“ฉันจะมาทำไม มันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” อันนี้เธอก็ไม่ได้ผิดคำพูด เพราะเธอตอบคำถามเขาแล้วจริง แต่เป็นการตอบที่ไม่ได้คำตอบเท่านั้นเอง เอ๊ะ! ยังไง
“โอเค งั้นผมถามใหม่ คุณมากับใคร หรือว่านัดใครไว้” ชมพูแพรทำท่าใช้ความคิด ว่าควรตอบเขายังไงดี จากนั้นก็ต้องยิ้มออกมา
“มากับแฟน จบไหม” เธอยิ้ม เมื่อคิดว่าเขาต้องเลิกยุ่งกับเธอแล้วแน่ๆ
“คุณโกหก” เขาเองก็ยิ้มตอบกลับไป
“เอ๊ะ! อยู่ๆ มาหาว่าฉันโกหก คุณเอาอะไรมาวัดไม่ทราบว่าฉันโกหก” เธอพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อถูกเขาจับได้ แต่ถ้าเธอไม่รับซะอย่าง เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้ จริงไหม
“ก็หน้าคุณมันฟ้อง” เขายิ้มมุมปาก เรื่องต้อนผู้หญิงให้จนมุม เขาถนัดนักล่ะ
“เอ๊ะ! นี่คุณหาว่าน้ำหน้าอย่างฉัน ไม่มีปัญญาหาแฟนสินะ” ชมพูแพรท้าวสะเอวรู้สึกโมโหขึ้นเป็นสองเท่าที่เขาพูดจี้จุดเจ็บเธอแบบนี้
“คุณดูถูกฉัน ทำไมผู้หญิงอย่างฉันมันแย่ถึงขนาดไม่มีผู้ชายคนไหนอยากได้เป็นแฟนเลยรึไง ฉันไม่สวย ไม่เซ็กส์ซี่ ไม่เร้าใจเหมือนผู้หญิงคนอื่นรึไง” ‘เอ้า! ดราม่าซะงั้น’ ริคาโด้ถึงกับทำหน้างงกับอารมณ์แปรปรวนของแม่คุณ
“เดี๋ยวๆๆ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณสักคำเลยนะ” เธอชะงักกึก พร้อมกับเงยหน้ามองเขาด้วยความกระดาก ‘อ๊าย! นี่ฉันเผลอปล่อยไก่ไปอีกแล้วเหรอเนี่ย โอ๊ย! เมื่อไหร่แกจะเลิกฟูมฟาย ตื่นตูมสักทีนะชมพู่ เอ๊ะ! ถ้าอย่างนั้นที่เราพูดไปเมื่อกี้นี้ เขาก็จับได้แล้วน่ะสิ ว่าเรายังไม่มีแฟน’ (เฮ้อ! จับได้ตั้งนานแล้วย่ะ)
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา มันเสียเวลา” เธอขึ้นเสียงกลบเกลื่อน
“ก็คุณเล่นดราม่ามาเป็นชุด แล้วจะให้ผมแทรกไปตอนไหนไม่ทราบ เอาล่ะๆ งั้นก็แสดงว่าผมพูดถูก” เขายิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ ในขณะที่เธอยังไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร
“เรื่องอะไร” เธอทำหน้างง ก็เขาพูดมาตั้งเยอะ เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร
“ก็ที่คุณโกหกเรื่องที่คุณมีแฟนแล้วหรือจะเถียง” ชมพูแพรกัดปากแน่น พยายามหาทางออกให้ตัวเอง
“ก็ ก็ ก็ เออ! ก็ใช่ไง แล้วมีอะไรไหมล่ะ” สีหน้าและแววตาของเขาที่มองมาราวกับกำลังจับผิด ทำให้เธอไม่สามารถโกหกได้อีกต่อไป
“เปล๊า! ก็ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าผมหมดคำถามละ งั้นผมไปนะ” จู่ๆ เขาก็บอกลาดื้อๆ ทำเอาเธอถึงกับอ้าปากค้าง ‘เฮ้ย! ง่ายๆ แบบนี้เลยเนี่ยนะ แล้วที่วิ่งตามตื๊อเราเมื่อกี้ล่ะ หรือว่าเขาเห็นว่าเราไม่มีค่า ไม่ใช่คุณค่าที่เขาคู่ควร อ๊าย! ไม่นะชมพูแพร เธออย่าเพิ่งดราม่าตอนนี้สิ เธอจะต้องกู้หน้าให้ตัวเองก่อน เธอต้องรู้จักบริหารเสน่ห์นะ เฮ้ย! แต่ฉันทำไม่เป็นนี่ โธ่เอ๊ย! เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะยาก ของแบบนี้มันอยู่ในจิตใต้สำนึก ขุดมันขึ้นมาสิมารยาหญิงน่ะ เชื่อเถอะ! ผู้หญิงทุกคนมี เธอเองก็มี แต่! แต่มันน่าอายนี่นา เกิดใครรู้เข้าเขาไม่หาว่าฉันน่าไม่อายรึไง ที่สำคัญหมอนั่นคงมองว่าฉันเป็นผู้หญิงอย่างว่าอีกน่ะสิ โอ๊ย! เธอมันเรื่องมาก อยากเข้าไปในนั้นไม่ใช่รึไง ใช้เสน่ห์ของตัวเองหลอกล่อให้เขาเป็นสะพานให้เธอสิ ถ้าสำเร็จเธอก็จะได้เข้าไป แล้วก็ยังพิสูจน์ได้ด้วยว่า เธอก็สวยไม่แพ้ผู้หญิงหน้าไหน’ ชมพูแพรยืนสับสนกับความคิดต่างขั้วของตัวเอง ไม่รู้ว่าจะเชื่อความรู้สึกไหนดี
“โอ๊ย! หยุด” เธอตะโกนออกมา สั่งสมองของตัวเองให้หยุดคิดเรื่องพวกนี้ แต่เสียงของเธอมันดันทำให้เขาที่กำลังเดินอยู่ชะงักเท้าหยุดยืนอยู่กับที่ด้วย
“คุณสั่งผมเหรอ” ริคาโด้ค่อยหันกลับมามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้สั่งเขาสักที ‘เออ! ว่าแต่กูจะหยุดทำไมวะเนี่ย’
“หา!” เธอหันไปมองหน้าเขางงๆ แต่เมื่อนึกได้ว่าเสียงตัวเองคงจะทำให้เขาหยุด จึงสวมรอยเล่นเนียนๆ ต่อไปซะเลย
“เอ้อ! ก็ใช่ไง มาคุยกันก่อนสิ ฉันอยากคุยกับคุณ” ‘เฮ้ย! นี่มันคำพูดของเรานี่หว่า ฮึ! เมื่อกี้แม่คุณยังเล่นตัวได้ เราจะเล่นตัวเดินหนีบ้างไม่ได้รึไง’
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ คุณลูกโป่ง ตู้มๆ” เอ๊า! ไหนบอกจะเล่นตัว ไหงเดินมาหาเขาง่ายๆ ราวกับแมวเชื่องๆ ตัวนึงแบบนั้นล่ะพ่อคุณ
“นี่นายโรคจิต บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันแบบนั้น มันน่าเกลียด” เกิดใครรู้เข้าว่าฉายานี้ของเธอมาจากอะไร เธอไม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินเลยรึไง
“งั้นคุณก็บอกชื่อคุณมา ผมจะได้เรียกชื่อคุณแทน” ข้อเสนอของเขาทำให้เธอคิดหนัก ‘ในเมื่อเรากับเขาไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัว วันหน้าก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม บอกชื่อจริงเขาไปก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เอาก็เอาวะ’
“ฉันชื่อเชอรี่ ต่อไปก็เรียกชื่อฉันให้ถูกละกัน” เอ๊า! ไหนว่าจะบอกชื่อจริงเขาไง แล้วไปเอาชื่อใครมาอีกล่ะเนี่ย
“โอเค งั้นต่อไปคุณก็เรียกผมว่าริคแล้วกัน สรุป เรารู้จักกันแล้วนะ ถ้าอย่างนั้นเอาไว้ค่อยเจอกันนะครับ” ‘เอ้าเฮ้ย! ไหงจะไปง่ายๆ แบบนั้นอีกล่ะ ‘ไอ้เรารึอุตสาห์คิดว่าจะชวนเราไปนั่งดื่มข้างบน ที่ไหนได้’ ชมพูแพรถึงกับบ่นอุบ เมื่อเหตุการณ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด
“นี่ เดี๋ยวสิ” เธอเรียกเขาไว้อีก รู้สึกว่าเหตุการณ์มันเริ่มเวียนกลับ เพราะตอนนี้กลับกลายเป็นว่า เธอกำลังตามตื๊อเขา ทั้งๆ ที่มันไม่เป็นแบบนั้นสักหน่อย เอ๊ะ! หรือจะเป็น
“หืม! ว่ายังไงครับคุณลูกโป่ง อ้อ! ไม่ใช่สิ คุณเชอรี่” เขายิ้มมุมปากก่อนหันกลับมา ด้วยรู้ดีอยู่แล้วว่าเธอกำลังอยากจะขึ้นไปบนนั้น แต่ติดปัญหาที่พนักงานระดับล่างอย่างเธอคงขึ้นไปไม่ได้ งานนี้เลยขอเล่นตัวสักหน่อย
“คุณจะไปไหนเหรอ” เธอแสร้งถามทั้งที่ก็รู้ดี
“ก็ขึ้นไปข้างบนไง นี่ก็เสียเวลามากแล้ว งั้นขอตัวนะ หวังว่าเราคงได้พบกันอีก” เขาว่าแล้ว ก็ทำท่าจะผละไปอีก
“โอ๊ย! นี่ เดี๋ยวสิ” เธอขัดใจทั้งเขาทั้งตัวเอง ที่ต้องมาตามตื๊อเขาแบบนี้
“อะไรอีกล่ะครับ เห็นไหมว่ามันเสียเวลา คุณยื้อผมไว้แบบนี้วันนี้ผมจะได้ขึ้นไปสนุกไหมล่ะ” เขาแสร้งว่าไปแบบนั้น ทั้งที่จริงก็กำลังรอให้เหยื่อติดเบ็ด
“เออ! ไปก็ไปสิ ไปเลย” ‘เอ๊า! แล้วนี่ไปประชดเขาเพื่อ... เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะชมพู่’ ทันทีที่เห็นเขาเลิ่กคิ้วกลับมา เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับเขา เพราะมันดูเหมือนคนเป็นแฟนกันกำลังงอนกัน ที่สำคัญมันอาจจะทำให้เธอไม่ได้เข้าไปในนั้นอย่างที่หวังเอาไว้ด้วย
“เอ่อ! คือ ฉันหมายถึง ไปก็ไป แต่ขอฉันไปด้วยคนจะได้ไหม” ทั้งที่กระดากอายอยู่ไม่น้อย แต่เธอจำต้องพูดออกมา ‘ด้านได้ อายอดน่ะ เคยได้ยินไหม’
“หืม! คุณจะไปกับผม” เขาแสร้งย้อนถามอีกครั้งด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “แล้วผมต้องให้คุณไปด้วยงั้นสิ”