Stay Hug ที่พบรัก 13

1464 คำ
Stay Hug ที่พบรัก 13 “อิง! เกิดอะไรขึ้น” เจ้าของรถคันดังกล่าวรีบลงจากรถอย่างรีบร้อน เขาตะโกนถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนเพียงแค่เห็นรถฉันจอดอยู่ข้างทาง พอเห็นว่าเป็นใครชัด ๆ ฉันจึงรีบปลดล็อก แล้วเปิดประตูรถลงไปหาเขา ฉันดีใจจนแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ อย่างน้อยคนตรงหน้าก็เป็นคนรู้จัก ปลอดภัยแล้วยัยอิง “รถ รถกระตุกแล้วดับไปเลยค่ะ สตาร์ตไม่ติด ละ แล้วฉันจะโทร. ติดต่อใครก็ไม่ได้ด้วย” รีบเล่าให้คนตรงหน้าได้ฟัง คุณแทนคุณทำหน้าตกใจรีบเดินเข้ามาใกล้ เขาลองสตาร์ตรถดูสองสามครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ผล จึงเปิดฝากระโปรงรถดูหม้อน้ำ ทว่าทุกอย่างกลับปกติ “เกจ์น้ำมันปกติ น้ำมันไม่ได้หมด หม้อน้ำก็ไม่แห้ง น่าจะเกิดจากเครื่องยนต์ แถวนี้เกือบสองกิโลฯ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรอก” เขาหันมาบอก ฉันพยักหน้าเข้าใจแต่ก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงเหมือนกัน “ขับรถผมไป ประมาณห้ากิโลเมตร จะมีอู่ซ่อมรถเปิดอยู่ บอกให้เขามาช่วยลากรถ เดี๋ยวผมอยู่เฝ้าให้ รถผมคันนี้ไม่มีที่ลาก” “หมายถึงให้ฉันขับรถคุณไปเหรอคะ?” ทวนถามคนตรงหน้าอย่างมึนงง “ใช่ โทร. หาใครตอนนี้ไม่ได้หรอก อู่นั้นไว้ใจได้ ผมก็ใช้บริการกับรถของที่ไร่อยู่” “ค่ะ เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไป” “โอเค ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องตกใจ ขับรถผมไป แล้วบอกเขาว่ามีรถเสียให้เอารถออกมาลากให้หน่อย บอกไปว่าผมรออยู่ตรงนี้ แล้วคุณก็รออยู่ที่อู่ ไม่ต้องวนกลับมาหาผม เข้าใจไหม?” เมื่อส่งฉันขึ้นรถ เจ้าของรถตัวจริงก็มายืนกำกับอยู่ข้างกระจกฝั่งคนขับ แล้วเอ่ยย้ำกับฉันด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่ได้ดุหรือสั่งเสียงเข้ม ฉันพยักหน้าเข้าใจ อีกฝ่ายถึงได้ขยับออกห่างและปิดประตูรถให้ หลังจากที่ฉันขับรถของคุณแทนคุณออกมาสักพัก ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเอาโทรศัพท์มาด้วย ความทรงจำสุดท้ายที่พอจะระลึกได้คือน่าจะวางไว้บนเบาะข้างคนขับ “เจอแล้ว ๆ” ฉันพึมพำกับตัวเองด้วยความดีใจ เมื่อขับรถมาสักพักก็เจอกับอู่ซ่อมรถ ทั้งที่รอบข้างมีเพียงต้นไม้สูงใหญ่ล้อมรอบ แต่พอพ้นบริเวณนั้นกลับพบอู่ซ่อมรถ และถัดไปก็คล้ายจะเป็นเขตชุมชน ฉันไม่รีรอรีบเลี้ยวรถเข้าไปในอู่ เชื่อแล้วว่าเจ้าของสวนลำไยรู้จักกับคนที่อู่แห่งนี้ เพราะเมื่อเห็นรถเลี้ยวเข้ามาก็มีคนเดินยิ้มออกมาต้อนรับทันที แต่พอเห็นว่าคนที่เปิดประตูรถลงไปไม่ใช่เจ้าของรถตัวจริง คนที่เดินออกมารับก็มองหน้าฉันอย่างสงสัยแทน “สวัสดีค่ะ คือมีรถเสียที่ถนนเส้นนี้ รบกวนพี่เอารถไปลากมาให้ได้ไหมคะ คุณแทนคุณรออยู่ที่รถค่ะ” รีบบอกพี่คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลทันที “อ้อ ได้ครับ อยู่ตรงไหนนะครับ” “ขับไปตามเส้นทางนี้เลยค่ะ จุดที่รถเสียไม่มีสัญญาณ แต่ขับไปเรื่อย ๆ จะเจอรถจอดอยู่ริมถนนค่ะพี่” อธิบายเส้นทางและบอกสีรถและรุ่นรถของฉันไปด้วย ได้ยินแบบนั้นพี่คนที่น่าจะเป็นเจ้าของอู่ ก็รีบสั่งให้ลูกน้องนำรถลากออกไปตามพิกัดที่ฉันแจ้งไปก่อนหน้านี้ทันที “นั่งรอก่อนนะครับ” “ขอบคุณค่ะพี่” ขานรับสั้น ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าร้าน รอสักพักใหญ่ก็เห็นว่ามีรถของอู่ขับกลับมาพร้อมกับรถของฉัน และเป็นคุณแทนคุณที่ลงจากรถของช่างมาก่อน เขารีบเดินเข้ามาหาฉันทันที “โอเคไหม?” “โอเคค่ะ อ้อ โทรศัพท์มีสัญญาณแล้วแป๊บนะคะ” ฉันบอกคนตรงหน้า แล้วรีบเดินกลับไปยังรถของตัวเองเปิดประตูและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็พบว่าพี่ ๆ ที่โรงแรมพยายามติดต่อฉันกลับหลังจากที่มีสัญญาณโทรศัพท์และข้อความที่ส่งไม่ไปก่อนหน้านี้ กลับส่งเองอีกครั้งโดยอัตโนมัติ เห็นแบบนั้นก็รีบโทร. กลับไปหาพี่แก้วผู้จัดการทันที “พี่แก้ว” (คุณอิง! เป็นยังไงบ้างคะ ปลอดภัยดีไหม พวกพี่เป็นห่วงมากเลย ตอนนี้อยู่ตรงไหนคะเนี่ย) “ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ เดี๋ยวกลับไปเล่าให้ฟังนะคะ” (ให้เข้มไปรับไหมคะ ตอนนี้อยู่ไหน) “อยู่ที่อู่ซ่อมรถแล้วค่ะ เอ่อ ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวหนูคุยกับช่างก่อน ถ้าจะให้มารับเดี๋ยวโทร. บอกอีกทีค่ะพี่แก้ว” (ได้ค่ะ โทร. มาเลยนะคะพี่รอ) พี่แก้วเอ่ยย้ำอย่างเป็นห่วง พอวางสายก็เดินกลับมาคุยกับช่างโดยมีเจ้าของสวนลำไยยืนอยู่ด้วย “ต้องตรวจเช็กเครื่องยนต์ก่อนครับ แต่ที่อู่มีคิวอยู่สามสี่คิว ถ้าตกลงซ่อม อาจจะใช้เวลาเกือบเจ็ดวัน” ช่างบอกมาแบบนั้น ฉันถึงต้องคิดให้ดี เพราะนั่นหมายความว่าฉันจะไม่มีรถใช้เกือบหนึ่งสัปดาห์ “ไม่ได้บังคับนะครับ ลูกค้าตัดสินใจได้เลย” พี่ช่างเอ่ยบอกอย่างเข้าใจ ทั้งยังมองฉันด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ รอยยิ้มเหมือนกำลังตื่นเต้น หรือดีใจก็ไม่รู้ แปลกจริงๆ นะ “ซ่อมที่นี่เลยก็ได้ค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นรบกวนแจ้งข้อมูลติดต่อไว้หน่อยนะครับ” “ได้ค่ะ” ทำตามขั้นตอนให้ข้อมูลทุกอย่างไว้หมดก็ถึงเวลาที่ต้องเอากระเป๋าและของสำคัญมาถือเพื่อที่จะได้เอากลับไปทำงานต่อ รวมถึงถุงขนมของพี่ ๆ ที่ฉันซื้อมาฝาก มีแอบแบ่งให้พี่ช่างที่ไปลากรถมาให้เล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย “เอาไปไว้ที่รถ เดี๋ยวตามไป” คนตัวสูงเอ่ยบอก แล้วเดินไปหาพี่ช่างที่กำลังตรวจดูสภาพรถเบื้องต้น ส่วนฉันเดินหิ้วของกลับไปที่รถ จัดการวางของที่เบาะด้านหลัง จากนั้นก็ขยับขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหน้าข้างคนขับ เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ของเจ้าของรถมีสายเรียกเข้าพอดี บนหน้าจอปรากฏชื่อผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับรูปหัวใจหนึ่งดวง และฉันคิดว่าคงจะเป็นแฟนของเขาอย่างแน่นอน ก็นะเขาอายุขนาดนี้แล้วก็ต้องมีแฟนเป็นเรื่องปกติ ฉันไม่อยากเสียมารยาทจึงปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น แล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาตอบข้อความพี่แก้ว พร้อมบอกว่ากำลังจะกลับ ไม่ลืมกล่าวถึงผู้ใหญ่ใจดีอย่างคุณแทนคุณที่มาช่วยได้ทันเวลาพอดีด้วย “รอนานไหม?” เจ้าของรถที่เพิ่งกลับขึ้นมานั่งรีบถามระหว่างที่กำลังค่อย ๆ เคลื่อนรถออกจากที่นี่มุ่งหน้ากลับไปยังเขตโรงแรมของฉัน “ไม่นานค่ะ อ้อ เรื่องวันนี้ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ” “อืม ไม่เป็นไร แต่ครั้งหน้าต้องระวังด้วยนะ” “...” ไม่รู้เลยว่าต้องตอบกลับไปแบบไหน เลยเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ “แล้วระหว่างนี้มีรถใช้ไหม เจ็ดถึงสิบวันเลยนะกว่าจะซ่อมเสร็จ” อีกฝ่ายถามขึ้นมาหลังจากที่เรานั่งเงียบกันไปสักพักใหญ่ “มีค่ะ ที่โรงแรมมีรถอยู่ค่ะ” หมายถึงรถมอเตอร์ไซค์นะเยอะ ปกติที่มีก็จะเป็นรถตู้รับส่งนักท่องเที่ยวที่มาเป็นกลุ่มอยู่สองคัน มีรถครอบครัวอีกหนึ่งคัน พูดง่าย ๆ ว่าหารถว่างให้ฉันใช้ขับส่วนตัวไม่มีเลยค่ะ แต่ระหว่างสิบวันนั้นคงจะอยู่ทำงานที่โรงแรมยาว ๆ ไม่ออกไปไหน “ถ้าไม่มีก็บอกจะได้เอารถไว้ให้ใช้” “ขอบคุณค่ะ ใจดีเหมือนพี่อชิเลย” ฉันเอ่ยขอบคุณและเอ่ยชม จะว่าไปเขาก็เป็นพี่ชายที่ใจดีมาก ๆ เลยนะ คุณแทนคุณน่ะ “ผมเหมือนพี่ชายคุณเหรอ?” “ใช่ค่ะ ก็ใจดีเหมือนกันนี่นา ทำไมเหรอคะ?” เป็นฉันที่ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ ทั้งยังมองหน้าคนที่กำลังขับรถอยู่ “ไม่มีอะไรหรอก” “...” หากเขาบอกว่าไม่มีอะไร ฉันก็จะเชื่อแล้วกันนะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม