Stay Hug ที่พบรัก 19
ตกเย็นหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จแล้วเรียบร้อย ฉันก็หยิบแผนงานมานำเสนอคนทั้งครอบครัว คิดเอาไว้ว่าถ้าแผนนี้ยังไม่ผ่าน หรือพ่อกับแม่ยังไม่อนุมัติ ก็จะยังไม่ดำเนินการอะไร
“พ่อว่าห้องพักมุมนั้นชะลอไว้ก่อนดีไหมลูก แต่เน้นการซ่อมแซมกับบำรุงของเดิมแทน” พ่อแนะนำเมื่อได้อ่านแผนงานของฉันคร่าว ๆ
“อันนี้พี่เห็นด้วยนะ ตอนนี้ที่นั่นเด็กดูแลคนเดียว สเกลมันใหญ่มากด้วย ถ้าหากคอยซ่อมบำรุงของให้ดูเหมือนใหม่ ก็จะยังคงกลิ่นอายเดิมไว้ได้ แขกที่มาพักจะได้รู้สึกอบอุ่นเหมือนกับครั้งแรกที่มาไง” พี่อชิเสนอ ส่วนฉันก้มหน้าโน้ตคำแนะนำของทั้งพ่อและพี่ชายไว้อย่างเข้าใจ
“โอเคค่ะ แล้วเรื่องพนักงานใหม่ล่ะคะ” ฉันถามต่อ ไม่ได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาร่วมคุยงาน เพราะรู้ว่าตัวเองยังด้อยประสบการณ์ คำแนะนำจากครอบครัวจึงสำคัญมาก ๆ สำหรับฉัน เพียงแค่แม่วางใจให้ฉันดูแลที่นั่นทั้งที่เพิ่งเรียนจบก็กดดันมากแล้ว จึงอยากเรียนรู้ทุกอย่างให้ได้มากกว่านี้
“อ้อ พี่หาให้แล้ว รอสัมภาษณ์ก่อนนะ ถ้าผ่านพี่จะโทร. บอก แล้วให้เข้มเข้ามารับ เพราะเป็นแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านน่ะ เราต้องทำเรื่องให้ถูกกฎหมาย รอบนี้พี่รับเข้าใหม่สามคนนะครับ” พี่อธิรีบบอก
“รับทราบค่ะพี่ชาย” ฉันพยักหน้าและบันทึกข้อความไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
“น้องอิงคะ สิ้นปีนี้ประเมินโบนัสให้พนักงานด้วยนะลูก”
“ค่ะแม่ อิงตามข้อมูลที่แม่ให้หนูมาศึกษาก่อนหน้านี้ใช่ไหมคะ?” เงยหน้ามองแม่ที่นั่งอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้ามข้างกายนั้นเป็นพ่อ และฝั่งฉันที่นั่งอยู่ซ้ายขวามีพี่ชายทั้งสองคนนั่งขนาบข้างไม่ห่าง
“ใช่ลูก”
“งั้น...ถ้าหนูประเมินแล้วจะส่งให้แม่ตรวจสอบความเหมาะสมอีกครั้งนะคะ”
“ได้ค่ะ” รอยยิ้มอบอุ่นของแม่ทำให้ฉันยิ้มกว้างด้วยความสุขใจ
เราทั้งห้าคนนั่งคุยเรื่องงานเสร็จก็คุยเล่นไปเรื่อย นอนดูทีวีด้วยกันที่ห้องรับแขกและตอนนี้พี่ชายก็ไม่ยอมอยู่ห่างจากฉันเลยสักวินาทีเดียว
“เมื่อไหร่พวกพี่สองคนจะมีแฟน” ระหว่างที่นอนดูทีวีอยู่ด้วยกันฉันก็อดเอ่ยถามพี่ชายตัวเองไม่ได้
“อ้าวเด็ก ถามแบบนี้ได้ยังไง” พี่อชิถามอย่างไม่เข้าใจติดจะงอแงเล็กน้อย
“ก็สงสัยอะ เมื่อไหร่จะมีพี่สะใภ้ให้หนู”
“อีกนานเลย ไม่มีใครสนใจพี่หรอกน่า” พี่คนโตตอบกลับเสียงแผ่วทั้งยังขยับซบใบหน้าลงบนหมอนอิงใบใหญ่
“อ้าว เศร้าอีก โสดก็โสดสิ ผมก็โสดอยู่กับพี่เนี่ย” พี่คนรองบอกพี่ชายคนโตของบ้านด้วยน้ำเสียงจริงจัง ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าพี่ชายทั้งสองคนต่างปลอบกันไปมาเรื่องความโสดสนิท
“เบียร์หน่อยไหม?” พี่อชิชวน และไม่รอให้เราได้ตอบเมื่อถามจบเจ้าตัวก็วิ่งเข้าไปในห้องครัวก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับเบียร์หกกระป๋อง ส่วนพี่อธิหอบขนมมารอแล้ว พี่ชายตัวโตทั้งสองขยับไปนั่งที่พื้นส่วนฉันยังนั่งบนโซฟาดังเดิม เพิ่มเติมคือมีพี่ชายคอยส่งเครื่องดื่มและขนมมาให้
“เด็ก ถ้าจะมีแฟนอะ หนูบอกพวกพี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ขอสแกนก่อน ตกลงไหม?” พี่อธิเงยหน้าบอก
“ไม่หวงหนูเหรอ?” แกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าพี่ชายทั้งสองน่ะทั้งห่วงและหวงฉันจนขึ้นสมอง
“หวงสิ น้องสาวนะ จะไม่ให้หวงได้ยังไงกัน” พี่อชิตอบเสียงเข้ม
“อื้อ หวงมาก แต่ความรักมันห้ามกันไม่ได้ ดังนั้นถ้ามีไม่ต้องปิดบังพวกพี่ บอกมาเลยแล้วจะช่วยสแกน” พี่อธิยืนยันเสียงจริงจัง
“ถ้ามีจะบอกนะคะ ตอนนี้ยังโสดสนิทเหมือนเดิม เพิ่มเติมมีลูกแล้ว” ตอบพี่ชายพร้อมกับอุ้มแมวตัวเล็กที่ฝากแม่เลี้ยงขึ้นมานั่งบนตัก เจ้าสีขาวน่ะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ก็ดูจะมีน้ำมีนวลขึ้นมากเลย แต่ก็ยังยอมให้ฉันอุ้มมานั่งตักเหมือนเดิม
“หลานพี่มันซนมาก” พี่อชิแซวสีขาวที่หลับปุ๋ยอยู่บนตักของฉัน
“เอาน่าวัยกำลังโตค่ะ” คุยกับพี่ ๆ เป็นเรื่องเป็นราว ระหว่างนี้ก็มีคุยเรื่องที่ร้านอาหารด้วย เราสามพี่น้องใช้เวลาดื่มและคุยกันอยู่ค่อนคืนก่อนจะแยกย้ายกันไปในช่วงเวลาสี่ทุ่ม พอกลับถึงห้องนอนฉันก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วคลานขึ้นเตียงนอน พร้อมกับอาการมึนหัว
จังหวะที่นอนคว่ำหน้าไปกับฟูกนอน มือก็ยื่นไปหยิบโทรศัพท์ที่ลืมไว้บนเตียงตั้งแต่เย็นขึ้นมาดู และก็ต้องตกใจกับเบอร์โทรที่ไม่ได้รับสายเกือบเจ็ดสายแน่ะ แล้วก็มีข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเกือบสิบข้อความ ยังไม่รวมข้อความที่สองสาวคุยเล่นกันในแชตกลุ่มอีก คนผิดสัญญาอย่างฉันรีบกดเข้าไปในช่องแชตเพื่ออ่านข้อความที่ถูกส่งเข้ามาก่อนจะรีบโทร. กลับหาอีกฝ่ายทันที
(หายไปไหนมา) ทันทีที่กดรับ ปลายสายก็รีบเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงตกใจ ฟังดูเหมือนจะกังวลอยู่ไม่น้อย
“ขอโทษค่ะ ไปนั่งคุยกับพี่ ๆ มาที่ห้องนั่งเล่น ลืมเอาโทรศัพท์ลงไปด้วย” ฉันเอ่ยบอกเพื่อนพี่ชายอย่างไม่ปิดบัง แค่นี้ก็รู้สึกผิดมาก ๆ แล้วที่ไม่ได้รับสายเขา
(ดื่มเหรอ? ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น) เก่งจัง ฟังแค่เสียงก็รู้เลยว่าฉันเสียงเปลี่ยน
“นิดหน่อยค่ะ ดื่มกับพี่ ๆ นั่นแหละ”
(เมาไหม?)
“มึนหัวนิดหน่อยค่ะ”
(แล้วอาบน้ำหรือยัง) พี่แทนคุณยังคงเอ่ยถามอย่างใส่ใจ ส่วนฉันในตอนนี้ตาปรือเริ่มง่วงแล้ว
“อาบน้ำแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ง่วงมากเลยอะ”
(อืม งั้นก็ไปนอน)
“อื้อ ๆ ฝันดีนะคะคุณแทนคุณ”
(เมื่อไหร่จะเรียกพี่? คนรอบข้างเรียกพี่หมด แต่นี่ยังโดนเรียกคุณอยู่เลย) ปลายสายถามกลับมา
“ก็ ยังไม่สนิทนี่นา” ...แต่ในใจน่าจะเรียกเกินสิบครั้งแล้วมั้งนะ
(คนอื่นสนิทแล้วเหรอ?)
“อื้ออ ไม่เอา ๆ ไม่คุยแล้ว จะนอนแล้วนะ ฝันดีค่า” ระหว่างที่ตอบตาก็แทบปิดแล้ว
(เฮ้อ ฝันดีครับ ห่มผ้าดี ๆ คืนนี้มีพายุเข้า)
“รับ...ทราบ”