“แล้วไปซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ บ้านยัยหนูดีเหรอ”
“ครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นาน”
“เราน่ะจริงจังกับหลานของย่าแค่ไหนกัน”
คุณย่าเอ่ยปากถามตรงๆ
“ผมอยากจะหมั้นหมายหนูดีเอาไว้ก่อนครับ เพราะหนูดียังเด็ก เรียนจบค่อยแต่งงานกัน”
“อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ เรากับหนูดีน่ะถึงไหนกันแล้ว เมื่อกี้ยัยหนูดีพูดเสียย่ากับคนอื่นๆ อึ้งไปเลย”
“มันเป็นความผิดของผมเองครับ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
“เอาล่ะ แล้วเรายังไม่แต่งงานมีครอบครัว มีลูกเมียซุกอยู่ที่ไหนใช่ไหม ถ้ามีก็ให้บอกตรงๆ จู่ๆ โผล่มาเซอร์ไพร้ส์แบบนั้นไม่เอาหรอกนะ”
“ไม่มีแน่ๆ ครับ ผมสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ถ้าคุณปู่คุณย่าและคุณตาคุณยายไม่รังเกียจผม ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลหนูดี ผมสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด”
“เอาเถอะ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยก็แล้วกัน”
คุณยายพูดขึ้น
“พ่อณัฐไม่น่าเจ้าชู้ใช่ไหม หรือว่าเจ้าชู้”
คุณย่าพูดขึ้น ณัฐหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบอย่างหนักแน่น
“ไม่ครับ ผมไม่เจ้าชู้ ผมเป็นคนรักเดียวใจเดียว”
“โล่งอกกันไป ถ้ายัยหนูดีจะมีคนดีๆ คอยดูแล จะได้ไกลจากไอ้พ่อแม่เฮงซวยไปเสียบ้าง” คุณย่าพูดอย่างโมโห คุณยายเองก็สะดุ้ง หันไปค้อนขวับ
“ฉันไม่อยากว่าลูกสาวของเธอหรอกนะ แต่คนอื่นทำไม่ดี ตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องทำไม่ดีตามนี่นา พูดแล้วก็ผิดหวังนัก”
คุณยายเงียบกริบ เพราะมันก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด
นุดีถูกเรียกให้เข้าไปพบกับญาติผู้ใหญ่ ณัฐถอยออกมาเพราะเข้าใจว่าครอบครัวเขาจะคุยกัน เขาพึงพอใจที่รับรู้ว่าอย่างน้อยปู่ย่าตายายของเธอก็ยอมรับเขาในระดับหนึ่ง ต่อไปคงต้องพิสูจน์กันมากกว่านี้
“คุณปู่ขา คุณย่าขา คุณตาขา คุณยายขา...”
“คนขี้อ้อน ว่าไงล่ะเรา อยากจะตีให้หนักนัก”
คุณย่าของนุดีส่ายหน้าไปมา ไม่คิดเลยว่านุดีจะชิงสุกก่อนห่ามแบบนี้
“ยายน่ะอยากจะหยิกให้เนื้อเขียวเชียว ทำอะไรไม่รู้จักคิด ดีนะไปเจอกับพ่อณัฐเข้า ถ้าไปเจอกับคนอื่น จะทำยังไงเข้า”
“โอ้โห้... เรียกอาณัฐอย่างกับรู้จักมักจี๋กันมานานเลยนะคะ”
“เรื่องนั้นค่อยว่ากัน เราน่ะรักเขาจริงๆ เหรอ ไม่ใช่ทำเป็นเล่นๆ นะ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนพ่อแม่เราล่ะ”
“หนูรักอาณัฐจริงๆ ค่ะ อาณัฐเป็นคนดี ใจดี แถมยังดูแลหนูดีด้วย อาณัฐชอบทำกับข้าว อาณัฐสะอาด เวลาหนูเครียดหรือทุกข์ใจอาณัฐก็จะอยู่เคียงข้างหนูดีตลอด”
“อืม... เป็นคนดีแต่ล่วงเกินเราไปแล้วนี่นะ”
ดูเหมือนหน้าที่การถามจะเป็นของย่าและยาย ส่วนปู่และย่าเป็นผู้ฟังที่ดี
“หนูกระโดดปล้ำอาณัฐเองค่ะ บอกแล้วไงคะว่าหนูจับอาณัฐรวบหัวรวบหางเอง”
“แก่แดด ยายจะเป็นลม”
คุณยายยกมือขึ้นทาบอก มันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว นี่พวกท่านปล่อยปละละเลยหลานสาวคนเดียว เพราะคิดว่าพ่อแม่เขาจะดูแลอย่างดี แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ต่างคนก็ยังต่างใช้ชีวิตเหลวแหลกเหมือนเดิม
“เอาน่ะ ยังไงก็มาถึงขนาดนี้แล้ว” คุณย่าปลอบใจ
“คุณยายจะเป็นลมเหรอคะ นี่คะยาดม”
เด็กสาวควักยาดมออกมาให้คุณยายสูดดม หน้าตายังทะเล้น แต่พอโดนทำตาดุใส่ก็หน้าหงอทันที
“อย่ามาทะเล้นนะเรา ทำผิดแล้วดีนะที่ยังยอมรับ พาเขามาเจอกับปู่ย่าตายาย ไม่ท้องโย้เสียก่อนให้อับอายขายหน้า”
“อาณัฐเป็นผู้ชายที่แสนดีค่ะ หนูดีต้องรีบจองเอาไว้ก่อน เดี๋ยวโดนผู้หญิงคนอื่นแย่งไป”
“แก่แดด” คุณยายบ่นอุบ แทบลมจับอีกรอบ
“หนูดีเปล่าเสียหน่อย”
แอบเถียงเล็กๆ ดึงนิ้วไปมาเพราะกลัวโดนคุณยายหยิกเสียเนื้อเขียวเหมือนก่อน คุณยายค่อนข้างหัวโบราณ เธอไม่สงสัยเลยว่าทำไมมารดาถึงได้หนีตามบิดาไปจนท้อง หรือแอบไปมีอะไรกันจนท้อง แต่เรื่องมันไม่แฮปปี้ตรงที่บิดาจำใจต้องยอมรับเธอกับมารดา ท่านไม่ได้ตั้งใจให้มารดาท้องและไม่ได้อยากมีเธอเสียหน่อย
“ยังจะเถียงอีก อยากหยิกให้เนื้อเขียวนัก”
“ยายพอก่อนเถอะ ผู้ชายเขาก็รับแล้ว เขาก็ไม่ได้เหลวไหล หรือไร้หัวนอนปลายเท้าเสียหน่อย”
คุณตาปราม คุณยายเลยหยุดบ่นไป แต่ก็ยังฮึดฮัดขัดใจอยู่มาก อาจเพราะหลานสาวไม่ได้ดั่งใจ ท่านไม่อยากให้หลานสาวเป็นอย่างลูกสาวอีก
“ถ้าเรารักพ่อณัฐเขาจริง ย่ากับทุกคนก็ไม่ขัดหรอกนะ”
“เย้!” นุดีทำท่าดีใจเกินเหตุ
“แต่อย่าเพิ่งดีใจไป”
“ทำไมล่ะคะ”
“เราน่ะยังเหลืออีกเทอมนึงกว่าจะเรียนจบ ช่วงนี้ห้ามทำตัวเหลวไหลเด็ดขาด”
“ก็ได้ค่ะ”
“ย่าจะมาอยู่กับเราที่กรุงเทพฯ เอง”
“คุณย่าจะมาอยู่กับหนูดีเหรอคะ”
นุดีทำเสียงตกใจ
“ยายก็ด้วย”
“ห๊ะ! คุณยายด้วยเหรอคะ”
“ตกอกตกใจอะไรนักหนา”
“คุณย่ากับคุณยายไม่ต้องดูแลบ้านเหรอคะ”
“ฝากคนอื่นก็ได้ เราสำคัญกว่า ย่ากับยายจะมาอยู่กับเราสักพักนึงให้เราจบม.หกก่อน แล้วก็จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“หนูดีโตแล้ว ดูแลตัวเองได้”
“ย่ากับทุกคนปล่อยหนูดีมาพอแล้ว คิดว่าพ่อแม่เราจะสำนึก แต่ก็เปล่า ยังเละเทะเหมือนเดิม”
“ค่ะ” นุดีหน้าหงอยพอคิดถึงบิดามารดา
“หนูดีโตแล้วก็จริง แต่ครอบครัวน่ะมันไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว หนูดีต้องมีอย่างอื่นประกอบด้วย ความรับผิดชอบ ความใจเย็น ถ้าใจร้อนอารมณ์ร้อน พอมีปัญหาขึ้นมามีแต่จะหอบผ้าหอบผ่อนหนี”
คุณย่าของเธอค่อยๆ อบรมสั่งสอน นุดีนั่งฟังตาปริบๆ เธอคิดว่าการได้อยู่กับคนที่เรารักมันก็ดีที่สุดแล้ว จะไปมีปัญหาอะไรอีกล่ะ ถ้าเราไม่ทำตัวมีปัญหาก็ไม่เห็นต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีนี่นา
...12...
“เรายังเด็ก การศึกษาก็น้อย อย่าให้ฝั่งผู้ชายเขาดูถูกเอาได้ เราต้องเหมาะสมคู่ควรกับเขาด้วย”
“คิดเรื่องอะไรเยอะแยะ ความเหมาะสมคู่ควรมันอยู่ตรงไหนเหรอคะ”
นุดีแอบหน้างอ
“ไม่คิดบ้างเหรอว่าผู้ชายเพียบพร้อมอย่างพ่อณัฐจะเหมาะสมกับผู้หญิงแบบไหน พ่อแม่เขาจะคิดยังไง เราเป็นเด็กใจแตกไปเกาะลูกเขา”
“เกาะคือต้องจนไม่ใช่เหรอคะ บ้านเราก็ไม่ได้จนเสียหน่อย”
“แล้วอนาคตเรามีลูกมีเต้า จะเอาแต่ใจตัวเองอย่างนี้ไม่ได้แล้วนะ เขาต้องทำงานทำการ เราจะทำยังไงให้เขามีความสุข เชิดหน้าชูตาเขา เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาแค่วันสองวันนะ ความรักอย่างเดียวมันกินไม่ได้หรอกหนูดี ดูอย่างพ่อแม่เราสิ รักกันปานจะกลืนกิน แล้วไปกันรอดไหม เราต้องอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ต้องปรับตัวเข้าหากัน เราต้องเก่งงานนอกบ้านไหม หรือเก่งเฉพาะเรื่องในบ้าน เราจะไปนอนรอเขาอยู่บนเตียงอย่างเดียวไม่ได้นะ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น”
คำสอนของญาติผู้ใหญ่ทำให้นุดีเงียบกริบ เธอแอบเถียงในใจว่าบางทีผู้หญิงก็คิดมากเกินไป
“อาณัฐทำยังไงคะ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายถึงยอมรับ และดูเหมือนจะเอ็นดูอาณัฐมากๆ เลย”
เธอมองคนที่ตั้งใจขับรถกลับบ้านอย่างงุนงง หลังแยกจากญาติผู้ใหญ่ ณัฐก็พาเธอกลับบ้าน พวกท่านบอกว่ามีธุระ และเธอก็ไม่กล้าถามว่าท่านจะไปไหนต่อ
“ความจริงใจไง อาจริงใจพวกท่านก็เลยยอมรับอา”
“ความจริงใจมันวัดกันได้เร็วขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“เคยได้ยินไหม เขาบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ”
“ค่ะ”
“มองตาไง ไม่วอกแวก ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคง แค่นี้พวกท่านก็ยอมรับอาแล้ว แววตามันบ่งบอกว่ากำลังคิดดีหรือไม่ดี คนคิดไม่ดีจะหลบตา คนคิดดีจะไม่หลบตา”
“เจ้าค่ะ” เธอรับคำยิ้มแป้นแล้นให้เขา
ณัฐกลับมาส่งเด็กสาวที่บ้านของเธอเอง เพราะญาติผู้ใหญ่ของเธอบอกว่าจะตามมา เขาไม่อยากทำให้ท่านผิดหวัง เพราะรับปากเอาไว้แล้วว่าช่วงนี้จะไม่ทำให้ท่านกังวลใจ เขาจึงต้องเคร่งครัดในส่วนตรงนี้ แม้นุดีอยากจะตามเขากลับบ้านเพียงใดก็ตาม