ตอนนี้พ่อกำลังตั้งโรงงานแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรอยู่ อีกไม่นานคงเสร็จ ส่วนโรงงานรับซื้อน้ำยางพ่อคิดว่าประคองไปก็พอ คงไม่สร้างเพิ่ม เกษตรกรส่วนใหญ่แบ่งพื้นที่ไปปลูกอย่างอื่นเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของครอบครัว ถ้าเอาแต่กรีดยางคงไม่พอส่งลูกเต้าเรียนหนังสือ”
“โรงงานแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรที่กำลังสร้าง เกือบเสร็จหรือยังล่ะครับพ่อ” แทนคุณถามบิดาอย่างสนใจ
“ความจริงก็เสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้จัดการอะไรเลยพ่อยุ่งๆ หลายอย่าง”
เทพบอกลูกชายเสียงเหนื่อยล้าเล็กน้อย ช่วงนี้เขามีความรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยง่ายรวมถึงอ่อนเพลีย โรงงานสร้างเสร็จแล้วก็จริง แต่ยังเหลือตกแต่งและตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องจักรอีก
“พ่อไม่ค่อยสบายหรือเปล่าครับดูเหนื่อยๆ ชอบกล”
แทนคุณเลิกคิ้วถามบิดาด้วยความเป็นห่วง
“ไม่หรอก พ่อคงแก่แล้ว”
เทพปฏิเสธเสียงเรียบไม่อยากให้ลูกชายเป็นห่วง
“เดี๋ยวพ่อจะพาแกไปทำความรู้จักกับผู้ใหญ่ในตัวจังหวัด”
เทพบอกลูกชาย ดีใจที่ลูกชายเรียนจบกลับมาเสียที
“ครับพ่อ” แทนคุณรับคำบิดาพร้อมทั้งตามบิดาออกไปข้างนอก
“ว่าไงยัยหนูไปเดินตลาดได้อะไรมาบ้าง”
พิงทักบุตรสาวคนเล็กที่เพิ่งกลับมาจากตลาดในเมืองกับแม่บ้านที่เดินตามมาและเลี่ยงเข้าไปในครัวแล้ว
“ได้มานิดหน่อยค่ะพ่อ อยากทานแกงเลียงฝีมือพี่พัน ไม่รู้พี่พันอยู่รึเปล่า”
พนิดาทรุดนั่งลงตรงข้ามกับบิดาพูดด้วยความหิว หญิงสาวหยิบน้ำเย็นขึ้นมาดื่มเมื่อสาวใช้นำเอามาเสิร์ฟให้อย่างรู้หน้าที่
“พ่อก็อยากทานอยู่เหมือนกัน เห็นเจ้าพันอยู่หลังบ้านโน่น”
พิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“พ่อคะ พรุ่งนี้หนูจะไปดูต้นทุเรียนที่ลงไว้นะคะ” พนิดาบอกบิดา
“แล้วปลูกไปถึงไหนแล้วล่ะลูก”
นายพิงถามบุตรสาวถึงความคืบหน้าของงาน
“ได้เกือบครึ่งแล้วค่ะพ่อ แต่ว่าช่วงนี้ฝนตก เลยไม่ค่อยได้ปลูกสักเท่าไหร่ หนูจะไปดูว่าที่ปลูกไปแล้วเป็นไงบ้างค่ะ”
“จะไปก็เอาลูกน้องไปด้วยนะลูก แถวนั้นต้องระวังตัวหน่อย อีกอย่างพ่อไม่ค่อยไว้ใจใคร”
นายพิงพูดอย่างเป็นห่วงบุตรสาวเช่นเคย ถึงเขาจะกว้างขวางมีคนนับหน้าถือตามากมาย แต่เป็นธรรมดาของโลกที่มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด ถ้าระวังตัวเอาไว้น่าจะดีที่สุด โดยเฉพาะลูกสาวคนเดียวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขา มีหนุ่มๆ หมายปองมากมาย
“พ่อขา..หนูเอาหย้งกับจอมไปก็พอค่ะ ไม่อยากเอาไปมาก มันน่ารำคาญแล้วก็น่าเบื่อจะตาย”
พนิดาเริ่มบ่นอีกครา เมื่อบิดาจะให้เธอเอาลูกน้องไปมากมายอีกตามเคย
“เอาไปเถอะลูก แล้วจะชวนใครไปอีกไหม”
บิดาสำทับ ไม่ยินยอมให้บุตรสาวไปเพียงลำพังกับลูกน้องแค่สองคน เพราะน่าเป็นห่วงอยู่พอสมควร
“หนูกะว่าจะชวนปิ่นไปค่ะพ่อ จะออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ไปเช้าเย็นกลับค่ะ” พนิดารายงานบิดาให้ทราบ
ตอนเช้าบิดาต้องออกไปข้างนอก เธอกะว่าจะไม่เอาลูกน้องไปเยอะอย่างที่บิดาต้องการ แต่ไม่อยากบอกให้ท่านทราบเพราะเกรงว่าท่านจะไม่สบายใจ
“ตามใจ ระวังตัวด้วยแล้วกันพ่อเป็นห่วง”
นายพิงพูดอย่างเป็นห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียวเป็นที่สุด
“ค่ะพ่อ งั้นหนูขอตัวไปหาปิ่นในครัวก่อนนะคะ”
พนิดาขอตัวจากบิดาเพื่อไปหาปิ่นปัก เพราะเธอจะชวนปิ่นปักไปเป็นเพื่อนเธอในวันพรุ่งนี้
“ไปเถอะ”
พนิดาลุกจากที่นั่งคุยกับบิดาเมื่อบิดากล่าวอนุญาต นายพิงจึงหันไปหยิบหนังสือเกี่ยวกับผลิตผลทางการเกษตรและการรักษาโรคพืชขึ้นมาอ่านต่อ
“ทำอะไรอยู่จ๊ะปิ่น” พนิดาทักปิ่นปักเสียงสดใส
“คุณหนูมีอะไรหรือคะ”
ปิ่นปักวางมือจากงานที่ทำมาถามเจ้านายสาว
“พรุ่งนี้ฉันจะไปดูกล้าต้นทุเรียนที่ลงไว้เสียหน่อย กะว่าจะมาชวนปิ่นไปด้วยกัน จะได้ไปเที่ยว ฉันเห็นปิ่นทำงานอยู่แต่ที่บ้าน คงจะเบื่อน่าดู”
“ไปสิคะคุณหนู ปิ่นอยากไปเที่ยวเหมือนกัน อยู่แต่บ้านเบื่อจะตาย”
ปิ่นปักตอบตกลงอย่างดีใจที่จะได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านบ้าง เพราะวันๆ เธอเอาแต่ทำงานบ้านกับทำอาหาร
“จะไปไหนกันยัยพริกหวาน”
พันนาเดินเข้ามาในห้องครัวถามน้องสาวอย่างอยากรู้
ปิ่นปักมองชายหนุ่มตาไม่กะพริบ แต่เขาไม่ยอมมองมาที่เธอเลย เธอแอบชอบเขามานานตั้งแต่แตกเนื้อสาว แต่ดูเขาจะไม่สนใจเธอสักนิด ถึงแม้เธอจะหาเรื่องทะเลาะกับเขาแทบทุกวัน ช่วยเขาเป็นลูกมือทำอาหารเนื่องพันนาชอบทำอาหารมาก แต่เขาไม่เคยชายตามองเธอ แถมทำท่ารำคาญเธอด้วยซ้ำในบางครั้ง หญิงสาวคิดแล้วรู้สึกน้อยใจเพราะเธอเป็นเพียงแค่ลูกสาวแม่ครัวเท่านั้น
“ไปดูทุเรียนที่ลงไว้ค่ะพี่พัน”
พนิดาหันไปตอบพี่ชายที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบ
“ไปเมื่อไหร่ ระวังตัวด้วยแล้วกัน”
พันนาเตือนน้องสาวอย่างเป็นห่วง
“ขอบคุณค่ะพี่พัน น้องจะไปพรุ่งนี้ค่ะ ไปด้วยกันไหมคะ”
พนิดาตอบคำถามพร้อมทั้งถามพี่ชายกลับบ้าง เผื่อว่าเขาอยากไปด้วย
“ไม่ดีกว่า พี่จะไปหาเพื่อนสักสองสามวัน”
พันนาปฏิเสธน้องสาวคนเล็ก
“เหรอคะ เอ... เพื่อนผู้หญิงหรือเพื่อนผู้ชายคะ”
พนิดาถามพี่ชายพร้อมทั้งตะแคงคอมองอย่างล้อเลียน
“เพื่อนผู้หญิง” พันนาตอบเสียงเรียบๆ
“ฮันแน่ ไปหาสาวนี่เอง ชวนไปกับน้องถึงไม่ยอมไป”
คำว่าเพื่อนผู้หญิง ทำให้ปิ่นปักกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเพราะเธอแอบหลงรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“ปิ่นขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวต้องไปซักผ้าค่ะ”
ปิ่นปักรีบขอตัวทันทีเพราะไม่อยากฟังเรื่องแสลงใจต่อไป
“ตามสบายจ้ะ”
พนิดาอนุญาตและยิ้มให้ปิ่นปักเมื่อเธอเดินเลี่ยงออกไป
“แล้วเราจะไปกับใครบ้าง” พันนาถามน้องสาวอีกครั้ง
“ไปกับปิ่นค่ะ แล้วกะว่าจะพาหย้งกับจอมไปด้วย พ่อให้พาลูกน้องไปอีกเป็นสิบ แต่น้องเบื่อจริงๆ เลยค่ะพี่พัน ไม่เป็นส่วนตัวเลย”
พนิดาบ่นอุบกับพี่ชายคนรองเมื่อนึกถึงลูกน้องของบิดา ในบ้านมีเพียงเธอกับพี่ชายคนโตเท่านั้น ที่เวลาไปไหนมาไหนลูกน้องตามติดเป็นสิบยี่สิบ แต่พันนากับพลพลเวลาจะไปไหนมาไหนมีเพียงลูกน้องคนสนิทติดตามแค่คนเดียว หรือบางครั้งแทบไม่มีเลย เวลาจะไปไหนมาไหนก็สะดวกไม่ต้องคอยให้ใครติดตาม
“ยังไม่ชินอีกหรือยังไง พาไปเถอะจะได้ปลอดภัย”
พันนาบอกน้องสาวอย่างเป็นห่วง ความที่เขาเป็นคนค่อนข้างสันโดษชอบทำอาหาร จึงไม่มีศัตรูที่ไหน ส่วนพลพลมีนิสัยรักสนุก ขี้เล่น แต่เป็นคนขยันขันแข็ง เขากับน้องชายจึงไม่มีลูกน้องเยอะเหมือนอย่างไพรวัลย์พี่ชายคนโตที่ต้องห้ำหั่นทำธุรกิจแข่งขันกับตระกูลอื่น จนเป็นที่เขม่นจากคู่แข่งดังนั้นเวลาไปไหนมาไหนจึงต้องพาลูกน้องไปมากมาย
ส่วนพนิดาน้องสาวคนเล็กนิสัยแสนซน ดื้อรั้นอันนี้เขารู้ดี บิดาจึงหวงมาก ว่าจะไปมีเรื่องกับใคร จึงให้ลูกน้องตามติดพนิดามากมายด้วยเช่นกัน
พนิดาเป็นน้องสาวคนเดียวของครอบครัว เธอมีแต่พี่ชายหญิงสาวจึงไม่ค่อยเป็นกุลสตรีสักเท่าไหร่ ดังนั้นลูกน้องคนสนิทที่เป็นเพื่อนกันในวัยเด็กจึงเป็นผู้ชาย นั่นคือหย้งกับจอม และสองคนนี้เป็นลูกน้องที่น้องสาวของเขาไม่เคยนึกรำคาญ เวลาไปไหนมาไหนจะชวนไปด้วยกันตลอดเหมือนเงาตามตัว
“แต่เมื่อตะกี้พี่พันบอกว่าจะไปหาสาว สาวคนไหนคะ อนาคตพี่สะใภ้ของน้องหรือเปล่า อิอิ” พนิดาล้อพี่ชายเสียงสดใส
“เพื่อนพี่สมัยเรียน แต่งงานแล้ว แล้วก็แต่งกับเพื่อนพี่นั่นแหละ จะให้พี่ไปตีท้ายครัวเพื่อนหรือไง แค่พี่จะไปปรึกษาเรื่องผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เท่านั้น” พันนาบอกน้องสาวที่ทำท่าล้อเขาเรื่องเพื่อนเสียยาวยืด
“ว้า... เสียดายจัง นึกว่าจะมีพี่สะใภ้กับเค้าบ้าง พี่ไพรยิ่งไม่ต้องพูดถึง ชาตินี้จะมีเมียหรือเปล่ายังไม่รู้เลย