เห็นทำแต่งาน พี่พลก็ติดสาว แล้วพี่พันก็สันโดษ” หญิงสาวบ่นถึงพี่ชายทั้งสาม
“เราเถอะยัยพริกชี้ฟ้า มาวิจารณ์พวกพี่ เมื่อไหร่จะมีแฟน พี่ยังหนักใจอยู่เลย ไม่รู้จะขายออกหรือเปล่า”
พันนาว่าน้องสาว กลั้นยิ้มเมื่อเห็นน้องสาวคนเล็กหน้างอ
“พี่พัน”
พนิดาตีแขนพี่ชายอย่างโกรธเคืองที่เขาหาว่าเธอขายไม่ออก
“อย่ามาว่าน้องนะ พี่พันปากอย่างนี้ แล้วจะมีใครเอาเป็นแฟน”
พนิดาว่าพี่ชายอย่างไม่ชอบใจ
“ไม่ว่าก็ได้ พี่เห็นหัวกระไดบ้านเราไม่เคยแห้งเลย ไหนจะนายปลัดนั่น เกษตรจังหวัด แล้วก็...หมวดหนุ่มขวัญใจสาวๆ ของจังหวัด แล้วก็...”
“พอๆๆ เลยค่ะพี่พัน น้องไม่คิดอะไรกับพวกเขาเลย ไม่ต้องมาชี้นำ ไม่พูดด้วยแล้ว”
พนิดาว่าพี่ชายอย่างงอนๆ ก่อนเดินออกจากห้องครัวไปเสีย หญิงสาวได้ยินเสียงพี่ชายหัวเราะไล่หลังมาแล้วหน้างอหันไปย่นจมูกใส่
พนิดาเดินออกไปนอกบ้านเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น บ้านของบิดาอาณาบริเวณกว้างขวาง เชื่อมติดกับป่าเขาลำนำไพร ดวงตาสวยหวานมองหลังบ้านซึ่งเป็นสวนยางพาราและสวนผลไม้นับพันๆ ไร่ตลอดหุบเขา บิดาได้บุกเบิกเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน หญิงสาวเดินทอดน่องอย่างใช้ความคิดเรื่องแพ็กเกจสินค้าทางการเกษตรตัวใหม่ที่จะนำมาแปรรูปเพราะในช่วงนี้เป็นฤดูผลไม้ของปักษ์ใต้
“โห... พี่พลเพิ่งกลับมาเหรอคะนี่”
พนิดาได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่จึงเหลียวไปมอง เห็นพี่ชายคนที่สามของเธอเพิ่งกลับมาจากข้างนอก
เธอเคยได้ยินลูกน้องพูดกันว่าพลพลกำลังติดผู้หญิงอยู่ในเมือง ซึ่งจะจริงหรือไม่จริง เธอกไม่ทราบข้อมูลโดยชัดเจน แต่เรื่องความเจ้าชู้ของพี่ชายเป็นที่เลื่องลือไปทั่วจนใครๆ ก็รู้
“เราไม่ไปไหนเหรอวันนี้”
พลพลทักทายน้องสาวคนเล็กสีหน้าเหนื่อยๆ เล็กน้อย
“เพิ่งกลับมาค่ะ พี่พลถึงกับหมดแรงเลยเหรอคะ สงสัยน้องกิ๊กของพี่พลจะสูบเอาพลังไปหมด”
พนิดาพูดจบก็หัวเราะพี่ชายที่กำลังทำหน้ายุ่งเพราะเธอพูดดักคอเหมือนรู้ทันเขา ปกติพลพลเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและเจ้าชู้
บิดาเคยเตือนหลายครั้งแล้วเรื่องผู้หญิง แต่เหมือนพูดกับสายลมแสงแดด เนื่องจากพลพลยังเป็นเหมือนเดิม
“ก็นิดหน่อย” พลพลลูบท้ายทอยตัวเองอย่างมึนๆ
“พี่พลทานอะไรมาหรือยังคะ” พนิดาถามพี่ชายอย่างห่วงใย
“ยังเลย กำลังหิว ป้าเอิบคงยังไม่ได้ตั้งโต๊ะใช่ไหม”
พลพลถามน้องสาวคนเล็ก
“ยังเลยค่ะ นี่น้องกำลังหิวอยู่เลย พี่พลไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกันค่ะ พี่พันกับปิ่นกำลังทำอาหารอยู่ในครัว น่าจะใกล้เสร็จแล้ว”
พนิดาบอกพี่ชายอีกครั้ง
“งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”
พลพลบอกน้องสาว ก่อนสาวเท้าเดินเข้าบ้านอย่างอ่อนแรงเล็กน้อย
หญิงสาวจึงเดินตามพี่ชายเข้าไปในบ้านด้วยเช่นกัน
เทพพาลูกชายคนเดียวไปทำความรู้จักกับผู้ใหญ่ในตัวจังหวัด ที่สุดท้ายที่เขาพาลูกชายไปก็คือสถานีตำรวจในตัวเมือง
“นายหัวเทพเชิญทางนี้ครับ ท่านผู้การรออยู่ด้านในครับ”
ตำรวจชั้นประทวนบอกเทพอย่างนอบน้อม เทพพาบุตรชายคนเดียวเข้าไปคุยกับสารวัตรไม่กี่อึดใจเพราะต้องรีบไปทำธุระอย่างอื่น
“พ่อครับ ไหนล่ะครับตำรวจขวัญใจของพ่อ”
แทนคุณถามบิดาเมื่อออกมาจากห้องของผู้การอำนวย เขากวาดสายตามองไปทั่วโรงพักที่มีตำรวจหลายนาย อยากเจอเพื่อนรักเป็นที่สุด
“เกือบลืมไป แต่ไม่แน่ใจว่าอยู่หรือเปล่า”
เทพหันไปมองตามสายตาลูกชายเช่นกัน ไม่นานเขาก็สะดุดกับร่างสูงมาดเข้มที่ขึ้นมาบนโรงพัก
“นั่นไง พูดแล้วก็มาเลย”
เทพบอกลูกชายขณะชี้ไปยังร่างสูงของร้อยตำรวจตรี ปกรณ์ เพชรน้ำงาม
แทนคุณหันไปมองตามที่บิดาบอก เขาถึงกับยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นหน้าคนที่บิดาปลื้มเสียนักหนา แล้วโลกช่างกลมเหลือเกินเพราะคนที่กำลังเดินขึ้นมาคือเพื่อนของเขานั่นเอง
“ไอ้กร”
แทนคุณเรียกชายหนุ่มหน้าตาดีสวมเครื่องแบบเต็มยศอย่างยินดี
“ไอ้หนึ่ง”
ปกรณ์เดินเข้าไปหาแทนคุณอย่างดีใจ ไม่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนที่นี่
“แกมาเป็นตำรวจอยู่ที่นี่เหรอวะ ฉันเพิ่งกลับมาไม่คิดว่าจะเจอแกที่นี่ เห็นพ่อเล่าให้ฟังว่าปลื้มแกนักหนา”
แทนคุณเลิกคิ้วถามเพราะหลังจากที่เรียนจบ เขาไปศึกษาต่อต่างประเทศ ได้รับข่าวว่าเพื่อนสอบตำรวจได้แล้วไปเป็นตำรวจอยู่ทางภาคเหนือ แต่ไหงถึงได้ลงมาอยู่ทางใต้
“ฉันถูกส่งตัวมาว่ะ เรื่องมันยาวไปหาที่คุยกันดีกว่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสามจึงไปหาที่นั่งคุยกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ กับโรงพัก
ปกรณ์เล่ารายละเอียดคร่าวๆ ให้แทนคุณฟังเพราะที่ตรงนี้ไม่ค่อยปลอดภัยนัก เขาจะตามไปหาที่บ้านของเพื่อนอีกทีหนึ่ง
“ไม่คิดว่าจะได้เจอแกที่นี่ ฉันจำได้ว่าแกเคยบอกว่าบ้านอยู่ที่นี่เท่านั้น”
ปกรณ์เลิกคิ้วถามเพราะตลอดเวลาที่เรียนด้วยกันและคบกัน แทนคุณไม่เคยชวนเขากลับมาเยี่ยมบ้านเลย ถึงจะรู้ว่าเพื่อนอยู่ปักษ์ใต้ แต่ไม่รู้จักครอบครัวของแทนคุณมากนักเพราะเพื่อนทำตัวลึกลับชอบกล
“ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอแกที่นี่เหมือนกัน ฉันกับพ่อมีธุระอีกยาว แล้วค่อยคุยกัน แกอย่าลืมไปที่บ้านนะ”
แทนคุณตบบ่าแกร่งของเพื่อนรัก ปกรณ์ไหว้เทพพร้อมทั้งเดินไปส่งเพื่อนและบิดาของเพื่อนที่รถ
“แล้วค่อยคุยกัน”
ปกรณ์สำทับกับเพื่อนอีกครั้งก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นรถไป
อาหารเย็นพร้อมที่โต๊ะ นายพิง บิดาของตระกูล อัครมหาศาล นั่งอยู่ประจำที่หัวโต๊ะ ทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร ซึ่งมีไพรวัลย์ ลูกชายคนโต พันนาลูกชายคนรอง และพนิดาลูกสาวคนเล็ก ยกเว้นพลพลลูกชายคนที่สามของนายพิง ที่ยังไม่ลงมา
“ไอ้พลมันกลับมาหรือยัง ใครเห็นมันบ้าง”
นายพิงถามลูกๆ ที่นั่งร่วมทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ
“พี่พลกลับมาแล้วค่ะพ่อ เดี๋ยวคงลงมา”
พนิดาตอบบิดา ดูท่าว่าเธอจะเห็นพลพลอยู่คนเดียวเพราะหันไปมองไพรวัลย์และพันนา พี่ชายทั้งสองทำท่ายักไหล่ว่าไม่เห็นพลพล
“ได้ข่าวว่ามันไปติดผู้หญิงอยู่ในเมืองอีกแล้วเรอะ คนก่อนเพิ่งจะหมดคดีไป ไอ้ลูกคนนี้ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง”
นายพิงหันไปถามไพรวัลย์ลูกชายคนโตเพื่อหาความจริงเพราะเขาได้ยินลูกน้องพูดกันหนาหู
“เห็นว่าอย่างนั้นครับพ่อ”
ไพรวัลย์ตอบบิดาเสียงเรียบ เขาไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของน้องชายมากเพราะคิดว่าโตๆ กันแล้ว
“ลูกเต้าเหล่าใครที่มันไปติดพันธุ์ แล้วนี่ถ้ามันไปทำลูกสาวเค้าท้องขึ้นมาเดี๋ยวได้งามหน้าหรอก”
บิดาบ่นอย่างระอาในความเจ้าชู้ของลูกชายคนนี้เหลือเกิน เขาเห็นลูกชายตัวดีคบผู้หญิงจนเขาแทบจะนับไม่ถูก ไม่ว่ากี่คนต่อกี่คน ไม่เห็นจะจริงจังอะไรกับใครสักคน
“ไม่หรอกครับพ่อ”
พลพลเดินลงมาจากชั้นบนปฏิเสธบิดามาแต่ไกล ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างน้องสาวคนเล็ก
“แล้วตกลงแกไปติดผู้หญิงจริงเหรอวะไอ้พล คดีเก่าเพิ่งจะสะสางเรียบร้อย” บิดาหันมาถามอย่างคาดคั้น
“ไม่สักหน่อยครับพ่อ”
พลพลบอกอย่างเสียงเรียบเรื่อยพร้อมทั้งหันไปสนใจอาหารแทน
พิงมองลูกชายก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา
“เดี๋ยวผมจะไปดูโรงงานใหม่ของเราที่กำลังจะเปิด กะว่าจะเอาพืชผลทางการเกษตรของเราไปส่งด้วย จะได้เริ่มผลิตกันสักทีนึง”
ไพรวัลย์หันไปคุยเรื่องงานกับบิดาอย่างจริงจังเพื่อให้บิดาเลิกหงุดหงิดเรื่องน้องชายคนที่สามไปเสีย
“หนูกับพี่พันกำลังคิดแพ็กเกจสินค้าตัวใหม่อยู่น่ะค่ะพ่อ”
พนิดาหันไปคุยเรื่องงานกับบิดาบ้าง พร้อมทั้งหันไปมองหน้าพี่ชายคนรองยิ้มๆ
“พี่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว พี่ดูตลาดว่าปีนี้ทุเรียนออกน้อยทุกสวน ทำให้ทุเรียนราคาค่อนข้างสูง เราคงจะได้กำไร จากการขายทุเรียนกวนกันเป็นกอบเป็นกำ แล้วพี่จะช่วยผลิตให้รสชาติอร่อยถูกใจคนซื้อเอง”