Stay Hug ที่พบรัก 4

1353 คำ
Stay Hug ที่พบรัก 4 “คุณอิงรับมื้อเย็นเลยไหมคะ?” พี่ลูกแก้วผู้จัดการโรงแรมเอ่ยถามฉันด้วยรอยยิ้ม “ยังก่อนค่ะ เหมือนจะยังอิ่ม ๆ อยู่เลยค่ะ” ทั้งที่กินข้าวไปตั้งแต่เที่ยง แต่ตอนนี้กลับยังรู้สึกอิ่มอยู่ ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดจากอะไร หรืออาจจะกินขนมที่ร้านเยอะเกินไปกันนะ “พรุ่งนี้มีทัวร์ของลูกค้านะคะ แต่ลูกค้าขอไกด์นำเที่ยวเป็นผู้หญิง พอดีเธอมาคนเดียวค่ะ” พี่ลูกแก้วรายงาน ฉันดูรายละเอียดสถานที่ที่ลูกค้าต้องการจะไป ก็เห็นว่าปักหมุดไปวัด จุดชมวิวแล้วก็อยากไปถ่ายรูปที่ถนนลอยฟ้า ซึ่งก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร “เดี๋ยวหนูพาลูกค้าไปเองค่ะ ลูกค้านัดกี่โมงคะ” “พอดีลูกค้าอยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เลยอยากจะออกสักตีสี่ครึ่งค่ะ” พี่แก้วรายงาน “ได้ค่ะ เดี๋ยวตีสี่ครึ่งหนูมารอลูกค้าเอง” รับปากและตรวจงานอีกสักเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับบ้านพักตัวเอง ที่เมื่อเดินออกมาก็จะเจอกับลานหินกรวดสีขาวสบายตา ฉันเดินไปเรื่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดเพื่อเดินกลับขึ้นไปยังบ้านพักตัวเองที่อยู่บนเนินเขา เพราะเคยชินแล้วจึงไม่ค่อยเหนื่อย ไม่นานก็ออกมานั่งมองวิวจากหน้าห้องพักให้ผ่อนคลายอารมณ์ แสงไฟสีส้มที่ตัดกับตัวอาคารโรงแรมทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นเป็นกันเองในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝนแบบนี้ เสียงพูดคุยดังจากกลุ่มลูกค้าที่นั่งกินมื้อเย็นด้วยกัน ขับกล่อมให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวาอย่างที่ฉันเคยเห็นมาโดยตลอด และเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้รู้สึกอยากพัฒนากิจการของตัวเอง จะได้เห็นภาพความสุขแบบนี้ทุกวัน ใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จก็เป็นจังหวะเดียวกับที่แม่โทร. เข้ามาหาฉัน ฉันรับสายและเดินไปนั่งที่โซฟามุมห้องนอน “ค่ะแม่” (เป็นยังไงบ้างลูก เหนื่อยไหม?) “ไม่ค่ะ สนุกมาก พี่ลูกแก้วแล้วก็พี่ ๆ สอนงานหนูเยอะมากเลยค่ะ” (ดีแล้ว แม่ไม่อยากให้หนูเครียด ถ้ามีอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรง หนูปรึกษาพ่อกับแม่ได้เลยนะลูก) แม่รีบเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง “ค่ะแม่ อ้อ พรุ่งนี้หนูมีพาลูกค้าไปเที่ยวด้วยนะคะ” (ระวังด้วยนะลูก ขับรถไม่ต้องรีบนะ) “ได้ค่ะ แล้วนัดวันมะรืนหนูไปได้นะคะ” (มาค้างกับแม่สักคืนนะคะ สองหนุ่มเอาแต่บ่นว่าหนูไม่มาค้างที่บ้านด้วย) แม่เอ่ยถึงพี่ชายทั้งสองคนของฉันที่ยังคงชอบงอแงเวลาฉันไม่ได้เข้าไปหาที่ตัวจังหวัด “ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูค้างด้วย” (คนเก่ง แม่รักหนูนะคะพักผ่อนบ้างนะ อย่าลืมกินข้าว) “รับทราบค่ะแม่ รักแม่นะคะ รักพ่อด้วย” (คิกคิก เดี๋ยวแม่บอกพ่อให้ค่ะ ตอนนี้กำลังวุ่นเตรียมเมนูรอหนูอยู่) โอเวอร์ไม่มีใครเกินเลยครอบครัวฉัน แล้วกว่าฉันจะไปก็ตั้งสองวันเลยนะรีบร้อนเกินไปแล้วนะคะแบบนี้น่ะ ภายในห้องพักของฉันก็คล้ายกับห้องพักของลูกค้าที่ตกแต่งด้วยชุดเครื่องนอนสีขาว แต่ต่างกันที่เน้นการตกแต่งด้วยสีน้ำตาลอ่อนสลับขาวดูสบายตา อนึ่งก็เพื่อให้แม่บ้านไม่สับสนเวลาเข้ามาทำความสะอาด ส่วนของใช้ต่าง ๆ ก็จัดวางไว้แล้วอย่างลงตัว เหมือนห้องพักทั่วไปเลยแต่ฉันเปลี่ยนผ้าม่านให้ทึบแสงมากขึ้นกว่าเดิมรวมถึงมีไมโครเวฟอยู่ในห้องพัก มีตู้เย็นใหญ่ตั้งตระหง่าน ในนั้นมีเครื่องดื่มและอาหารแช่แข็งอยู่เพียบ ขนมก็ซื้อเข้ามาไว้ที่ห้องเองเพราะไม่อยากรบกวนพี่ ๆ พนักงานที่โรงแรม “เฮ้อ เมื่อยจัง” บ่นกับตัวเองเสียงเบาระหว่างที่ล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนหลังใหญ่และนุ่มดูดวิญญาณ มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูข้อความจากแชตกลุ่ม เป็นข้อความที่แนนนี่แซวธิชาพร้อมกับส่งรูปมาให้ดู เป็นรูปของธิชาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมก่อนฉันจะแยกออกมา แต่ที่แตกต่างไปคือเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ แต่เห็นเพียงภาพถ่ายจากด้านหลังเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นธิชาก็ส่งข้อความมาบ่นยาว ๆ ต่างจากแนนนี่ที่หัวเราะอย่างนึกสนุก ทั้งยังบอกว่าอยากให้ฉันมาเห็นกับตาตัวเองว่าธิชาเถียงผู้ชายคนนั้นจนคอเป็นเอ็นแค่ไหน ส่งข้อความคุยเล่นกับเพื่อนสนิทสักพักใหญ่ก็ต้องเก็บโทรศัพท์และนอนพักเพราะวันพรุ่งนี้ฉันจะต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด เอาละ ถึงเวลาพักผ่อนของฉันแล้ว 04.15 น. ฉันเดินออกจากห้องพร้อมกับอากาศที่เย็นจัด กางเกงยีนสีเข้มและเสื้อยืดพอดีตัวไม่สามารถเพิ่มความอบอุ่นให้ฉันได้เลยต้องหยิบเสื้อฮู้ดสีขาวตัวใหญ่มาสวมอีกชั้น จากนั้นก็เดินไปยังล็อบบีของคอนโดเพื่อรอรับลูกค้าออกไปท่องเที่ยวตั้งแต่เช้ามืดของวัน “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่เข้ม” ส่งเสียงทักทายพี่เข้มที่ทำหน้าที่เฝ้ายามที่ล็อบบีในช่วงเวลานี้ พี่ ๆ ทำงานเปลี่ยนกะไปเรื่อยตามวันของตัวเอง แต่บางครั้งก็กลัวจะเหนื่อยเกินไปหรือฉันควรจะรับคนเพิ่มดีนะ เดี๋ยวจะต้องเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพ่อกับแม่แล้วแหละ “อรุณสวัสดิ์ครับคุณอิง ตื่นเช้ามากเลยนะครับ” พี่เข้มแซวอย่างตกใจ “มีพาลูกค้าไปเที่ยวค่ะ” “อ๋อ ลูกค้าห้องซีสองใช่ไหมครับ” “ใช่ค่ะพี่” โซนซีคือโซนบ้านพักเป็นหลังที่ฉันพักอยู่ ส่วนตึกโรงแรมจะเป็นโซนเอ ลานกางเต็นท์เป็นโซนบี “ลูกค้านั่งรอสักพักแล้วครับ” พี่เข้มผายมือเชิญให้ดู หันไปมองก็เจอกับลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ ฉันพยักหน้าเข้าใจรีบเดินเข้าไปแนะนำตัวและชวนลูกค้าออกเดินทางก่อนเวลา ระหว่างที่นั่งรถไปด้วยกันเราได้พูดคุยและแนะนำตัวกันไปพลาง ๆ นั่นจึงทำให้ฉันรู้ว่าพี่สาวคนนี้ชื่อพี่มาลี มาเที่ยวที่น่านคนเดียวแต่ไม่ได้เช่ารถมาเลยจองทัวร์กับที่พักให้นำเที่ยวในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ “พี่มาลีชอบดื่มกาแฟไหมคะ” ฉันเอ่ยถามพี่สาวคนสวยที่เหมือนจะคุยกันถูกคอ “ดื่มได้นะ แต่ว่าก็ไม่ได้เก่งอะไรแบบนั้น พี่ดื่มไม่ให้ง่วงเฉย ๆ” พี่มาลีตอบเจือเสียงหัวเราะสดใส ฉันเองก็หัวเราะตามไปด้วย “หนูเหมือนกันค่ะ กินเพื่อความเอร็ดอร่อยเท่านั้น” “พี่มาลีอยู่กี่วันคะเนี่ย” ระหว่างที่ขับรถไปตามเส้นทางมุ่งตรงไปยังจุดชมวิวตอนเช้าก็เอ่ยถามเพื่อนร่วมทางไปพลาง “พี่อยู่สี่วันสามคืนค่ะ” แต่พอเอ่ยตอบพี่สาวคนสวยกลับทำเสียงเศร้าแทนเสียอย่างนั้น “ถ้าเบื่อ ๆ บอกหนูนะคะ เดี๋ยวจะพาเที่ยวเอง” “ได้เลย เดี๋ยวจะจองทัวร์กับทางโรงแรมนะ” “ค่ะพี่ แต่แพลนวันนี้ เดี๋ยวเราไปดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นกันก่อน แล้วค่อยกลับลงมาถ่ายรูปที่ถนนลอยฟ้าเนอะ” ฉันอธิบายให้พี่มาลีฟังคร่าว ๆ และพาพี่สาวคนสวยไปเที่ยวอีกหลาย ๆ จุดนอกเหนือจากแพลนที่วางไว้ อย่างน้อยครั้งแรกที่มาที่นี่ลูกค้าจะต้องประทับใจเสน่ห์เมืองน่านและอยากกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าใครที่ได้มาที่นี่ ต่างก็ตกหลุมรักอย่างไร้เหตุผลกันทั้งนั้น เพราะมันเต็มไปด้วยวิถีชีวิตและความน่าหลงใหลในธรรมชาติ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม