EPISODE 7 : I'm your

2662 คำ
จีน พาร์ท “ตอนเช้ากำลังดีมึง ถ้ามีโอกาสก็สร้างความประทับใจเลย” “ถ้าไม่เคยอย่าเอาเข้าลึก อ้วกต่อหน้าผู้ไม่ได้นะคะ” “ใช้มือกับปากพร้อมกันก็ได้ เห็นตรงฐานบอลสองลูกมั้ยเพื่อน เล่นได้แต่อย่าแรง ผู้จุกหดอดรับประทานนะคะ” ไม่รู้ว่าเขาประทับใจหรือเปล่า แต่พี่ทัพยิ้มไม่หุบเลยตั้งแต่เช้า เจ้าตัวส่งรูปตอนถึงห้องมาให้ดู พร้อมกับภาพอาหารเช้าที่มีเพียงคุ้กกี้กับกาแฟ เห็นกินแค่นั้นก็อยากจะแปลงโฉมเป็นแม่บ้านให้เขาเลย กินน้อยขนาดนั้นในช่วงเช้าในได้ยังไง ขนาดฉันซัดทั้งของคาวและของหวานในช่วงเช้า กะเพาะยังร่ำร้องขออาหารเพิ่ม นี่ยังไม่ทันไรก็เริ่มหิวอีกแล้ว “แล้วชอบมั้ยคะ ถ้าจีนเป็นเด็กดีพี่ทัพจะรักใช่มั้ย” “รักสิคะ” ภาพของฉันวาดฝันไปไกลหลายหมื่นลี้ ทว่าพอมองย้อนกลับมาปลายเท้าคู่นี้กลับไม่ได้เดินไปไกลนัก ไม่ได้ใกล้เฉียดคำว่ารักของเขาเลยสักนิด.. ฉันส่ายหัวให้กับภาพมัดกล้ามบนหน้าท้องของพี่ทัพ สลับกับเสียงของเพื่อนสนิทที่ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท บอกตามตรงว่าฟังอาจารย์บรรยายในคลาสไม่ค่อยรู้เรื่อง พยายามจะจดจ่อบนหน้าจอโปรเจคเตอร์แล้ว แต่ในหัวมันก็ฟุ้งซ่านขึ้นมา ครั้งแรกที่ทำแบบนั้นกับเขา.. ภาพในหัวติดกับสีหน้าของพี่ทัพที่ครางอืออาในลำคอ การช้อนสายตามองเขาจากมุมล่างมันทำให้เห็นสันกรามของเจ้าตัวชัดมาก ทุกสัดส่วนในร่างกายของเขาอยู่ใกล้สายตา ทั้งยังได้สัมผัสเขาด้วยมือเปล่านี้อีก ยอมรับเลยว่าฉันสั่นไปทั้งตัวกับการออรัลปากเปล่าแต่เช้าตรู่ มันไม่ได้สั่นกลัว แต่สั่นเพราะใจมันสู้ต่างหาก “มึงว่าอาจารย์เขาจะอวดลูกตัวเองอีกนานมั้ยวะ” “หะ” “เรื่องไปเรียนเมกาเล่ารอบที่ร้อยละ” สีหน้าของเพื่อนสนิทคือเบื่อโลกขั้นขีดสุด กลอกตามองบนแล้วลอบถอนหายใจกับผู้หญิงที่พูดไมค์หน้าชั้นเรียน “พูดพาร์ทต่อไปให้ฟังหน่อยดิ” “เนี่ยดูลูกครูเป็นตัวอย่าง.. จบปริญญาโทเข้าทำงานที่..” ฉันป้องปากขำมันที่ท่องตามเหมือนมีสคริปเดียวกันไม่มีผิด “แทนที่จะสอนมาพูดเรื่องตัวเองทำไม” ล่าสุดนางเหวี่ยงแล้วถอนหายใจพรืดใหญ่ นั่งเท้าคางสีหน้าหมดอาลัยตายอยากไปแล้วเรียบร้อย เนื้อหายี่สิบเปอร์เซ็นต์ เพราะอีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์คือออกทะเล เล่าเรื่องส่วนตัวที่ฉันกับยัยลีนแทบจะท่องบทได้อยู่แล้ว ฉันเอียงตัวไปทางยัยลีน ก่อนจะกระซิบกระซาบข้างหู ผ่านการพูดกรอดไรฟันยิ้มแย้มราวกับไม่ได้พูดถึงคนตรงหน้าอยู่ “เดี๋ยวก็หมดคาบแล้ว อย่าเยอะน่า” ฉันบอกแล้วฉีกยิ้มหวานให้เพื่อนสนิท มันยิ้มเจื่อน ก่อนจะลากเอียงตัวเข้ามาใกล้ฉันมากกว่าเดิม “ว่าแต่เรื่องมึงกับพี่ทัพ เวิร์คมั้ยคะ” มันทำตาใส ทั้งที่ริมฝีปากยกยิ้มร้ายอยู่ “ก็ไม่แย่” ฉันไหวไหล่ “แปลว่าราบรื่น” “.....” “โอ้โห กับผู้อื่นเข้ามาจีบแสนเย็นชา พอกับพี่ทัพล่ะหาทางมัดใจเชียว” คราวนี้เป็นฉันที่เป็นฝ่ายกลอกตามองบนใส่ เกลียดการรู้ทันของมันจริง การมีโค้ชที่เคยลงเล่นแล้วได้ผลจริงอย่างดาลีนคอยแนะนำมันก็ดี แต่ข้อเสียคือฉันปกปิดอะไรเพื่อนสนิทไม่ได้เลย เป็นพวกที่มองตาก็รู้ใจกันไปแล้ว “ขึ้นเตียงเมื่อไหร่อย่าแผ่วค่ะ มีโอกาสก็ต้องสิบเต็มสิบ” “โค้ชขา ขอพักหน่อยนะคะ ร่างจะพักแล้ว” “เมื่อคืนก็ไม่หยุดเหรอ” ฉันเม้มริมฝีปากนั่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับ ซึ่งยัยลีนก็คงจะเดาคำตอบได้ไม่ยาก ว่าเมื่อคืนฉันกับเขาทำอะไรกันบ้าง “เดี๋ยวส่งทริคออกกำลังกายให้ กระชับเหมือนครั้งแรกเลยค่า” “ไอ้ลีน” “เพื่อนกูต้องเป็นเบอร์หนึ่งสิ อย่าแผ่ว” ฉันนั่งก้มหน้าส่ายตาไปมาอย่างช่างใจว่าจะถามคำถามนี้กับเพื่อนดีมั้ย ถึงจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่พอจะพูดก็กระดากปากจนหน้าร้อนผ่าวซะอย่างงั้น “นั่งเทียนยากมั้ย” “หืม” ยัยลีนเหลือบตาใช้ความคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะไหวไหล่ด้วยทีท่าสบายๆ “กำลังขาต้องดีนะคะ เมื่อยตอนโยกอยู่ข้างบนไม่ได้ ได้ขึ้นแล้วต้องใส่สุดสถานเดียว” พูดพลางเอนหลังนั่งไขว่ห้าง บ่งบอกว่าเรื่องบนเตียงไม่มีใครเซียนเท่านางอีกแล้ว “ทำยังไงวะ” “จะไปยากอะไรวะมึง” “.....” “กินหัว.. แล้วค่อยเคลือบทั้งลำค่ะ ฟินตายแน่นอน” ใบหน้าฉันแดงฉานขึ้นสีระเรื่อจนเหมือนเอาหน้าไปอังกับเตาผิงไฟ เพราะมันไม่ได้พูดปากเปล่า แต่ยังจับด้ามปากกาขึ้นมากำ ใช้มือประกอบจนฉันเห็นภาพตามเลย เขาเหมือนสารเสพติด ชนิดที่ว่าเสพครั้งเดียวก็ต้องมีครั้งต่อไป มันไม่เกินจริงเลย เพราะฉันได้เสพสมกับผู้ชายที่ชื่อกองทัพเพียงครั้งเดียว ..ไม่เคยพอ ตกเย็นหลังเลิกเรียนฉันกำลังจะเดินออกจากตึกคณะ โดยที่มียัยลีนคอยเดินชวนคุยสัพเพเหระก่อนจะแยกทางกลับบ้าน ทว่าสายตาดันกวาดไปปะทะเข้ากับเจ้าของรถหรูยืนรออยู่ก่อนแล้ว “จีน” เขาโบกมือทันทีที่เห็นฉัน “พี่ทัพ” ริมฝีปากพึมพำชื่อเจ้าตัวออกมา พลางยกมือขึ้นจัดผมที่ดูยุ่งเหยิง เพราะเพิ่งจะเลิกจากคลาสสุดท้ายของวัน ยัยลีนใช้ศอกสะกิดให้ฉันหันกลับมามอง มันส่งสายตาพยักเพยิด พลางชี้ไปที่ริมฝีปากของตัวเอง “อะไรวะ” ฉันเลิกคิ้วถาม “เติมลิปสิคะ มึงจะออกไปหาผู้ทั้งที่ปากซีดเนี่ยนะ” มันว่า ฉันรีบยืนหันหลังให้พี่ทัพ ก่อนจะหยิบลิปสติกแท่งโปรดขึ้นมาปาดบนริมฝีปากบนล่างสองสามที เม้มเข้าหากันเล็กน้อยตามที่เพื่อนสนิททำท่าให้ดู “ไปได้แล้ว พี่ทัพรออยู่” คนตรงหน้าพูดพลางเปรยตาไปทางด้านหลังฉัน “ขอบใจนะมึง โทษทีไม่ได้เดินไปส่งที่รถ” “ไม่เป็นไรค่า โสดสะบัดค่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” “บาย” “เออ บาย” ฉันไล่สายตามองเพื่อนสนิทที่เดินห่างออกไป ก่อนจะหมุนเท้าหันกลับมาโฟกัสที่พี่ทัพ พลางเดินตรงดิ่งเข้าไปหาเจ้าตัวพร้อมรอยยิ้ม “วันนี้เลิกเร็วหรอคะ แล้วมารอนานหรือเปล่า” “ไม่นาน รอได้” ใบหน้าหล่อเหลาส่ายหน้าว่ารอไม่นาน แต่บนแก้มขาวกลับมีพลาสเตอร์ยาสีใสแปะอยู่ พอเขาเห็นว่าฉันจ้องเจ้าตัวก็พยายามเบี่ยงหน้าฝั่งนั้นหลบ ฉันเลยก้าวเท้าเข้าไปยืนใกล้ แม้ว่าส่วนสูงจะไม่เอื้ออำนวยก็ตามเพื่อดูบาดแผลเขาให้ชัดๆ “พี่ทัพ.. หน้าพี่ไปโดนอะไรมาคะ ทำไมเอาพลาสเตอร์ยาไปแปะตรงนั้น” “ล้มน่ะ หมดหล่อก็เลยเอาพลาสเตอร์ยามาปิด” “ขอดูหน่อยค่ะ” “ไม่ต้อง” เขาปัดมือฉันทิ้ง ก่อนจะมุ่นคิ้วมองแล้วค่อยๆ ระบายยิ้มบนมุมปาก เมื่อกี้เขาหงุดหงิดฉันหรอ.. พี่ทัพเลิกคิ้วทำหน้าเศร้าทันทีที่ฉันนิ่งไป เขาคว้ามือฉันไปแนบข้างแก้ม ถูไถไปมาอย่างออดอ้อนแล้วใช้น้ำเสียงโทนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ไม่อยากให้เห็นมุมไม่หล่อ ฉันสะเพร่าเองไม่มีอะไรหรอก” “ทีหลังก็ระวังหน่อยสิคะ” “ได้ครับ” เขายกยิ้มมุมปาก แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ “วันนี้ไปเที่ยวกัน” เจ้าตัวเสริมต่อ “เที่ยวหรอ” ฉันถามกลับ แต่ข้างในดีใจจนเนื้อเต้น “ปิดตาก่อนถ้าจะไป” “โห เตรียมตัวมาดีนะคะเนี่ย” “ไม่งั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ” ฉันพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหลับตาลงเมื่อคนตัวสูงถอดเนกไทมาปิดที่ตาฉันไว้ ความรู้สึกตื่นเต้นแล่นลิ้วขึ้นมาทันที พอผ้าคาดตาฉันก็มองไม่เห็นแสงเล็ดลอดเข้ามาแม้แต่นิดเดียว “ก้มหัวนะ” พี่ทัพจับไหล่ฉันแล้วกดให้นั่งลงบนเบาะ ก่อนคาดเข็มขัดนิรภัยให้ ทว่าฉันที่กำลังเผลอแล้วก็ดูเลิ่กลั่กนิดหน่อยเพราะมองไม่เห็น ถูกริมฝีปากหนาขโมยจูบทีนึง พร้อมกับเสียงแค่นหัวเราะในลำคอ ฉันนั่งอ้าปากหวอ กลั้นยิ้มจนแก้มพองกับการกระทำของอีกฝ่ายเมื่อครู่ “เดี๋ยวนี้ลิปสติกมันมีรสชาติด้วยหรอ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นข้างใบหู “อ่า แค่กลิ่นสตอเบอรี่น่ะค่ะ แปลกหรอคะ” ฉันตอบกลับแล้วหดคอหนีกับลมหายใจอุ่นร้อนที่ราดรดลำคอ “ขอชิมอีกรอบ” “อื้อ” คราวนี้เขารั้งท้ายทอยฉันเข้าไปประกบจูบอย่างดูดดื่ม เสียงดังจ๊วบทุกครั้งที่เขาจูบ ชนิดที่ลิปสติกที่ทามาเมื่อครู่อาจจะหลุดติดปากพี่ทัพไปแล้วก็ได้ “หวานดี” ฉันกัดริมฝีปากล่างหลังจากที่เขาผละออกไป พลางปิดประตูรถฝั่งฉันแล้วทุกอย่างก็เงียบไป กระทั่งประตูฝั่งคนขับดังขึ้น มือหนาก็เอื้อมมือบีบแก้มฉันเล่นทันที “พอจีนมองไม่เห็นก็รังแกกันเลยนะคะ” ฉันมุ่ยปากให้คนที่เล่นแก้มอยู่ “เธอน่าแกล้งเอง” “อย่าให้เอาคืนบ้างก็แล้วกันค่ะ” เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้น ก่อนที่เขาจะละมือออกไปแล้วเคลื่อนตัวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแทน ฉันนั่งเอนหลังพิงเบาะ มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดสนิท แต่ก็ยังเอียงใบหน้าไปทางพี่ทัพเพื่อชวนอีกฝ่ายคุยอยู่ดี “แล้วนี่พี่ทัพจะพาจีนไปไหนหรอ แล้วทำไมต้องปิดตาด้วยเนี่ย” “ไปเดต” “เดตหรอคะ..” พอพูดถึงเรื่องเดต หัวใจของบุคคลที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำกับคนที่ชอบก็ถึงกับเต้นแรง ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างไม่รู้จักเมื่อยแก้ม แถมพี่ทัพยังคว้ามือฉันไปจับไว้อีก เขารู้วิธีการทรีตผู้หญิงของเขาดีหรือเป็นเพราะว่าคนตรงหน้าฉันเป็นเขา ไม่ว่าจะทำอะไรก็เลยรู้สึกดีด้วยไปหมดเลย.. “จะมีไก่ทอดด้วยมั้ยคะ อยากกินไก่ทอดอ่า” “มีสิครับ” “เย้ ขอเบียร์ด้วยได้มั้ย กับหนังสักเรื่องแล้วก็นอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนใหญ่” “เด็กน้อยชะมัด” “ขอเพ้อหน่อยไม่ได้หรอคะ” ฉันยิ้มกว้าง นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เราพูดคุยกันแบบไม่ต้องมีหัวเรื่องมากำกับ เมื่อก่อนฉันเอาแต่เขินอาย ไม่กล้าเอ่ยปากพูดคุยกับเขาด้วยซ้ำ แม้ว่าเจ้าตัวจะคอยโยนคำถามหรือชวนคุยบ้างก็ตาม พอได้ใกล้ชิด ความสนิทก็เลยก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว “จีนอยากนอนกอดพี่ทัพทุกวันเลย..” “หึ” “ได้มั้ยคะ” คนตัวสูงเปลี่ยนมาวางมือลูบที่ต้นขาฉัน ก่อนที่รถจะจอดเหมือนว่าติดไฟแดงอยู่ “ทำไมจะไม่ได้ นอนทับกันยังได้เลย” ฉันรู้สึกตัวหลังจากที่ผล็อยหลับไปกับอากาศเย็นบนรถ หลังจากกินเบอร์เกอร์กับโค้กเข้าไป ฉันก็หลับเป็นตายเหมือนไม่ได้พักผ่อนมาทั้งคืน ลมหายใจอุ่นเฉียดข้างแก้ม ก่อนที่มือหนาจะสะกิดพร้อมเสียงเรียกปลุกให้ฉันตื่นออกจากภวังค์ฝัน “เธอครับ” “อื้อ” “ถึงแล้ว..” ฉันผงกหัวขึ้นมานั่งตั้งสติ หันซ้ายหันขวาเพราะยังคงมีเนกไทปิดตาตัวเองอยู่ “แกะได้หรือยังคะ” ฉันเชิ่ดใบหน้าถาม แม้ไม่รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ทางไหนก็ตาม “ยังค่ะ เราต้องลงมาจากรถก่อน” เขาตอบกลับ พลางประคองฉันให้ลงจากรถอย่างระมัดระวัง กลิ่นไอที่คุ้นเคยลอยเข้ามาแตะปลายจมูก ความสดชื่นลอยพัดมากับสายลมกระทบที่ข้างแก้ม ฉันระบายยิ้มกว้างทันทีเมื่อรู้ว่าสถานที่ที่พี่ทัพพามาเป็นที่ไหน มือของเขาวางไว้บนหัวไหล่ ก่อนที่จะคลายผ้าปิดตาออกให้ ฉันกะพริบตาสองสามทีปรับโฟกัสตรงหน้า พลางยิ้มกว้างกับภาพทะเลสีครามไกลสุดลูกหูลูกตา “แบบนี้ก็อดเล่นน้ำใช่มั้ยคะ ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนเลย” ฉันหันไปทำหน้าหงอยกับพี่ทัพทันที “ใครบอก เดินตามมาสิ” พูดจบเขาก็คว้ามือฉันให้เดินตาม เหมือนลูกเจี๊ยบที่เดินตามแม่ไก่ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักริมทะเล ฉันอ้าปากค้างมองความสูงของบ้านตรงหน้า พลางกลืนน้ำลายเหนียวลงคออึกใหญ่ บ้านริมทะเลในฝันของใครหลายคน.. มัวแต่กวาดสายตามองวิวรอบตัวบ้านที่ว่าน่าทึ่งแล้ว เพราะมีแต่มุมถ่ายรูป รวมถึงระเบียงห้องด้านบนที่ยื่นออกมา เหมาะสำหรับนั่งอ่านหนังสือหรือไม่ก็นอนดูดาวอย่างมาก ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือพี่ทัพมีกุญแจไขบ้านหลังนี้ เขาเปิดประตูแล้วหันมาจับมือให้เราเข้าไปด้านในพร้อมกัน “โห สวยจังเลยค่ะ” ฉันอ้าปากอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ข้างในตกแต่งสไตล์มินินอล โทนสีเอย เฟอร์นิเจอร์เอย หรือแม้ภาพบนผนังก็ยังเป็นภาพจากศิลปินชื่อดังวาดเอาไว้ ห้องครัวเองก็ถูกตกแต่งด้วยสไตล์นี้เช่นกัน “ชอบมั้ยครับ” คนตัวสูงเข้าสวมกอดจากด้านหลัง “ชอบค่ะ” ฉันบอกพร้อมรอยยิ้ม “ไปดูข้างบนมั้ย” “ไปค่ะ” คนตัวสูงจูงมือฉันให้ขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ก่อนจะถึงตัวห้องตรงชั้นบันไดมันมีกระจกบานใหญ่ มองเห็นน้ำใสของทะเลได้ด้วย ใบหน้าฉันเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ทุกย่างก้าวที่ก้าวไปข้างหน้ามันมีแต่ความสุขเบ่งบานในหัวใจ ฉันมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของพี่ทัพกำลังโปรยยิ้มหวาน หัวใจข้างในก็พลอยฟูฟ่องไปด้วย “พร้อมนะ” “อื้ม” ประตูบานสีขาวตรงหน้าถูกเปิดออก พร้อมกับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา ฉันเบิกตาโตยกมือขึ้นป้องปากด้วยความตกใจ สายตามองลูกโป่งอัดแก๊สที่ผูกไว้กับเตียงลอยขึ้นมา บนเตียงนอนขนาดคิงส์ไซส์มีกล่องสี่เหลี่ยมวางเรียงกันอยู่หลายกล่อง รวมถึงมีช่อดอกไม้สีแดงสดวางประกอบอยู่ด้วย “ทั้งหมดนี่คือทำให้หรอคะพี่ทัพ” “ไหนตอบหน่อยตอนนี้เธออยู่ในฐานะอะไร” “คือ..” “เธอพูดดังๆ สิคะ คลื่นมันแรงไม่ได้ยินเลย” "พี่ทัพ" ฉันยกมือขึ้นยันอกอีกฝ่ายที่รวบเอวฉันเข้าไปจนชิดเเผงอก "พูดสิ.. เธอเป็นผู้หญิงของใคร" เขาพูดพร้อมกับสูดดมกลิ่นข้างลำคอฉัน ก่อนจะฝังรอยจูบกลางอกดังฟอดใหญ่ เขามันเจ้าเล่ห์ที่สุดเลย แต่เหมือนว่าลูกแกะหลงทาง จะมองเห็นและรู้อยู่แก่ใจว่าหนทางข้างหน้ามีหมาป่าตัวใหญ่รอขย้ำ แต่ไม่รู้ทำไมฉันก็ยังเลือกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ไม่ต่างอะไรกับแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟเช่นกัน “ผู้หญิงของทัพ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม