Stay Hug ที่พบรัก 5

1362 คำ
Stay Hug ที่พบรัก 5 หลังจากที่ไปเจอพ่อกับแม่ ฉันก็ไม่รอช้ารีบปรึกษาพ่อกับแม่เรื่องงานที่โรงแรม ซึ่งท่านทั้งสองก็แนะนำว่าให้เปิดรับคนงานเพิ่มได้เพราะแขกเต็มทุกวัน หากงานโอเวอร์โหลดเกินไปพนักงานเราจะไม่ไหว นั่นจึงทำให้พี่ชายคนโตที่น่ารักของฉันอย่างพี่อชิอาสาจัดหาคนงานให้ ส่วนพี่คนรองอย่างพี่อธิจะสัมภาษณ์ให้เอง ส่วนฉันที่เป็นเจ้าของรอเซ็นอนุมัติอย่างเดียว หลังจากที่กลับมาทำงานต่อ ก็มีลูกค้าเข้ามาพักอีกสองกลุ่ม โดยมีพี่เข้มไปรับจากสนามบินมา ระหว่างนี้ก็ให้แม่บ้านขึ้นไปทำความสะอาดและเตรียมห้องพักเนื่องจากลูกค้าเพิ่งเช็กเอาต์ออกเมื่อช่วงเที่ยงของวัน และเราจะให้ลูกค้าเช็กอินตอนบ่ายสองเพื่อที่จะได้มีเวลาทำความสะอาดและจัดเตรียมห้องพัก หวังว่าลูกค้าจะเข้าใจทางเราที่ให้เช็กอินตอนบ่ายสองนะคะ “คุณอิงครับ ลูกค้าอยากให้เราช่วยเช็กกับทางสวนลำไยหน่อยครับว่าวันนี้เปิดให้เข้าชมไหม” พี่เข้มที่เพิ่งรับลูกค้ามาถึงโรงแรมรีบเดินเข้ามาแจ้งฉัน “หืม? ไร่ไหนคะพี่” “ไร่สกุลจ้าวรักครับ” อ่า ช่วงนี้เหมือนจะได้ยินชื่อนี้บ่อยเหมือนกันนะ ได้ยินหนึ่งครั้งจะได้ยินตลอดไปหรือเปล่า แบบนี้น่ะ “ต้องติดต่อทางไหนคะพี่ ปกติที่นั่นไม่ได้เปิดให้เข้าไม่ใช่เหรอ?” ฉันเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเหมือนที่นั่นจะเป็นไร่ปิดนะ “ผมมีเบอร์ผู้จัดการครับ แต่คุณอิงช่วยติดต่อได้ไหมครับ” “ได้ค่ะ เดี๋ยวอิงโทรถามให้ ถ้าไม่ได้ก็เสนอแพลนเที่ยวอื่นให้ลูกค้านะคะ” “ครับคุณอิง” เบอร์โทรสิบหลักของผู้จัดการไร่อยู่บนโทรศัพท์ฉันแล้วเรียบร้อย ก่อนจะกดโทรออก รอสายสักพักก็ได้ยินเสียงทักทายดังเข้ามา (สวัสดีครับ) “สวัสดีค่ะ ใช่เบอร์ของผู้จัดการไร่สกุลจ้าวรักใช่ไหมคะ” ฉันรีบถามทันที (ใช่ครับ ติดต่อจากที่ไหนครับ) “ค่ะ อิงดาวนะคะ ติดต่อจากโรงแรมสเตย์ฮักค่ะ อยากสอบถามกับทางไร่ว่าตอนนี้ที่ไร่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมไหมคะ?” แนะนำตัวเสร็จก็เอ่ยถามผู้จัดการไร่อย่างไม่ต้องการให้เสียเวลา (ครับคุณอิงดาว ตอนนี้ที่ไร่ยังไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวนะครับ // ใคร? // คุณอิงดาว สเตย์ฮักครับ สอบถามจุดที่นักท่องเที่ยวเข้าชมได้) เสียงผู้จัดการกำลังคุยกับใครสักคน ถึงแม้จะมีเสียงดังแทรกเข้ามาแต่ไม่สามารถฟังได้อย่างถนัดมากนัก (ไร่ไม่ได้ แต่ตรงนาข้าวเข้ามาเดินเล่นถ่ายรูปได้อยู่ แต่ไม่ให้ลงนา) เสียงทุ้มนั้นฟังดูคุ้นหูอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร (คุณอิงดาวครับ ที่สวนไม่ได้เปิดให้เข้าแต่จะมีนาข้าวที่กำลังเป็นต้นกล้า หากสนใจสามารถเข้ามาเดินชมได้นะครับ) “ขอบคุณนะคะ หากลูกค้าสนใจ อิงขอติดต่อคุณผู้จัดการไร่ไปอีกครั้งนะคะ” (อะ เอ่อ อ้อ เดี๋ยวผมจะให้เบอร์โทรอีกเบอร์นะครับ หากจะมาคุณอิงดาวโทรเข้ามาเบอร์นั้นได้เลยครับ) คุณผู้จัดการเอ่ยบอกแล้วไล่ตัวเลขเบอร์โทรให้ฟังช้า ๆ ชัด ๆ ฉันมีหน้าที่เขียนลงบนกระดาษ เสร็จแล้วก็เอ่ยขอบคุณเขาไป และหันไปแจ้งต่อกลุ่มลูกค้าที่ยืนรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “ต้องขออภัยทางคุณลูกค้าด้วยนะคะ พอดีทางไร่โน้นยังไม่มีจุดเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม แต่จะมีโซนนาข้าวแทน หากลูกค้าสนใจทางไร่อนุญาตให้เข้าชมได้เป็นกรณีพิเศษค่ะ” รีบแจ้งลูกค้า แอบปรับเปลี่ยนถ้อยคำให้ดูน่าสนใจอีกนิดหน่อยด้วย “อุ๊ย ดีจังเลยค่ะ ปกติติดต่อไปทีไรก็ไม่มีจุดไหนเปิดให้เข้าเลย โชคดีจังที่คุณเจ้าของช่วยเจรจาให้” “ยินดีค่ะ แล้วนี่คุณลูกค้าสนใจไหมคะ?” “สนใจค่ะ แต่ออกจากที่นี่สักบ่ายสามครึ่งได้ไหมคะ ขอพักก่อน” ลูกค้ารีบแจ้งทั้งรอยยิ้ม “ได้ค่ะ ทางเราจะเตรียมรถไว้ให้นะคะ” ฉันส่งยิ้มให้ลูกค้าอีกครั้ง แล้วให้พนักงานเข้ามารับช่วงต่อ สักพักก็เดินทอดน่องไปสั่งอาหารในโซนครัวของห้องอาหาร “ลุงขามจ๋า” “ครับคุณอิง” ลุงพ่อครัวที่นั่งเตรียมของอยู่ขานรับพร้อมกับหันมามองฉันอย่างสนใจ “หนูขอข้าวกะเพราไข่ดาวสุก ๆ หนึ่งจานค่ะ” “ได้ครับ รอสักครู่ครับ” ลุงพ่อครัวขานรับ ฉันส่งยิ้มให้ท่านอย่างขอบคุณก่อนจะเดินถือโทรศัพท์กลับมายังโต๊ะภายในห้องอาหารเพื่อโทรคอนเฟิร์มกับทางไร่ว่าจะเข้าไปดูนาข้าว “สวัสดีค่ะ อิงดาวจากสเตย์ฮักค่ะ” (ครับ) ปลายสายตอบรับสั้น ๆ ต่างจากเสียงของพี่ผู้จัดการไร่ก่อนหน้านี้อยู่มาก “ที่สอบถามไปก่อนหน้านี้ พอดีลูกค้าคอนเฟิร์มเข้าเยี่ยมชมแปลงนาข้าวมาแล้ว สักประมาณบ่ายสามครึ่งน่าจะไปถึงพอดีค่ะ ทางไร่เรียกเก็บค่าบำรุงเท่าไหร่คะ” ฉันสอบถามเบื้องต้น (ครั้งนี้ไม่คิด) “คะ? ยังไงนะคะ” ไม่คิดได้ด้วยเหรอ (ที่ไร่ไม่เคยเปิดให้เข้า แต่อยากมาก็อนุญาตเป็นกรณีพิเศษ) “แต่ทางเราค่อนข้างเกรงใจ...” “ข้าวกะเพราได้แล้วค่ะคุณอิง” เสียงพี่พนักงานดังขึ้นพร้อมกับจานข้าวที่วางลงบนโต๊ะตรงหน้า ฉันส่งยิ้มพยักหน้าขอบคุณ ก่อนจะได้งงหนักกว่าเดิมเมื่อจู่ ๆ ปลายสายก็เอ่ยตัดบทแล้ววางสายไปดื้อ ๆ (กินข้าวเถอะถึงแล้วค่อยโทร. มา) “งง ดีลงานง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?” ได้แต่พึมพำกับตัวเองเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ ข้าวเช้าบวกกับข้าวเที่ยงถูกรวบเข้าด้วยกันในช่วงเวลาบ่ายสองครึ่งฉันกินข้าวไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบ ลุงขามทำข้าวกะเพราได้โดนใจมาก รสมืออร่อยรองจากพี่ชายทั้งสองคนจนตักเข้าปากเกลี้ยงจาน ระหว่างที่นั่งกินข้าวก็มีลูกค้าสอบถามเรื่องห้องพักเข้ามาเรื่อย ๆ ผ่านทางแฟนเพจและหน้าเว็บไซต์ของโรงแรมโดยตรง ที่พักของฉันไม่ได้เปิดให้จองผ่านเว็บไซต์ตัวกลาง ดังนั้นเวลามีปัญหาอะไรก็สามารถจัดการได้ทันทีไม่ต้องรอให้เอเจนซี่ติดต่อเข้ามาแล้วทิ้งลูกค้าให้เคว้งกลางทาง “รถพร้อมแล้วค่ะคุณอิง” “พี่แก้วให้พี่เข้มพาลูกค้าไปเลยนะคะ หนูจะขับรถตามไปทีหลังอยากแวะซื้อกาแฟสักหน่อยค่ะ” ฉันบอกพี่แก้วผู้จัดการโรงแรมขณะใกล้ถึงเวลานัดของกลุ่มลูกค้า เมื่อตกลงกันได้ฉันก็เดินกลับเข้าห้องพักเพื่อทำธุระส่วนตัวก่อนจะเดินทางตามหลังลูกค้าไป ระหว่างที่แวะเข้าไปร้านก็เอ่ยทักทายแนนนี่ตามปกติ “แนนนี่ขอลาเต้เย็นหนึ่งแก้วหนึ่งจ้า” “ได้เลย นั่งรอก่อน” ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ระหว่างนั่งรอเครื่องดื่มโทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้ามา จากเบอร์ที่ฉันไม่ได้บันทึกไว้ แต่เหมือนจะคุ้นเบอร์อยู่เล็กน้อย “สวัสดีค่ะ” (ไม่ได้มาด้วยเหรอ?) ปลายสายเอ่ยถาม และฉันจำได้ว่าเสียงนี้คือเสียงของคนที่ฉันคุยด้วยเมื่อชั่วโมงที่แล้ว “อ๋อ ไปค่ะ แต่แวะซื้อกาแฟอยู่ จริงสิ คุณเอาอะไรไหมคะ?” ที่ถามเพราะอยากจะเลี้ยงขอบคุณอีกฝ่ายที่ยอมเปิดแปลงนาข้าวให้ลูกค้าของเธอได้ดูเป็นพิเศษ อีกอย่างเขาไม่ยอมคิดค่าบริการด้วย ฉันคงต้องตอบแทนน้ำใจเสียหน่อยถึงจะเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ดีกว่าทำเป็นปล่อยเบลอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม