Stay Hug ที่พบรัก 14
วันแรกของการไม่มีรถใช้ ฉันเลือกที่จะเข้าโรงแรมไปตรวจงานโดยรอบ และแวะเข้าไปตรวจเอกสารอีกเล็กน้อย รวมถึงทำแผนเสนอพ่อแม่กับพี่ชาย เรื่องการปรับปรุงผังโรงแรม ไหนจะเรื่องเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มอีกสองคน รวมถึงสรุปงานในไตรมาสแรก แต่ทำวันเดียวไม่เสร็จหรอก ก็ทยอยทำไปเรื่อย ๆ เวลาพักก็ออกไปเดินสำรวจรอบ ๆ โรงแรมแทนการขับรถไปชิลล์ข้างนอก
วันนี้ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกอยู่เนือง ๆ เห็นหลายคนเล็งต้นลำไยลูกโต ฉันก็เดินเข้าไปบอกว่าต้นไหนเก็บได้ ต้นไหนยังไม่ถึงเวลาเก็บ ไม่มีหวงสักนิด เรียกได้ว่าแทบจะไปหาถุงมาให้ลูกค้าเก็บลำไยใส่
“เฮ้อ ฝนตกอีกแล้ว” เพราะมีฝนตกอยู่ตลอดเวลา ทำให้ลานกางเต็นท์มีแขกไม่เยอะเท่าช่วงฤดูหนาว ที่พักแบบบ้านเป็นหลังกับห้องพักของโรงแรมก็เต็มยาวไปจนถึงปีหน้า คงจะได้ครึกครื้นไม่มีเหงากันไปจนถึงสิ้นปี แค่คิดถึงผลประกอบการก็ยิ้มหน้าบานแล้ว
“คุณอิงกางร่มด้วยค่ะ” เสียงพี่ลินดาร้องเตือนเมื่อเห็นฉันกำลังจะออกจากล็อบบีโรงแรมกลับไปยังที่พักตัวเอง เวลาบ่ายสามอากาศเย็นสบายมาก แล้วยังเป็นช่วงเวลาที่ฝนใกล้ตกแบบนี้ฉันง่วงมากค่ะ อยากจะกลับไปนอน
“อ้อ ขอบคุณค่ะพี่ลินดา” ฉันเอ่ยบอกขอบคุณ พลางสาวเท้าไปรับร่มจากพี่สาวคนสวย จากนั้นถึงได้เดินออกจากบริเวณล็อบบีโรงแรม มือหนึ่งคอยกางร่มกั้นเม็ดฝนเพื่อกลับไปยังที่พักของตัวเอง
แล็บท็อปคู่ใจถูกหยิบขึ้นมาทำงานอีกครั้งเมื่อกลับถึงห้องพัก และครั้งนี้ฉันเลือกที่จะเปิดทั้งผ้าม่านและหน้าต่างให้เห็นเพียงบานกระจกใส สายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้มองเห็นวิวภายนอกได้ไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็หยิบงานขึ้นมาทำเรื่อย ๆ บริเวณระเบียงหน้าห้องพักนั้นมุงหลังคากันฝน ทำให้เก้าอี้และโต๊ะไม่โดนฝนสาดเข้าใส่ แต่ก็ไม่กล้าออกไปนั่งในตอนนี้เพราะกลัวว่าตัวเองจะป่วยอีก จึงเลือกนั่งทำงานที่โต๊ะทำงานในห้องพัก แต่ทำไปได้สักพักก็รู้สึกง่วงจนทนไม่ไหว รีบเดินไปปิดม่านลงและเปิดแอร์ทันที
“นอนพักหน่อยดีกว่า ไม่ไหวเลยง่วงมาก” แล้วก็กลายเป็นบ่นกับตัวเองเสียงงัวเงียเดินไปล้มตัวนอนคว่ำอยู่บนเตียงนอนนุ่ม ๆ ไม่กี่นาทีก็หลับไปอย่างสบายใจ
อากาศดี ๆ แบบนี้ เหมาะกับการพักผ่อนที่สุดแล้วแหละ
โทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงนอนข้างหมอนหนุน ส่งเสียงเรียกเข้าพร้อมกับแรงสั่นถี่ ๆ เป็นสัญญาณว่าในขณะนี้มีคนกำลังติดต่อเข้ามา ฉันยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายจาก
“...ค่ะ ว่าไงคะ” ส่งเสียงทักทายปลายสายอย่างเป็นกันเอง
(หลับอยู่เหรอ?) ปลายสายเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
“ค่ะ คุณมีอะไรหรือเปล่า” ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย และยังคงหลับตาอยู่ดังเดิม
(จะชวนไปกินข้าว)
“ฝนตก ไม่ไปค่ะ” เอ่ยปฏิเสธอย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งเวลาให้เสียเปล่า อากาศดีขนาดนี้ไม่กินหรอกข้าวจะนอนค่ะ
(หึ หกโมงจะเข้าไปหา กินที่โรงแรมก็ได้)
“ง่วงอะ” ฉันบอกอย่างงอแง
(กว่าจะถึงเวลานัดก็หนึ่งชั่วโมงกับอีกยี่สิบเจ็ดนาทีเลยนะ จะไม่ตื่นหน่อยเหรอ) ปลายสายถามกลับมา น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความขบขันอยู่ไม่น้อย
“ตอบไม่ได้ค่ะ ง่วงเกินไป”
(โอเค ๆ ถ้าอย่างนั้นก็นอนต่อ ใกล้เวลาจะโทร. บอกอีกทีแล้วกัน)
“...”
(ได้ยินไหม?) คุณแทนคุณถามย้ำ
“ได้ยินค่ะ วางให้หน่อยจะนอนต่อแล้วค่ะ”
(ขี้เซาจัง นอนพักเถอะไม่กวนแล้ว...)