุณธีรักษ์น่ะค่ะ น้ำหวานรู้ว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์ แต่น้ำหวานหัวไวมากนะคะ ทำได้ทุกอย่างเลยค่ะ” เธอร่ายข้อดีของตัวเองที่ธีรักษ์เห็นชัดตั้งแต่มองผ่านกล้องครั้งแรก “น้ำหวานรับค่าจ้างแค่ครึ่งเดียวก็ได้นะคะ”
“งั้นผมถามตามตรงนะว่าทำไมถึงอยากได้งานนัก”
“น้ำหวานอยากได้เงินไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ค่ะ”
“พูดตรงดีนะ ผมชอบ แต่ผมคงให้คุณมาเป็นแบบไม่ได้ ต่อให้คุณยอมทำงานฟรี ๆ ผมก็รับคุณไว้ไม่ได้”
“น้ำหวานน่าเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
คนใจแข็งอย่างธีรักษ์ถึงกับกลั้นหายใจเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะร้องไห้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้หญิงบีบน้ำตาเรียกร้องความสนใจตรงหน้าเขา แต่นี่คือครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่าง
เขาต้องปลอบใจ ‘หนูน้ำหวาน’
“หนูสวยมากต่างหาก แต่ปัญหาก็คือผมไม่ชอบทำงานกับนางแบบที่ทำให้เสียสมาธิ”
“หนูเนี่ยนะคะ?” เธอถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“แค่หนูนั่งอยู่ใกล้ ๆ ใจผมก็สั่นไปหมดแล้ว”
ในบาร์มืดเกินกว่าที่จะเห็นสีสันบนใบหน้าของสาวน้อย แต่ธีรักษ์มั่นใจว่าเธอกำลังหน้าแดง มือเล็กบีบแน่นอย่างไม่รู้ว่าควรตอบโต้อย่างไร ริมฝีปากบางเม้มนิด ๆ ยั่วยวนคนมองอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่แฟร์เลยนะคะ คุณคิดไม่ซื่อ แต่น้ำหวานดันเป็นฝ่ายซวย” เธอพ่นลมหายใจออกมาอย่างอึดอัด “น้ำหวานแค่อยากไปเที่ยวกับเพื่อน น้ำหวานไม่เคยไปทะเล…แต่ช่างมันเถอะค่ะ”
“งั้นถ้าผมให้หนูทำงานอย่างอื่นล่ะ?”
“น้ำหวานไม่รับงานแบบนั้น…” เธอพูดเสียงแข็ง
“คืนนี้อยู่กับผม ตามใจผม ถ้าเรื่องไหนหนูไม่ชอบก็ไม่ต้องทำ โอเคไหม” ธีรักษ์เสนออย่างใจกว้าง
“คุณจะไม่ปล้ำหนูใช่ไหมคะ?” เธอเผลอแทนตัวตามที่เขาเรียก น่ารักน่าหยิกจนคนฟังอยากขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิดและบีบแก้มนุ่มเบา ๆ สักสองสามที
“ผมจะไม่ทำอะไรที่ฝืนใจหนูเด็ดขาด อย่างมากที่สุดเราก็แค่นั่งฟังเพลงและดื่มด้วยกัน แค่นั้นแหละที่ผมต้องการ”
ธีรักษ์หลอกตัวเองว่าอยากได้แค่เพื่อนคุยแก้เหงา จบแล้วแยกย้ายกันกลับ ไม่มีอะไรลึกซึ้งผูกพัน แต่ลึก ๆ ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเธออายุมากกว่านี้สักสองสามปี เขาคงไม่ทำแค่นั่งดื่มเป็นแน่
“ถ้าแค่คุยกับดื่มก็พอได้ค่ะ น้ำหวานนั่งเป็นเพื่อนคุณได้จนบาร์ปิดเลย”
ภัควรินทร์ยิ้มตาหยี เอียงคอเล็กน้อยขณะอ่านรายการเครื่องดื่มที่ตัวเองแทบไม่รู้จัก เธอดื่มวิสกี้แบบเขาไม่ได้แน่ ๆ แต่จะให้เลือกสุ่มสี่สุ่มห้าก็ดูจะเสี่ยงเกินไปนิด
“หนูดื่มไม่เป็นใช่ไหม”
“ดื่มได้ค่ะ แต่เลือกไม่ค่อยเก่ง ปกติเพื่อนของน้ำหวานเลือกให้ เอ่อ คุณธีรักษ์น่าจะรู้จัก ยัยเหมียวน่ะค่ะ” เธอเล่าให้ฟังว่าเพื่อนสนิทชักชวนให้ลองไปแคสต์งาน แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวเพราะไร้ประสบการณ์ บวกกับช่างภาพคิดลึกจนไม่อยากร่วมงานด้วย
“ตอนแรกน้ำหวานเสียใจนะคะที่ไม่ได้งาน แต่พอคุณให้น้ำหวานนั่งเป็นเพื่อนแลกค่าจ้างแบบนี้ น้ำหวานอารมณ์ดีทันทีเลยค่ะ”
“อารมณ์ดีแบบนี้ต้องชนแก้วกันหน่อยแล้วละ เดี๋ยวผมสั่งให้หนูเองดีกว่า” ธีรักษ์เรียกพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ใกล้ ๆ และสั่งค็อกเทลที่ไม่แรงมากให้กับสาวน้อยหน้าหวาน พอหันกลับมาสบตากับเธออีกครั้ง เขาก็แทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ
เธอยิ้มหวานให้กับเขา รอยยิ้มนั้นเป็นธรรมชาติและออกมาจากใจ ไม่ดูเสแสร้งเหมือนอย่างตอนแคสต์งาน…เธอแค่กำลังมีความสุขอย่างมากก็เท่านั้นเอง
“ยิ้มแบบนี้ไม่กลัวผมจับกินเหรอ?”
“คุณไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ ถ้าคุณคิดจะกินน้ำหวานจริง ๆ ก็คงไม่ขอให้พนักงานเสิร์ฟบอกบาร์เทนเดอร์ให้ชงเครื่องดื่มเบา ๆ ให้…ขอบคุณคุณธีรักษ์มากนะคะที่ใจดีกับน้ำหวาน”
“เรียกคุณธารเถอะหนู…”
“ก็ได้ค่ะ แต่คุณห้ามเรียกหนูว่าหนู เรียกแบบนั้นแล้วฟังดูเหมือนเรียกเด็กเสี่ย หนูไม่ชอบ เอ่อ น้ำหวานไม่ชอบค่ะ”
“แล้วถ้าผมยอมให้ปรับครั้งละพันล่ะ น้ำหวานโอเคหรือเปล่า?” ธีรักษ์แกล้งถาม ทั้ง ๆ ที่ยังกลั้นขำอยู่ ตัวเองเป็นคนเริ่มต้นแทนตัวว่า ‘หนู’ ก่อนแท้ ๆ แต่กลับห้ามไม่ให้เขาเรียกเสียอย่างนั้น
“ครั้งละร้อยก็ได้ค่ะ น้ำหวานใจดีลดให้ เรียกสิบครั้งฟรีครั้งหนึ่ง แบบนี้ดีไหมคะ” เธอจิบค็อกเทลสีสดใสที่พนักงานเพิ่งนำมาเสิร์ฟ แล้วเริ่มต้นทำหน้าที่คู่สนทนาอย่างตั้งอกตั้งใจทันที
“คุณธารชอบถ่ายภาพมานานหรือยังคะ”
“ตั้งแต่สมัยมอปลาย แล้วน้ำหวานล่ะ เรียนอยู่ปีไหนแล้ว เวลาว่างชอบทำอะไร” ธีรักษ์ตอบสั้น ๆ ก่อนโยนคำถามกลับและอีกฝ่ายก็ยินดีที่จะให้คำตอบอย่างไม่ปิดบัง
บทสนทนาของหนุ่มสาวที่วัยต่างกันถึงสิบสี่ปีดำเนินไปอย่างลื่นไหล สนุกสนานครบรสจนลืมเวลา ไม่ได้สังเกตเลยว่าเครื่องดื่มบนโต๊ะถูกเสิร์ฟแก้วแล้วแก้วเล่า
รู้ตัวอีกที…ธีรักษ์ก็ชักเริ่มมึน ๆ ส่วนภัควรินทร์นั้นเมาไม่รู้เรื่องไปตั้งนานแล้ว