24

1390 คำ
“จะรีบไปไหนเหรอ” ริคาโด้วางเรื่องบาดหมางระหว่างเขากับคนสนิทเอาไว้ แล้วหันมาให้ความสนใจคนที่กำลังคิดหนีอย่างเธอแทน “การหนีไม่ใช่วิธีที่ดีสักเท่าไหร่นะ คุณว่าไหม” ริคาโด้เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับส่งมือมาให้เธอจับ และช่วยพยุงเธอขึ้นมา “ฉันเปล่าหนีสักหน่อย (แค่จะขอไปตั้งหลักเฉยๆ) ฉันเห็นว่าพวกคุณกำลังคุยธุระกันอยู่ ฉันก็เลยจะออกไปรอด้านนอกก็เท่านั้นเอง” ชมพูแพรแก้ตัวเสียงอ่อย รู้หรอกว่ามันฟังไม่ขึ้น แต่ขอลองหน่อยละกัน “ผมก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าคุณจะต้องคิดอย่างนี้ คุณไม่คิดหนีผมหรอกใช่ไหม” ชมพูแพรและเคนถึงกับมองหน้าเขาตาค้าง ด้วยไม่คิดว่าเขาจะเชื่อเธอง่ายๆ เช่นเดียวกับความคิดของเคนตอนนี้ ‘ทีกูอธิบายตั้งนานสองนาน ทำไมไม่เข้าใจง่ายๆ แบบนี้บ้างวะ’ “นี่คุณเชื่อที่ฉันพูดจริงๆ ใช่ไหมคะ” ชมพูแพรยิ้มอย่างยินดี “เชื่อก็บ้าแล้ว ผมไม่ยอมโง่ให้คุณสวมเขาให้เป็นครั้งที่สองแน่” ชมพูแพรถึงกับหุบปากฉับ เปลี่ยนจากยิ้มยินดีเป็นยิ้มจืดเจื่อนทันที “ฉันเปล่าสวมให้สักหน่อย คุณมีของคุณเองรึเปล่า” ริคาโด้ถึงกับหันขวับมาจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง เมื่อเธอหาว่าเขามีเขา ทำเอาเคนถึงกับกลั้นยิ้มเอาไว้แทบแย่ ผิดกับโคดี้ที่... “ฮ่าๆๆ” โคดี้หัวเราะเสียงดังออกมา ทำเอาทุกคนต้องหันมองมาอย่างไม่เข้าใจ ด้วยปกติแล้วผู้ชายคนนี้มีหน้าเดียว ไม่ว่าจะความรู้สึกไหน แต่ครั้งนี้เขากลับหัวเราะออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้คนเป็นเจ้านายยิ่งรู้สึกเสียหน้าขึ้นไปอีก “ไอ้โคดี้ แกจะหัวเราะทำซากอะไร” ริคาโด้กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ “ผมกำลังมีอารมณ์ร่วมกับนายครับ” ทีตอนนี้ล่ะทำเป็นเข้าใจคำนี้เป็นดิบดี ‘งั้นแสดงว่าก่อนหน้านี้ มึงตั้งใจกวนตี...กูน่ะสิ ไอ้โคดี้มึ้ง....’ “คุณเคนครับ ช่วยพาเพื่อนคุณมึงออกไปให้พ้นๆ หน้ากูหน่อยได้ไหมครับ ไม่อย่างนั้นกูจะจับพวกมึงสองตัวยำรวมกันซะ” ท้ายประโยคเขาเสียงกร้าวขึ้นมา ทำเอาผู้หญิงหนึ่งเดียวในนั้นถึงกับผวา ในขณะที่บอดีการ์ดทั้งสองก็ไม่ต้องพูดถึง เผ่นแน่บออกไปตั้งแต่เขายังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ ทีนี้ในห้องก็เลยเหลือแค่เธอกับเขา กับเสียงลมหายใจของสองเราเท่านั้น “เอาล่ะ ทีนี้ก็มีแค่เราสองคน ผมจะให้โอกาสคุณเป็นฝ่ายพูดก่อน แล้วผมจะตัดสินโทษคุณทีหลัง” เขาเดินมานั่งที่เดิม ในขณะที่เธอได้แต่เดินกะโผลกกะเผลกไปนั่งที่โซฟา เพราะยังเจ็บที่เท้าไม่หาย “ตายแล้ว! ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังทำงานไม่เสร็จ ป่านนี้พี่เลขาคนสวยต้องบ่นฉันแย่แล้วแน่ๆ เลย ไว้ฉันจะเข้ามาคุยกับคุณทีหลังนะ” เธอลุกขึ้นเดินกะโผลกกะเผลกไปที่ประตูอีกครั้ง แต่ก็คงได้แค่นั้นจริงๆ “ถ้าคิดว่าผมจะปล่อยคุณไปง่ายๆ เหมือนเมื่อคืนนี้อีกล่ะก็ คุณคงต้องมองผมใหม่ เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่มีอะไรจะอุทธรณ์ งั้นผมจะตัดสินโทษของคุณเลยแล้วกัน” เขาบอกพร้อมกับเดินเข้าไปหาเธอที่ยืนห่างออกไป “อุ๊ย!นี่ปล่อยฉันลงนะ คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้นะ” ชมพูแพรโวยวาย เมื่อจู่ๆ เขาก็ช้อนอุ้มเธอขึ้นมาอย่างง่ายดาย ราวกับว่าเธอไร้น้ำหนัก “อยู่เฉยๆ เจ็บขาอยู่ไม่ใช่รึไง ผมก็แค่จะช่วยพาคุณมานั่งคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราว หรือคุณคิดว่าผมจะพาไปทำอย่างอื่น” เขาทำหน้าเจ้าเล่ห์พลางโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ “เปล๊า! คิดอะไร ไม่ได้คิดอะไรเล้ย ฉันก็แค่ไม่ชอบให้คุณมาอุ้มฉันแบบนี้ ฉันไม่ใช่เด็กๆ ฉันเดินเองได้” เธอปฏ เสธเสียงสูงในขณะที่เขาหยักยิ้มมุมปาก “งั้นเหรอ ถ้าเมื่อกี้ไม่คิด งั้นตอนนี้ก็ต้องคิดแล้วล่ะ” เขาบอกก่อนจะโน้มใบหน้าลงไป “อ๊าย! ไอ้โรคจิต คุณคิดจะทำอะไรกันแน่” เธอยันใบหน้าเขาออกสุดแรง “ก็ทำอย่างที่คุณคิดไง แล้วถ้าคุณยังไม่เอามือของคุณออกจากหน้าหล่อๆ ของผม รับรองได้ว่าผมทำมากกว่าที่คุณคิดแน่” เขาต้องขู่อีกครั้ง ก็แม่คุณเล่นผลักจนหน้าเขาบิดเบี้ยวไปหมด “ดีนะที่หน้าหล่อๆ ของผมหล่อโดยไม่ต้องศัลยกรรม ไม่อย่างนั้นป่านนี้ซิลิโคนแตกเต็มมือคุณแล้ว” คนห่วงหล่อทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ในขณะที่เธอกลับทำหน้าเบ้ ‘แหวะ! ฉันสวยขนาดนี้ยังไม่หลงตัวเองเหมือนคุณเลย (เอ่อ...แบบนี้เขาเรียกว่าหลงตัวเองไม่แพ้กัน) “ชอบใช่ไหม” เธอทำหน้างงๆ เมื่อจู่ๆ เขาก็ถามแบบนี้ออกมา “ชอบอะไรของคุณ” “เอ้า! ก็ชอบที่ได้นั่งบนตักนุ่มๆ ของผมแบบนี้ไง” คำพูดของเขาทำให้เธอต้องก้มมองตัวเอง แล้วก็พบว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนตักของเขาจริงๆ “อี๋! คนบ้า คนฉวยโอกาส เอาขาคุณออกไปจากก้นของฉันเดี๋ยวนี้นะ” เธอแหวเสียงเขียว “เอาก้นคุณออกไปจากขาผมไม่ง่ายกว่าเหรอครับคุณผู้หญิง” ชมพูแพรหน้าเหวออีก ก็ไอ้ที่เขาว่ามามันเรื่องจริงนี่นา “ทำไมชีวิตฉันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนไม่รู้จักจบจักสิ้นแบบนี้นะ ถูกคุณเอาเปรียบไม่พอยังต้องมาเป็นลูกน้องให้คุณโขลกสับอีก” เธอบอกเสียงขุ่นพร้อมกับขยับลงจากตักแกร่งของเขา “มันไม่ใช่เรื่องซวยหรอก อย่างเราน่ะเขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาสต่างหาก คิดดูสิผมนี่ตามหาคุณแทบพลิกแผ่นดิน (เอ่อ...นี่ก็เวอร์เกิน) แล้วดูสิสุดท้ายคุณอยู่ใกล้ผมแค่เอื้อม แบบนี้จะไม่ให้เรียกว่าบุพเพสันนิวาสแล้วจะให้เรียกว่าอะไร” เธอเบะปากทันทีกับคำพูดเลี่ยนๆ ของเขา “แหวะ! บุพเพอาละวาดน่ะสิไม่ว่า หรือไม่ก็คงเป็นกรรมเก่าของฉันที่ทำให้ฉันต้องเจอกับคุณ ชาติก่อนไม่รู้ว่าทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้ถึงต้องมาชดใช้กรรมให้คุณแบบนี้ ท่านมัจจุราชเจ้าขาได้โปรดเห็นใจลูกช้าง อย่าให้ลูกช้างต้องชดใช้กรรมกับผู้ชายคนนี้นานนักเลยนะเจ้าคะ” เธอยกมือไหว้ท่วมหัว ในขณะที่เขากลับเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ ถึงจะฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็พอจะจับใจความได้หรอกว่าคุณเธอกำลังหาว่าเขาเป็นเคราะห์กรรมที่เธอต้องเจอ “นี่ ให้มันน้อยๆ หน่อย อย่าลืมนะว่าผมเป็นเจ้านายคุณ ตอนนี้ชีวิตคุณอยู่ในกำมือผม จะบีบก็แตก” ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดต่อ เธอก็โวยวายขึ้นมาซะก่อน “อี๋! คนลามก อย่ามายุงกับหน้าอกฉันนะ” เธอแหวใส่ เมื่อเห็นสายตาล้อเลียนของเขาที่กำลังมองที่หน้าอกของเธอ “อืม! อันนี้ของจริงหรือว่าเป็นลูกโป่งล่ะ” เขากระซิบถาม ทำเอาเธอตาโตอีกครั้ง ด้วยไม่คิดว่าเขาจะกล้าถามเรื่องแบบนี้ตรงๆ “นี่! หยุดชีกอเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะออกไปข้างนอกแล้วก็จะไม่คุยกับคุณอีก” เธอลุกขึ้นท้าวสะเอวอย่างเหลืออด ไอ้เจ็บเท้ามันก็เจ็บอยู่หรอก แต่ตอนนี้เจ็บใจมากกว่าที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของคนแบบนี้ “โอเค ๆ ไม่พูดเรื่องหน้าอก เอ๊ย! เรื่องลูกโป่งแล้วก็ได้ มาพูดเรื่องระหว่างผมกับคุณเลยแล้วกัน” หน้าตาท่าทางเจ้าเล่ห์ๆ ของเขาตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาซะเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม