“พูดเป็นเล่น โรคจิตที่ไหนจะใส่สูทแบรนด์ดังราคาสูงลิบแบบนี้ เรื่องเป็นมายังไง แกต้องเล่ามาให้หมด” จัสมินคาดคั้นจริงจังจนเธอทำหน้ากระอักกระอ่วน จะให้เธอเล่าวีรกรรมเมื่อกี้นี้ได้ยังไง ถ้าเล่าสองคนนี้ก็ต้องรู้น่ะสิว่าเธอทำอะไรไว้กับหน้าอก แล้วถ้ารู้เธอไม่ต้องโดนล้อว่า...ยัยหน้าอกลูกโป่งตู้มๆ ด้วยอีกคนรึไง
“เอ่อ! ก็ คือ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีจริงจิ๊ง อุ๊บ!” ให้ตายสิ! โกหกทีไรเสียงทุกที
“บอกมาชมพู่” จัสมินคาดคั้นเสียงต่ำอย่างรู้ทัน ก็ถ้าแม่คุณเสียงสูงแบบนี้ แสดงว่าต้องปิดบังอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร แกจะเซ้าซี้ทำไมเนี่ย ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เย็นเลย” ชมพูแพรเปลี่ยนเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการเรียกคะแนนสงสาร แต่เพราะคบกันมานานจนรู้ไส้รู้พุงทั้งสองคนจึงไม่หลงกลง่ายๆ
“ถ้าไม่มีอะไร แล้วแกจะเอาเสื้อเขามาใส่ทำไม บอกมาเดี๋ยวนี้นะชมพู่ อย่าให้ฉันต้องใช้ไม้ตายกับแก” จัสมินขู่เสียงต่ำ ทำเอาคนถูกขู่ถึงกับหน้าเหลอหลาด้วยความตกใจ แต่เธอจะยอมให้ความลับนี้เปิดเผยไม่ได้เป็นนอันขาด
“ก็ฉันหนาว ฉันก็ต้องหาเสื้อมาใส่สิ เอ้อ! พวกแกนี่ก็ถามแปลก แล้วนี่มานั่งอยู่นี่ทำไมเนี่ย ทำไมไม่ไปนั่งร่วมวงกับเพื่อนๆ ไปๆๆ ไปหาเพื่อนกันดีกว่า” เธอตัดบทด้วยการเดินตรงไปยังโต๊ะเพื่อนคนอื่นๆ ที่กำลังเฮฮาปาร์ตี้กันอยู่ ปล่อยให้เพื่อนรักทั้งสองต้องมองตามอย่างเข่นเขี้ยว
“เฮ้ย! ทำไมเอกสารที่ผมให้คุณทำ มันถึงได้เปะปะปนกันมั่วไปหมดแบบนี้ล่ะ แล้วใบเสนอราคาที่ผมให้คุณไปพิมพ์เมื่อวานนี้ล่ะ อยู่ไหน คุณทำงานประสาอะไรของคุณหาเมเบล ฝีมือคุณตกไปเยอะเลยนะ หรือว่าคุณอยากจะเปลี่ยนงานใหม่” ริคาโด้อารมณ์เสียทันทีที่เห็นเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะเช้านี้ไม่เป็นไปอย่างที่คิด
“ขะขอโทษค่ะท่านประธาน อย่าไล่ฉันออกเลยนะคะ ฉันจะรีบแก้ทั้งหมดให้เดี๋ยวนี้ค่ะ” เมเบลเลขาหน้าห้องของท่านประธานบอกเสียงสั่น ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไล่ตนออกจริงๆ ความจริงริคาโด้เป็นผู้ชายอารมณ์ขัน เรียกว่าเป็นกันเองมากๆ กับพนักงาน แต่ถ้าเป็นเรื่องงาน เขาก็จะจริงจังมากๆ เช่นกัน เพราะฉะนั้นพนักงานทุกคนจะรู้กันดีว่างานทุกชิ้นที่เขาให้ทำจะต้องออกมาเรียบร้อยไม่มีที่ติ
“ดี งั้นก็รีบไปจัดการซะ ผมต้องการเอกสารทั้งหมดนี่ก่อนเที่ยง” เขายื่นประกาศิตลงไป ทำเอาอีกฝ่ายรีบหอบเอาเอกสารทั้งหมดออกมาแก้ไขโดยเร็ว
“เอ้า! พี่คะ หอบเอกสารมาเยอะแยะเลย มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ” ในขณะที่เมเบลหอบเอกสารพะรุงพะรังเดินออกมา ชมพูแพรที่เดินเข้ามาพอดีก็ทักขึ้น
“หยุดอยู่ตรงนั้น แล้วก็เก็บความหวังดีของเธอกลับไปซะ เพราะเธอคนเดียว ทำงานไม่เป็นก็ไม่บอก ฉันเกือบถูกไล่ออกก็เพราะงานชุ่ยๆ ของเธอ ท่านรองนะท่านรองเอาคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ยังไง” เมเบลต่อว่าด้วยความหงุดหงิด ทำเอาชมพูแพรถึงกับผงะด้วยความตกใจและงงงันไปในคราวเดียวกัน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันทำอะไรให้พี่ไม่พอใจรึเปล่า ฉันทำอะไรผิดไปเหรอคะ ฉันมันแย่มากๆ เลย แต่พี่คะ ทั้งหมดที่ฉันทำไปขอให้พี่รู้แค่ว่า...ฉันไม่ได้ตั้งใจ” อารมณ์ประมาณนางเอกเกาหลีมาเองแบบนี้ ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับผงะด้วยเหมือนกัน ก็คุณเธอเล่นเต็มทั้งหน้าตา ทั้งน้ำเสียงแบบนี้ เป็นใครจะไม่อึ้งงบ้างล่ะ
“อะเอ่อ! ช่างเถอะๆ คราวหน้าคราวหลังก็อย่าสะเพร่าแบบนี้อีกละกัน” ว่าแล้วเมเบลก็ตั้งใจจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง โดยปล่อยให้เรื่องนี้จบลงเพียงแค่นี้ แต่คนที่ไม่ยอมจบเห็นจะเป็นชมพูแพรนี่แหละ
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ชมพูแพรตั้งใจจะเดินเข้าไปช่วยอีกฝ่ายถือของที่พะรุงพะรัง แต่ขาเจ้ากรรมกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือ มิหนำซ้ำยังก้าวพลาดล้มเซไปปะทะอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง ยังผลให้เมเบลล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปกองกับพื้น ท่ามกลางเอกสารที่หล่นเพ่นพ่านกระจัดกระจาย
“ชมพูแพร” หลังจากที่ตั้งสติได้ เมเบลถึงกับตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยความโมโหทันที
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เธอบอกเสียงเศร้า และดูเหมือนครั้งนี้เธอจะเล่นเต็มกว่าครั้งที่ผ่านมาซะด้วย ก็แม่คุณเล่นน้ำตาคลอเบ้า เรียกคะแนนสงสารให้ตัวเอง แต่เธอคงจะลืมไปว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แม่พระ ที่จะยอมให้อภัยเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
“เฮอะ!” เมเบลสะบัดหน้าด้วยความโมโหหลังจากที่เก็บเอกสารของตัวเองเสร็จแล้ว ในขณะที่เธอยังนั่งน้ำตาคลอเบ้าอยู่แบบนั้น กระทั่งแห็นว่าเมเบลสนใจและนั่งหมกมุ่นอยู่กับงานกองใหญ่ของตัวเองเท่านั้นแหละ คุณเธอถึงได้เดินยิ้มร่าออกไป เอิ่ม! เอารางวัลออสก้าไปเถอะ
“ช่วยไม่ได้ ก็เธออยากใช้งานฉันเยี่ยงทาสเองทำไมล่ะ คิดจะใช้คนอื่นเป็นสะพาน เอาความดีความชอบเข้าตัวเองก็ต้องเจอแบบนี้แหละ ชิ! เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับชมพู่ นี่ถ้าไม่กลัวว่าจะไม่ผ่านโปรล่ะก็ แม่จะจัดให้หนักกว่านี้เลย” ชมพูแพรเดินยิ้มร่าออกมา ปล่อยให้อีกฝ่ายทำงานของตัวเองจนหัวหมุนอยู่คนเดียว เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อวานที่เธอเจอมา ความจริงงานง่ายๆ แค่นี้ ทำไมเธอจะทำให้ดีไม่ได้ แต่ที่เธอทำชุ่ยๆ ไปแบบนั้น ก็เพราะว่าหมั่นไส้อีกฝ่ายนั่นแหละ ก็แม่นั่นเล่นใช้งานเธอเป็นวักเป็นเวร เพียงเพราะเห็นว่าเธอเป็นเด็กใหม่ที่คิดจะรังแกยังไงก็ได้ และที่น่าหมั่นไส้ไปกว่านั้นคือ...แม่คุณเล่นเอางานทั้งหมดให้เธอทำ ส่วนตัวเองก็เอาแต่นั่งแต่งหน้าทาปาก จากนั้นก็นั่งหัวเราะกับโทรศัพท์ โดยไม่สนใจถามไถ่หรือเป็นห่วงเธอเลยสักนิด เพราะแบบนี้ไงล่ะเธอถึงได้ต้องแก้เผ็ดกลับไป คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่รังแกกันแบบนี้อีก
ดังนั้นตลอดทั้งวันเธอจึงว่างพอที่จะเดินสำรวจจนทั่วบริษัท แน่นอนว่าเวลาแบบนี้ไม่มีใครว่างมาจับผิดเธอแน่ และที่เดียวที่เธออยากจะไปมากที่สุดในตอนนี้ก็คือชั้นบนสุดของตึกแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ที่ใครต่อใครต่างก็ขนานนามมันว่า สวรรค์บนดิน เพราะมันคือ พาราดีสคลับ คลับเฮาส์สุดหรูที่เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกี่ยวอะไรกับบริษัทแบรนเดอร์ที่เธอทำอยู่ตอนนี้ แต่ที่รู้ก็คือ ทั้งสองสถานที่ตั้งอยู่ในอาคารเดียวกัน แต่กลับแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน และดูท่าว่าคลับเฮาส์สุดหรูนั่นจะเข้าไปยากเอาการอยู่เหมือนกัน แต่...‘ยิ่งยากก็ยิ่งต้องลอง ไม่ลองก็ไม่รู้น่ะสิ ชมพู่สู้โว้ย’ เธอให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังลิฟท์ที่แยกออกไปอีกทางอย่างมุ่นมั่น