ตอนที่ 5 ทวงคืน (1)

2174 คำ
ตอนที่ 5 ทวงคืน (1) สำหรับนกน้อยที่เคยอยู่ในกรงทองแล้ว อิสรภาพกลับเปรียบเสมือนพิษร้าย กระแสลมเย็นที่พัดต้อง กลับแสบร้อนจนทานทนมิได้ เนตรหงส์ปรือขึ้น กะพริบเนิบช้าเพื่อปรับการรับรู้ กลิ่นดอกท้ออันคุ้นเคยหอมฟุ้งไปทั่ว เมฆขาวล่องลอยบนพื้นตำหนักนุ่มนวลดุจพรมนุ่ม ราวกับกำลังตอกย้ำว่านางกลับมาแล้ว กลับมายังที่ที่นางสมควรอยู่ กลับมายังที่ที่ทำให้นางปรารถนาจะโบยบิน น้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านร่องแก้ม ย้ำเตือนว่าความเจ็บปวดที่ได้รับมิใช่เป็นเพียงแค่ความฝัน “องค์หญิงเพคะ” น้ำเสียงร้อนรนของคนสนิทเรียกความสนใจจากนาง นางกำนัลในอาภรณ์เรียบง่ายสีเหลืองอ่อนคุกเข่าตรงข้างเตียง มือคู่นั้นกำลังกุมมืออันเย็นเฉียบของนาง ไออุ่นที่ได้รับทำให้มุมปากของนางกดลึก “ลั่วเซียง” “องค์หญิงกลับมาแล้ว” ดวงหน้างดงามหมดจดเหยเก น้ำตาไหลอาบข้างแก้มราวกับสั่งได้ นั่นทำให้หม่านหงรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก โดยปกติแล้วนางกำนัลคนสนิทของนางมิเคยร้อนใจและบ่อน้ำตาตื้นเช่นนี้มาก่อนเลย “เกิดอะไรขึ้น” หม่านหงประคองตัวเองขึ้น ช่วยเกลี่ยน้ำตาออกจากพวงแก้มใสของลั่วเซียง ลั่วเซียงหลุบตาลงต่ำ สะอื้นไห้จนตัวโยน “ทะ...เทียนจวินเพคะ” เสด็จปู่? ดาวชะตาในโลกมนุษย์ของนางเพิ่งดับแสงลงเสด็จปู่ก็เรียกหานางทันทีเลยหรือ? หม่านหงมองไปยังนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ากระจ่างใส กระแสลมเย็นดังเช่นเดิม เหตุใดลั่วเซียงจึงทำท่าราวกับว่ามีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ลั่วเซียงกลั้นก้อนสะอื้น บีบมือหม่านหงแน่นขึ้น ช้อนสายตามององค์หญิงพลางกล่าวเสียงพร่า “ยามนี้องค์ชายสามกลับมาสืบทอดตำแหน่งดำรงยศเป็นอิ๋งซวงเทียนจวิน ใช้ชื่อรัชศกอิ่งเทียน ยามนี้อิ๋งหย่งเทียนจวินไม่อยู่แล้ว หายไปจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้วเพคะ!” ไหล่บางสะท้านเยือก มือของนางสั่นเทาจนลั่วเซียงคว้ามาแนบพวกแก้มเปียกชื้น ทว่าเมื่อตัวของหม่านหงสั่นเทาราวกับลูกนก ลั่วเซียงก็ไม่อาจอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไป นางกอดเอวนายสาว ยึดหม่านหงเป็นที่พึ่ง สองนายสาวกอดกันร้องไห้ เสียงสะอื้นดังไปทั่วตำหนักหวงเซวียน องค์หญิงหม่านหงกลับสู่แดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า สายรุ้งทอดตัวยาวเหนือตำหนักหวงเซวียน พระชายาหรูฟางเห็นปรากฏการณ์มงคลจึงบ่ายหน้ามาหาธิดา เมื่อเห็นหม่านหงและลั่วเซียงกอดกันร้องไห้น้ำตาก็เอ่อคลอ ทว่าจำต้องรีบเช็ดมันออกก่อนที่บุตรสาวจะเห็น นางไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าหม่านหงดังเช่นที่เคยเป็นมานับครั้งไม่ถ้วน “เสี่ยวหงเอ๋อร์” น้ำเสียงไพเราะอันแสนคุ้นเคยเรียกหม่านหงจากอาการเศร้าสลด มารดาที่รักใคร่เอ็นดูนางเป็นที่สุดปรากฏขึ้นตรงหน้า หากแต่เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในโลกมนุษย์และแดนมารที่นางได้ประสบพบเจอ ทำให้นางยิ่งสะอื้นหนัก พระชายาหรูฟางทำอะไรไม่ถูก รีบปรี่เข้ามาประคองหม่านหง ทว่านางกลับไม่กล่าวอันใด ได้แต่กอดมารดาร้องได้อยู่อย่างนั้น ลั่วเซียงเมื่อเห็นหม่านหงร้องไห้หนัก นางก็ยิ่งสงสารองค์หญิงจับใจ ก้อนสะอื้นที่พยายามกลั้นก็พลันกลั้นไม่อยู่ น้ำตาร่วงพรูราวกับม่านมุกที่ขาดสาย พระชายาหรูฟางไม่เคยเห็นธิดาทุกข์ระทมเช่นนี้มาก่อน ยามนี้แววตาที่เคยสดใสเป็นประกายกลับหม่นเศร้า หัวอกคนเป็นแม่ยิ่งปวดร้าวลึก โดยเฉพาะเรื่องที่นางได้ยินมาจากอิ๋งซวงเทียนจวินว่าหม่านหงถูกส่งไปเป็นบรรณาการให้กับจักรพรรดิมารนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าด่านเคราะห์ของเทพเซียนทั่วไปนัก นางอยากยื่นมือเข้าแทรกเซงเพียงเพื่อมิให้หม่านหงต้องรับความทุกข์ทรมาน ทว่าเทพเซียนมิอาจแทรกแซงชะตากรรมของมนุษย์ สุดท้ายแล้วบุตรสาวของนางถูกกระทำย่ำยีอันใดบ้างนางก็ไม่อาจทราบได้ ดวงตาของพระชายาหรูฟางแดงก่ำ พยายามอดกลั้นมิให้หลั่งน้ำตา ได้แต่กอดปลอบบุตรีจนกว่านางจะร้องไห้จนเหนื่อยไปเอง “เด็กดี...บอกแม่ได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น” ครั้นหม่านหงหยุดร้องไห้ นางจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาฉายแววห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม หม่านหงปล่อยให้มารดาเช็ดน้ำตาให้ ดวงตาหงส์ที่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาพลันแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง นางกอดมารดาแน่น กล่าวเสียงสั่น “เรื่องเล็กน้อย เสด็จปู่หายไป หมายความว่าอย่างไรเพคะเสด็จแม่” พระชายาหรูฟางโบกมือให้ลั่วเซียงออกไป รอกระทั่งลั่วเซียงบอกให้นางกำนัลทั้งหมดถอยไปให้ไกล พระชายาหรูฟางจึงทอดถอนใจอย่างวิตก นั่นทำให้หม่านหงอดมองหน้ามารดามิได้ ดวงเนตรของมารดาฉายแววหม่นเศร้า กล่าวด้วยน้ำเสียงอาดูร “เสด็จพ่อหายไปจากทั้งหกภพภูมิ แม้กระทั่งทะเบียนเทพเซียนบนสวรรค์ก็ไม่ปรากฏ...พ่อของเจ้าและเทียนจวินพระองค์ใหม่ปิดข่าวเงียบ ไม่มีผู้ได้ล่วงรู้ว่าอดีตเทียนจวินมีชะตากรรมอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แม้แต่เรื่องที่นามของอดีตเทียนจวินหายไปจากทะเบียนเทพเซียนก็มีคนน้อยนักที่ทราบ เสี่ยวหงเอ๋อร์ เสด็จปู่ของเจ้าไม่อยู่แล้ว” ไม่อยู่แล้ว? หายไปจากทะเบียนเทพเซียน มิเท่ากับ... หายไปจากหกภพภูมิ ในสามพันโลก อาจไม่สามารถปรากฏขึ้นอีก เพียงแค่คิดหัวตาของนางก็พลันร้อนวาบ ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อข่มกลั้นความโศกเศร้า ถึงแม้เสด็จปู่จะบงการชีวิตของนาง ทว่าที่ชีวิตของนางมีพร้อมทุกสิ่งสรรพ เป็นเพราะเขาช่วยปูทางให้นางทุกย่างก้าว และเอ็นดูนางมากที่สุดเพราะนางเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวที่เกิดจากหนึ่งในสี่องค์ชาย หลานสาวที่เกิดจากโอรสธิดาของพระสนมล้วนมีศักดิ์ศรีไม่อาจเทียบเท่านางเลยแม้แต่น้อย ด้วยเพราะเหตุนี้ตั้งแต่ก่อนที่หม่านหงจะจุติลงไปยังโลกมนุษย์ นางจึงมีความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้นว่าจะสามารถพิชิตใจของมหาเทพเฉียนเวยได้ ทว่าแท้จริงแล้วความผยองของนางเทียบไม่ได้กับสิ่งที่มหาเทพ เฉียนเวยและมหาเทพหงหลิงมีต่อกัน เขาและนางเดินเคียงคู่กันมานานแสนนาน กระทั่งแยกจากกันนับสิบหมื่นปี ความรู้สึกที่มีให้ก็ยังไม่จางหาย แม้ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปถึงเพียงไหน ไม่ว่าเทียนเฟิ่งจะเป็นหญิงหรือชาย กลับสามารถสะกดใจของมหาเทพเฉียนเวยได้อย่างชะงัด หากจะบอกว่านางริษยา ก็คงเป็นเพราะสิ่งที่เทียนเฟิ่งมีคือสิ่งที่นางไม่มี หากนางเข้มแข็ง กล้าหาญ และมีเสน่ห์สักเสี้ยวหนึ่งของที่เทียนเฟิ่งมี ป่านนี้แล้วนางอาจจะมีความสุขกับคู่บุพเพของนาง ณ ที่ใดที่หนึ่ง ไม่ต้องทนเป็นหมากให้ผู้อื่นเช่นนี้ แม้จะได้รับความรักจากอดีตเทียนจวินมากถึงเพียงไหน ความคาดหวังก็มากตามไปด้วย เมื่อนางผิดพลาดหรือล้มเหลวเสด็จปู่จึงมักมองนางด้วยสายตาผิดหวังบ่อยครั้ง กระนั้นแล้วนางก็ยังคงเป็นหลานที่พระองค์ทรงรักมากที่สุด รักจนแม้แต่นางเองก็ไม่สามารถทรยศหักหลังพระองค์ได้ น่าเสียดายนัก อิสรเสรีเพียงน้อยนิดที่นางเพิ่งจะได้รับ กลับแผดเผานางจนตัวตาย แท้จริงแล้วนางยังหาเหตุผลของชีวิตนี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จนถึงตอนนี้เสด็จปู่ไม่ได้อยู่ให้นางซักถาม แล้วเรื่องราวที่ชายนิรนามผู้นั้นกล่าวหาเขา จะเชื่อถือได้สักเพียงใด พระชายาหรูฟางเห็นหม่านหงนิ่งไปก็คิดว่าบุตรสาวคงจะเสียใจมาก นางล้วงเข้าไปในแขนเสื้อกว้าง หยิบของสิ่งหนึ่งออกมา “เสี่ยวหงเอ๋อร์ เจ้าจำของสิ่งนี้ได้หรือไม่” หม่านหงหลุบมองของในมือพระชายาหรูฟาง ขนนกสีทองเรืองรองทอประกายงดงามตรงหน้า ทั่วทั้งหกภพภูมินี้ เทพปักษาที่มีขนสีทองงดงามอย่างที่เห็นก็มีเพียงเทียนเฟิ่งเท่านั้น และขนเส้นนี้...เป็นเส้นที่เสด็จปู่เคยบอกว่าเมื่อนางโตขึ้นจะมอบให้นาง หม่านหงรับขนนกสีทองจากมารดามา สัมผัสอ่อนนุ่มในมือและไออุ่นที่ได้รับทำให้จิตใจของนางสงบลงอย่างน่าประหลาด นางเงยหน้ามองพระชายาหรูฟาง “เสด็จแม่ได้มาอย่างไรเพคะ” “ของสิ่งนี้อดีตเทียนจวินพระราชทานให้เจ้าหลังจากที่จุติลงไปบนโลกมนุษย์ บอกว่าเมื่อเจ้ากลับมาแล้วให้เก็บมันไว้ แต่แม่ไม่ทราบว่าขนสีทองของเทียนเฟิ่งจะช่วยอะไรเจ้าได้ เสี่ยวหงเอ๋อร์เก็บไว้ให้ดีเถิด” หม่านหงพินิจขนนกสีทองในระยะใกล้ กลิ่นหอมประหลาดอันแสนคุ้นเคยลอยปะทะนาสิก คิ้วเรียวขมวดมุ่น กลิ่นหอม...สัมผัส...ความรู้สึก สามสิ่งนี้คล้ายตีวนมาในห้วงความคิดของนางราวกับน้ำป่า นางซ่อนแววตาตระหนก กล่าวกับมารดาเสียงค่อย “เสด็จแม่ ตอนอยู่แดนมารมีเรื่องหนึ่งที่ลูกยังค้างคา หากลูกจะขอไปแก้ไขเรื่องที่ติดค้าง จะได้ไหมเพคะ” พระชายาหรูฟางคิดจะห้าม แต่เมื่อคิดได้ว่าหม่านหงอาจมิได้รับความเป็นธรรมในบางเรื่องจนคิดสะสางปัญหา นางจึงกล่าวด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวหงเอ๋อร์ แดนมารเต็มไปด้วยอันตรายมากมายนัก หากเจ้าก้าวเข้าไป อาจถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสได้นะ” บาดเจ็บสาหัส? หึ...นางเจ็บปวดจนตายมาแล้วครั้งหนึ่ง มีอะไรให้นางกลัวอีกหรือ หม่านหงจับมือพระชายาหรูฟาง แย้มยิ้มซุกซน “พวกมารมิได้น่ากลัวเลยแม้แต่น้อย โปรดประทานอนุญาตเถิดนะเพคะ” “ถ้าอย่างนั้นแม่ว่า...เจ้าพาลั่วเซียงกับหลี่จิ้งไปด้วยดีหรือไม่” หม่านหงชะงัก ลั่วเซียงเป็นคนสนิทนาง หากต้องการความช่วยเหลือลั่วเซียงย่อมช่วยเหลือนางอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนหลี่จิ้งเทพสามตา เทพองค์นี้เคร่งครัดกฎระเบียบ ทั้งยังเจ้ากี้เจ้าการไม่แพ้ท่านปู่ หากให้เขาตามติดไปด้วย นอกจากนางจะทำอะไรไม่สะดวกแล้ว ความลับเรื่องลูกของนางก็จะถูกเขารู้เข้า ก่อนที่นางจะได้ทวงลูกคืน หลี่จิ้งคงรีบลากนางกลับมายังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้วฟ้องเทียนจวินพระองค์ใหม่เป็นแน่ “ลั่วเซียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วเพคะ” “แต่...” “หม่อมฉันเพียงแต่ไปทวงของคืนเท่านั้น” เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของผู้เป็นมารดา หม่านหงจึงแสร้งยิ้มสดใส น้ำเสียงออดอ้อนราวกับย้อนไปตอนวัยเยาว์ “นะๆ ๆ ๆ เพคะ เสี่ยวหงเอ๋อร์สัญญาว่าจะรักษาตัวให้ดี แล้วก็จะพยายามติดต่อท่านแม่เป็นระยะดีหรือไม่” กระเรียนน้อยเดินทางทั่วหกภพภูมิ นางสามารถส่งข่าวหามารดาได้ทุกเจ็ดวัน เช่นนั้นพระชายาหรูฟางจึงจะไม่เป็นห่วงนัก มารดาชักสีหน้าเคร่งขรึม มองนางอย่างไม่วางใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ไปขอเสด็จพ่อเจ้า แล้วก็ไปเข้าเฝ้าเสด็จอาของเจ้าก่อน” “เพคะ” นางโน้มตัวกอดมารดา ประกายตาคั่งแค้นลึกล้ำ ขนนกในมือคล้ายส่งไออุ่นตอบรับความปรารถนาของนาง องค์หญิงแห่งเผ่าสวรรค์ยิ้มหยันตนเอง เสด็จปู่ไม่อยู่แล้ว นางไม่อาจสืบสาวเอาความ ถือว่านางได้ชำระแค้นแทนเสด็จปู่ให้เขาไปแล้ว บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้านางยังมีเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ในแดนมารนางมีทารกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลก เมื่อคิดถึงลูก...ใจของนางก็ปวดร้าวลึก หวังว่าเด็กคนนั้นจะสามารถรอดจนได้เห็นหน้านาง นางจะพาเขากลับแดนสวรรค์ เลี้ยงดูเขาอย่างดี ทำให้เขาปราศจากความทรงจำที่มีบิดาแสนชั่วร้าย ให้เขามีแต่นางเป็นมารดาเพียงผู้เดียว หม่านหงมองขนนกสีทอง กลิ่นหอมอ่อนๆ นี้คล้ายกับกลิ่นที่นางได้สัมผัสจากคนผู้นั้น นางไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเสด็จปู่จึงทำอะไรบางอย่างกับขนทองของเทียนเฟิ่ง แต่นั่นช่วยร่นระยะเวลาให้นางตามหาเขาได้ง่ายขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม