เมื่อมาถึงคฤหาสน์ สายฟ้ายังคงอยู่ในภวังค์ ไม่รู้ว่ารถมาถึงหน้าประตูบานใหญ่แล้ว ไม่มีใครรบกวนเขาในขณะที่เขามองออกไปข้างนอกด้วยสายตาว่างเปล่า แต่แล้วก็มีบางอย่างดึงดูดความสนใจเขา ทำให้สะดุ้งตื่นจากอาการมึนงง เขามองประตูบานใหญ่ที่เปิดออก กลั้นลมหายใจราวกับรอให้ใครสักคนออกมา ทว่าพอเห็นว่าเป็นจินดาซึ่งกำลังยิ้มให้เขาอยู่นั้นก็ถอนหายใจ เขาก้าวลงจากรถ ก่อนจะได้รับการต้อนรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นแบบทุกที
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะนายท่าน” จินดาทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ขอบใจ” สายฟ้าตอบสั้น ๆ แล้วเดินเข้าไปข้างใน ก่อนจะชะงัก พลางเอ่ยถามแม่บ้านโดยไม่หันไปมองหน้าว่า “แล้วปอไหมมาถึงบ้านหรือยัง”
“ไม่ค่ะนายท่าน” จินดาตอบอย่างสุภาพ
“อืม เตรียมอาหารเย็นด้วย” ชายหนุ่มพูดก่อนเดินไปยังบันได เขาเข้าไปในห้องที่บรรยากาศดูเงียบผิดปกติ นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบ ๆ พบว่ากลิ่นภายในห้องไม่เหมือนเดิม แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่กลับทำให้เขารู้สึกใจแป้วอย่างประหลาด ร่างสูงเดินไปที่เก้าอี้ใกล้ระเบียงแล้วนั่งลง มองดูรอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ ราวกับกำลังรอให้มีอะไรเกิดขึ้น เขานั่งอยู่อย่างนั้นสักพัก ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ สายตาจับจ้องไปทางประตู คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพลางมองนาฬิกาเห็นว่าผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว จึงกดเบอร์ของปอไหมเป็นครั้งแรกในรอบสิบวัน ทว่าไม่มีอะไรตอบกลับนอกจากเสียงขาดการเชื่อมต่อ
สายฟ้ามองโทรศัพท์ก่อนกดโทรออกอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม ดวงตาอันสงบนิ่งจับจ้องหน้าจอ จมอยู่กับความคิดตัวเอง ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ เดินเข้าไปในตู้เสื้อผ้าวอล์กอิน คิดว่าจะอาบน้ำก่อนลงไปทานข้าว มือหนาเปิดตู้เสื้อผ้าออกและเปิดประตูตู้อีกบานหนึ่งดู จากนั้นถอนหายใจโล่งใจที่เห็นเสื้อผ้าของปอไหมยังอยู่ในตู้ แต่แล้วเมื่อเข้าไปในห้องน้ำก็ต้องพบกับสิ่งผิดปกติ เขารีบวิ่งไปที่ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง พบว่ามันว่างเปล่าไปหมด ก่อนจะวิ่งกลับไปในห้องน้ำอีกครั้ง คราวนี้สังเกตเห็นว่ามีแต่สิ่งของของตัวเองเท่านั้นที่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แต่ไม่มีของของใครอีกคน…
“ป้าจินดาขึ้นมานี่หน่อย” สายฟ้าพูดผ่านอินเตอร์คอมข้างโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่นานหญิงวัยกลางคนก็เข้ามาในห้อง
“นายท่านมีอะไรคะ”
“ปอไหมไม่ได้กลับบ้านเลยเหรอ” เขาถามทันที
“เอ่อ... ไม่ได้กลับมาสามวันแล้วค่ะ เธอออกไปทำงานแล้วก็ยังไม่กลับมาค่ะนายท่าน” แม่บ้านตอบอย่างสงบ ขณะที่สายตาดุดันของสายฟ้าจ้องเธอ
“เธอบอกหรือเปล่าว่าจะกลับมาเมื่อไหร่” จินดามองหน้าเขา ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี “ป้าจินดา เธอจะกลับบ้านเมื่อไหร่”
“นายท่าน ป้าคิดว่า... อืม... คุณปอไหมคงจะไม่กลับมาอีกแล้วค่ะ” จินดาพูดอย่างประหม่า ทำให้ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาเข้มขึ้น
“ไม่กลับมาอีกแล้วงั้นเหรอ”
“ค่ะนายท่าน ตอนออกไปเธอเอากระเป๋าเดินทางไปด้วย”
“แต่เสื้อผ้าของเธอยังอยู่ครบนี่ แล้วทำไมถึงจะไม่กลับมา !” เขาตะคอกโดยไม่รู้ตัว จินดาสะดุ้ง
“นายท่าน ตู้เสื้อผ้าเต็มแบบนั้นตลอดอยู่แล้วค่ะ ไม่มีการใช้งานมาเป็นเวลาสองปีแล้ว”
"สองปี?" เขาถามด้วยความสับสน จะเป็นไปได้อย่างไร เขาอยู่กับปอไหมแค่ครึ่งปีเองนี่นา “หมายความว่ายังไงป้าจินดา พูดให้ชัด ๆ หน่อยได้ไหม!”
จินดาถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยกลัวอารมณ์ของเจ้านาย ก่อนอธิบายชัดเจน
“ที่นายท่านเห็นไม่ใช่เสื้อผ้าของคุณปอไหมค่ะ มันเป็นเสื้อผ้าของคุณทับทิมค่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่บ้านพูด สายฟ้าก็รีบไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดดูอีกครั้ง เขาเช็กเสื้อผ้าแต่ละชุดที่แขวนอยู่ข้างใน แม้กระทั่งลิ้นชักชุดชั้นในทั้งหมด เป็นอย่างที่จินดาว่า ทั้งหมดเป็นของของทับทิม ชายหนุ่มตะลึงด้วยความไม่เข้าใจ รู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด นี่เขาพลาดอะไรไป… ทันใดนั้นเขาก็รีบเพ่งมองไปยังมุมที่มักจะเห็นกระเป๋าเดินทางสีดำใบหนึ่งวางอยู่ทันที ทว่าตอนนี้มันไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว มือหนาถูต้นคอไปมา ไม่อยากเชื่อเลยว่าหกเดือนที่ผ่านมาปอไหมจะมีเพียงกระเป๋าเดินทางใบเดียวแค่นั้น
ต่อให้มันจะเป็นข้อตกลง แต่เขาใจร้ายกับเธอถึงขนาดนี้ได้ยังไง… เธอไม่มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับวางของด้วยซ้ำ เขาไม่เคยทำให้เธอรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับเลยสักครั้งแม้ว่าจะเป็นภรรยาของเขาก็ตาม สายฟ้าเอามือเกาหน้าตัวเองแล้วดึงทึ้งผมอย่างแรง นี่เขาเป็นคนสารเลวอะไรเช่นนี้ เขาสนุกและมีความสุขกับร่างกายของเธอ แต่กลับไม่เคยทำให้เธอสบายใจเลยหลังจากที่พามาอยู่ที่นี่ เขาทำผิดกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่รู้ตัว ไม่แปลกใจเลยที่เธอไม่เคยทำตัวสบาย ๆ ในบ้านหลังนี้สักครั้ง ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาผูกมัดเธอด้วยเงินเพียงสิบล้านดอลลาร์จีเอชแท้ ๆ ! เขากลายเป็นไอ้สารเลวที่ปฏิบัติต่อเธอผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นภรรยาด้วยความโหดร้าย ดูถูกเธอด้วยการไม่ใส่ใจรายละเอียดเกี่ยวกับเธอสักนิด ให้ตายสิ เขารู้สึกผิดจนไม่อาจจะให้อภัยตัวเองได้แล้ว ช่างเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ
สายฟ้าอยากอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้กับปอไหม จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขของเธออีกครั้ง แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ เขาลูบผมอย่างหงุดหงิด มองไปเห็นโต๊ะข้างเตียงของเธอ ทันใดนั้นก็จำได้ว่า เธอเคยพูดอะไรไว้ก่อนหน้านี้
‘ตอนที่คุณทับทิมกลับมา ฉันจะเซ็นเอกสารแล้วเอาไว้ตรงนี้’ นั่นคือคำพูดของเธอในคืนแรกที่มาถึงคฤหาสน์ ก่อนที่เขาจะกลืนกินร่างกายของเธอทั้งคืน ชายหนุ่มเดินไปที่โต๊ะช้า ๆ จับโทรศัพท์ไว้แน่น เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเปิดลิ้นชัก ด้วยกลัวว่าจะพบอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ในลิ้นชักมีเอกสารอยู่ข้างในพร้อมกับบัตรเครดิตการ์ดที่เขาเคยมอบให้เธอในวันแรกตอนหารือกันเกี่ยวกับข้อตกลง ทั้งยังมีใบหย่าที่เธอลงนามไว้เสร็จสรรพแล้ว…
นี่เธอเซ็นใบหย่าโดยไม่รอเขาเลยเหรอ…
คงเป็นเพราะเขาไม่ได้มาที่นี่เลยมาตลอดอาทิตย์กว่าสินะ ปอไหมจึงตัดสินใจตามที่เคยตกลงกันไว้แบบนี้ มันเป็นข้อตกลงที่ระบุไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า หลังจากที่ทับทิมกลับมา เธอจะต้องเซ็นใบหย่าและจากไป ซึ่งเธอก็ทำงานตามที่ได้รับค่าจ้างเสร็จแล้ว
สายฟ้านั่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลาหลายชั่วโมง จ้องมองผนังว่างเปล่า กระดาษแผ่นเดิมยังอยู่ในมือ จังหวะนั้นโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น แต่เขาไม่มีอารมณ์จะรับสาย มันเป็นสายจากทับทิมซึ่งโทรหาเขามายี่สิบสายแล้ว
ตอนนี้เขาไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น เขาลุกขึ้นและตรงไปอาบน้ำ ครั้นออกมาจากตู้เสื้อผ้าวอล์กอิน ก็หยุดและจ้องมองไปที่เตียง พลางบดกรามแน่น จากนั้นคว้ากระดาษแล้วรีบออกไป แม่บ้านจินดายังคงรอเขาอยู่ตรงบันไดพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่น