บทที่ 2 ฮีโรของต้องรัก - 3

1350 คำ
ชนาธิปรีบย่อตัวลงช้อนร่างของหญิงสาวให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนได้ทันควันจนร่างเล็กนั้นลอยหวือขึ้นจากพื้นเมื่อเขายืนขึ้นเต็มความสูง ด้วยความตกใจ ต้องรักเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที ส่งผลให้ใบหน้าของเธอกับเขาห่างกันเพียงแค่คืบ หนำซ้ำท่อนแขนของเธอยังโอบรอบคอเขาโดยอัตโนมัติอีกต่างหาก ตาสองคู่ประสานกันนิ่งงันท่ามกลางหัวใจหญิงสาวที่สั่นระรัว จนเจ้าของกลัวว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะรู้ อยากถอนสายตาจากเขาแต่กลับรู้สึกเหมือนถูกนัยน์ตาสีนิลตรงหน้าดึงดูด เธอคิดว่าสายตาตนคงกำลังพร่าเบลอเพราะเหมือนจะเห็นร่องรอยความพึงพอใจฉายชัดออกมาจากนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้น แม้ว่ามันจะแค่ชั่ววินาทีก็ตาม “ค่อยๆ วางเท้าลงแล้วยืนช้าๆ นะ” เขาพูดโดยไม่ละสายตาไปจากวงหน้าสวยหวาน ในขณะที่ต้องรักนั้นคล้ายถูกมนตร์สะกดบางอย่างให้ไม่รับรู้ถ้อยประโยคที่เขาเอ่ย เสียงของเขา และกลิ่นน้ำหอมที่เธอจารึกเอาไว้ในใจกำลังทำให้ห้วงความคิดล่องลอยไป ตอนที่เธอใกล้หมดสติ เธอยังคงจดจำความอบอุ่นอ่อนหวานนั้นได้ดี แม้ว่าสติสัมปชัญญะใกล้ดับวูบลงเต็มทีก็ตาม “พร้อมรึยังต้องรัก” ได้ยินเสียงทุ้มเรียกชื่อเธอ สติของต้องรักจึงเพิ่งกลับมาอยู่กับตัว หญิงสาวรีบแก้เก้อด้วยการเสมองไปทางอื่นก่อนจะอ้อมแอ้มตอบรับเขา เมื่อเห็นต้องรักพร้อมแล้วเขาจึงค่อยๆ ผ่อนร่างหญิงสาวลงกับพื้นโดยที่แขนข้างหนึ่งยังคงยึดต้นแขนของเธอเอาไว้แน่น ต้องรักเองก็เผลอเกาะกุมบ่าของเขาเป็นหลักยึดขณะพยายามยืนเต็มฝ่าเท้า พอเห็นหญิงสาวยืนได้มั่นคงแล้ว เขาจึงปล่อยมือจากต้นแขนของเธอแล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้น “เกาะแขนฉันไปก็แล้วกัน จะได้ไม่ล้มลงไปอีก” ต้องรักมองแขนของเขาอย่างชั่งใจ ทั้งเกรงใจเขาในฐานะเจ้านาย และไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอกำลังให้ท่า แต่ถ้าเธอปฏิเสธความหวังดีจากเขาก็คงดูไม่ดีเท่าไร สุดท้ายเธอจึงเลือกที่จะวางมือของตัวเองลงบนท่อนแขนของเขา “ขอบคุณมากค่ะ คุณชนาธิป” ชนาธิปปล่อยให้หญิงสาวจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ส่วนตนก็ออกไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายและยาของต้องรักที่จะต้องนำกลับไปกินต่อที่บ้าน เมื่อเขาเดินกลับมาก็เห็นหญิงสาวนั่งอยู่เพียงลำพังบนโซฟาในห้องพัก “ไปเถอะ” เขาเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าให้เล็กน้อย มือยื่นไปหาเพื่อให้เธอเกาะยึดเอาไว้ระหว่างลุกขึ้นยืน ต้องรักวางมือของตัวเองลงบนอุ้งมืออุ่นร้อนก่อนจะลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ความอุ่นจากอุ้งมือเขาแผ่ซ่านมาตามผิวเนื้อจนลามไล้เข้าไปโอบล้อมไว้ทั้งหัวใจ ก่อนจะพุ่งขึ้นไปสุดทางอยู่ตรงผิวหน้า ส่งผลให้แก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวราวกับจับไข้ ยิ่งมือนั้นกุมกระชับขึ้น ระดับความร้อนก็ดูเหมือนจะพุ่งสูงตามไปด้วย นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองไปยังท่อนแขนของเขา อยากเปลี่ยนเป็นเกาะกุมแขนแทนที่การสอดมืออยู่ในอุ้งมืออุ่น แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะชักมือกลับ ใช่ว่ารังเกียจสัมผัสของเขา ตรงกันข้าม กลัวเขาจับได้ว่าเธอตื่นเต้นมากแค่ไหนที่ได้ชิดใกล้กับเขาราวกับเป็นคนสำคัญอย่างนี้ต่างหาก พอออกมาจากห้องที่นอนพัก ต้องรักเห็นชายหนุ่มสองคนมายืนรออยู่ก่อนแล้ว เธอจำได้ว่าทั้งคู่เป็นลูกน้องที่คอยเดินตามชนาธิปไม่ห่าง สายตาของทั้งสองคนมองมาที่จุดๆ เดียว จุดที่มือของเขากำลังเกาะกุมมือของเธออยู่... หญิงสาวหลุบสายตาลงมองพื้นทันทีเมื่อเห็นประกายตาล้อเลียนกับมุมปากที่หยักยกขึ้นจากสองคนนั้น จึงไม่ทันได้เห็นว่าทั้งเอกรัฐและชัชวาลแทบปรับสีหน้ากับแววตาไม่ทันเมื่อถูกนัยน์ตาคมกริบของผู้เป็นนายมองอย่างปรามๆ กลับไป “นั่งรถเข็นไหม” เขาก้มหน้าลงมาถาม ต้องรักเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับส่ายหน้าและตอบปฏิเสธ เธอเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าพอได้มายืนใกล้กันแบบนี้แล้ว ศีรษะเธอแทบไม่เลยหัวไหล่ของเขาด้วยซ้ำ ชนาธิปพยักหน้าก่อนจะกระตุกมือเล็กที่เกาะกุมอยู่เบาๆ ให้ออกเดินไปพร้อมกับเขา ระหว่างที่พาเดินไปยังอาคารจอดรถของโรงพยาบาล ชายหนุ่มเห็นว่าเธอยังเดินได้ไม่ค่อยสะดวกนักจึงพยายามผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงจนแทบกลายเป็นเดินแล้วหยุด เดินแล้วหยุดอยู่หลายครั้ง และด้วยความเกรงใจ ต้องรักจึงฝืนทนเดินให้เร็วขึ้น “ไม่ต้องรีบ ฉันรอได้” เขาเอ่ยเบาๆ เหนือศีรษะเธอ ต้องรักลอบยิ้ม มองมือตนที่อยู่ในอุ้งมือเขาแล้วรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวานไปทั้งใจ ราวกับว่าตราบใดที่เขายังอยู่ใกล้ๆ เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการการปกป้อง แม้จะรู้ดีว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเป็นเพียงความรับผิดชอบอันพึงมีแก่พนักงานคนหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้เธอชักอยากรู้เหลือเกินว่าเขาจะใจดีอย่างนี้กับพนักงานทุกคนหรือเปล่า และถ้าเป็นคนอื่น เขาจะจูงมือเดินเหมือนกับที่จูงมือเธอหรือไม่ ชนาธิปเปิดประตูรถด้านหลังแล้วดันให้เธอเข้าไปก่อน ก่อนจะแทรกตัวสูงใหญ่ของเขาตามเข้ามา หญิงสาวนั่งตัวลีบเกร็งเพราะไม่เคยนั่งรถหรูหราอย่างนี้มาก่อน อีกทั้งคนนั่งข้างๆ ยังเป็นถึงเจ้านายของเธออีกด้วย “บ้านอยู่ที่ไหนครับ” เอกรัฐที่นั่งอยู่เบาะหน้าหันมาถาม ต้องรักจึงบอกทางไปบ้านของตัวเองให้คนที่ทำหน้าที่ขับรถได้ทราบ จากนั้นก็นั่งเงียบๆ ตามเดิมโดยไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย เพราะเห็นเขานั่งนิ่งไม่พูดไม่จา จึงทำได้แค่เพียงแอบมองจากทางหางตาเท่านั้น ต้องรักนั่งเอามือกุมหัวเข่าของตัวเอง บีบแล้วคลายอยู่หลายครั้ง ซึ่งอาการทั้งหมดนั้นแม้แต่ตัวหญิงสาวเองก็แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอยู่ ทว่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาของชนาธิปได้ อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ๆ มือใหญ่ของเขาก็วางลงบนมือเล็กของเธอพลางบีบเบาๆ ราวกับปลุกปลอบให้คลายความตื่นเต้น ต้องรักหันไปมองสบตากับเขา รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่กระจายจากฝ่ามือพุ่งขึ้นสู่ผิวหน้า นึกขอบคุณความมืดในเวลาย่ำรุ่งอย่างนี้เหลือเกินที่ไม่ทำให้เขาได้เห็นสีระเรื่อบนแก้ม ซึ่งป่านนี้มันคงแดงประจานเจ้าของไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคำพูดใดๆ ระหว่างกัน มีเพียงความอบอุ่นที่ต่างคนต่างถ่ายทอดให้กันผ่านทางฝ่ามือเท่านั้น รถเริ่มเคลื่อนตัวเข้าไปสู่ละแวกบ้านที่ต้องรักพักอาศัย หญิงสาวจึงเริ่มตื่นตัวมากขึ้น ก้มมองมือของตัวเองที่อยู่ในอุ้งมือเขาแล้วก็อยากยืดเวลานี้ออกไปอีกสักหน่อย ไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้ไปแล้วเมื่อเจอกันอีกครั้ง เขาจะยังใจดีอย่างนี้อยู่อีกหรือไม่ จะทักทายเธอบ้างหรือเปล่า หรือความรู้สึกพิเศษที่ก่อเกิดขึ้นมาต่างๆ เหล่านี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่คิดไปเองฝ่ายเดียว “เอ่อ...จอดตรงหลังรถแท็กซี่สีฟ้าคันนั้นก็ได้นะคะ เดี๋ยวรักเดินเข้าไปเองค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม