สองหนุ่มต่างตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นบริเวณนอกราชวัง ถึงทั้งสองจะออกมาเที่ยวกันบ่อย แต่กลับมาอีกครั้งก็จะแปลกตาไม่เหมือนเดิม จึงทำให้การ์ปูและกวินทร์สับสนหนทางทุกครั้ง ส่วนในครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่ทั้งคู่กับตื่นเต้นและเป็นการท้าทาย เพราะจะได้เจอทุกสิ่งที่ไม่เคยเห็นอย่างทุกครั้งที่กลับมา
การ์ปูละกวินทร์เดินชมตลาดที่ห่างจากประตูเมืองพอสมควร ซึ่งมีสินค้าวางขายหลากหลายชนิด ทั้งสองฝากทาง มีทั้งอาหารการกินและของใช้สอยเกือบครบทุกชนิด รวามทั้งเครื่องประดับที่รูปทรงแปลกตาและสวยงาม การ์ปูนั้นใคร่สนใจเครื่องประดับเป็นที่สุด และเขาจ้องมองพินิจทุกชิ้นอันและเกือบทุกร้านที่วางขาย เพราะการ์ปูจะซื้อไปฝากองค์ชายอนันตยะอันเป็นที่รัก และที่สำคัญเขาจะซื้อไปเพื่อชำระโทษ ที่ไม่ได้ชวนเสด็จมาในครั้งนี้
กวินทร์ชำเลืองมองการ์ปูที่หยุดดูเครื่องประดับ และการ์ปูได้เพ็งพินิจสร้อยคอเงิน ที่วางขายนับสิบเส้นบริเวณข้างทางเดิน
"เอ็งจะซื้อใส่รึ"กวินทร์ถามไถ่ด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นการ์ปูสนสิ่งนี้มาก่อน
"เปล่าข้าจะซื้อไปฝากองค์ชาย" การ์ปูพูดพร้อมเลือกสร้อยรูปทรงต่างๆ
"องค์ชายเป็นผู้ชายเหมือนกับเรา พระองค์ไม่สนเครื่องประดับพวกนี้หรอก"กวินทร์พูดอย่างแต่ใจกับคิดอีกอย่าง เพราะเขาก็คิดเช่นเดียวกับการ์ปูว่าพระองค์ต้องชอบสิ่งสวยงามเป็นแน่ เพราะกิจวัตรที่องค์ชายทำและชอบ ก็ยังมีความคล้ายหญิงอยู่มาก
"เอ็งรู้ได้ไงว่าไม่ชอบ"
"แหมในวังมีเครื่องประดับที่เป็นเพชรนิลจินดาตั้งมากมาย พระองค์คงไม่สนสร้อยเงินของเอ็งหรอก"
"เอ็งก็รู้องค์ชายรักและเอ็นดูเราสองคนมาก พระองค์ไม่ทรงคิดเช่นนั้นหรอก"
"ก็แล้วแต่เอ็ง"กวินทร์รู้สึกไม่ชอบใจคำพูดของการ์ปู เขาจึงเดินหนีไปดูธนูอีกร้านหนึ่ง
การ์ปูเลือกดูสร้อยอยู่หลายเส้น แต่ก็ยังไม่ถูกใจสักเส้น จนคนขายสังเกตเห็น
"สร้อยไม่ถูกใจนายท่านสักเส้นเลยเหรอครับ"
"ก็ไม่ถึงกับไม่ถูกใจนะ คืออยากได้สร้อยที่ดูมีสัญลักษณ์ที่พิเศษหน่อย พอมีมั้ยครับ"
"มีซิแต่แพงหน่อย เพราะมีแค่สามเส้นนายท่านสนใจหรือเปล่าครับ"
"สนใจซิเท่าไรไม่ว่า อยู่ไหนเอาหรอกมาเลย"การ์ปูวางสร้อยที่ถืออยู่ทันที
พ่อค้าสร้อยได้ก้มลงใต้ร้าน แล้วหยิบหีบขนาดเล็กออกมา พร้อมกับยื่นให้การ์ปู
"รับรองนายท่านต้องถูกใจ"พ่อค้ากระหยิมยิ่มย่อง
การ์ปูรับหีบขนาดเล็กจากพ่อค้าทันที และรีบเปิดดูซึ่งเป็นสร้อยเงินที่ลวดลายแปลกตา และแตกต่างจากที่เขาเคยเห็น แต่นั้นยังไม่สะดุดตาเท่ากับสื่งที่ห้อยอยู่ ซึ่งเป็นรูปนักรบอยู่บนหลังม้า ซึ่งการ์ปูรู้สึกได้ถึงความขลังและสัญลักษณ์พิเศษ
"รูปนี้ทำจากอะไร"
"งาช้างขอรับ"
การ์ปูพิจารณาสร้อยห้อยงาช้างด้วยความถูกใจ และซื้อทั้งหมดสามเส้น เขาจะให้องค์ชายอนันตยะอันเป็นที่รัก และให้แก่กวินทร์สหายรัก ส่วนเส้นสุดท้ายการ์ปูจะเก็บไว้เอง
เมื่อการ์ปูจ่ายเงินให้แก่พ่อค้าแล้ว เขาจึงเดินมาหากวินทร์ที่กำลังเลือกคันธนูอยู่
"เจอของถูกใจซิท่า"การ์ปูกระเซ้า
"ว่าแต่เอ็งเถอะได้สร้อยให้องค์ชายหรือยัง"กวินทร์พูดพลางเลือกคันธนูที่ถนัดมือ
"ได้แล้วมีของเอ็งด้วยนะ"
กวินทร์หยุดเลือกคันธนูทันที เพราะแปลกใจกับคำพูดของการ์ปู
"ซื้อให้ข้ารึ"
"ซื้อให้เราสามคน"การ์ปูหยิบสร้อยยื่นให้กวินทร์
"ให้องค์ชายด้วยรึ"
"ใช่เป็นที่ระลึกของเราสามคนไง"
กวินทร์รับสร้อยเส้นนั้นมา และพลิกดูเขาก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันที
"ขอบใจมากเพื่อนรัก"กวินทร์ยิ้มแล้วนำเก็บใส่กระเป๋าไว้ทันที และหันมาเลือกคันธนูต่อ
"เห็นมีตั้งเยอะจะซื้ออีกรึ"การ์ปูถาม
"เปล่า ข้าจะซื้อให้เอ็ง"กวินทร์เปลื่ยนความคิดทันที ที่การ์ปูซื้อสร้อยให้
"ไม้ต้องก็ได้ ข้าไม่ถนัดยิงธนู"
"ไม่ถนัดยิ่งต้องเอาไว้ เดี๋ยวข้าสอนเคล็ดลับให้"
ในเชิงต่อสู้ที่ใช้ดาบ มือเปล่าการ์ปูนั้นเก่งหาตัวจับยาก แต่กับการยิงธนูการ์ปูเป็นรองกวินทร์อย่างเด่นชัด ส่วนฝีมือการต่อสู้แขนงอื่นก็สูสีกัน แต่กวินทร์จะพ่ายทุกครั้งเพราะการ์ปูนั้นแข็งแรงกว่ามาก
"ก็ได้เมื่อเพื่อนซื้อให้ข้าก็พร้อมรับ"
"ดีมากข้าจะได้ไม่ต้องพูดเยอะ"
"ขอรับลูกพี่"
"ไม่ต้องมาเล่นลิ้น"
การ์ปูอมยิ้มในความขี้หงุดหงิดง่าย แต่แปลกที่สมาธิการยิงธนูหาใครทัดทาน กวินทร์เลือกคันธนูเป็นเวลานาน ไหนจะลูกดอกอีกจนการ์ปูเริ่มรู้สึกระอา แต่ก็มิได้พูดอะไรด้วยกลัวเพื่อนจะเสียน้ำใจ การ์ปูเริ่มถอยห่างไปเดินดูสิ่งอื่นที่ไม่ไกลกันนัก ในขณะที่การ์ปูกำลังเพลิดเพลินสิ่งต่างๆตรงหน้า
"เอา ข้าให้เจ้า"กวินทร์ยื่นธนูที่คัดสรรอย่างถี่ถ้วนให้การ์ปู
"ขอบใจมาก นั้นเราไปหัดยิงธนูกันในป่าเลยมั้ย"การ์ปูรีบเสนอเพราะอยากรู้เคล็ดลับ
"ได้เลยเพื่อนรัก"กวินทร์รีบตอบรับทันที เพราะนี่แหล่ะสิ่งที่กวินทร์ต้องการ ที่ได้อยู่กันสองต่อสองโดยไม่มีใครมาอยู่ด้วยให้รำคาญ
ในระหว่างทางที่สองหนุ่มจะเดินเข้าไปภายในป่า ก็ได้ยินเสียงหวีดร้องขอความช่วยเหลือ ที่อาจอยู่ไม่ไกลทั้งสองจึงหยุดฟังเสียง
"นั่นเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ"การ์ปูพูดขึ้นพร้อมมองรอบบริเวณ
"ทางโน้น"กวินทร์ชี้มือไปทางด้านหน้า
"ไป"การ์ปูรีบวิ่งไปยังเสียงร้อง โดยมีกวินทร์วิ่งตามไม่ห่าง
และสิ่งที่ทั้งสองเห็นคือหญิงสองนาง อยู่ในวงล้อมชายชุดดำปิดหน้านับสิบคน ส่วนบริเวณพื้นดินมีศพชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับการ์ปูและกวินทร์นอนเรียงรายอยู่หลายคน
เมื่อสองสาวเห็นกวินทร์และการ์ปู จึงรีบส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือในเฉียบพลัน
"ช่วยพวกเราด้วย พวกโจรป่ามันปล้นเรา"หญิงสาวที่ดูมีสกุลมาจากชนชั้นสูงรีบบอกกล่าว
ชายชุดดำนับสิบรีบหันหลังกลับ เพื่อดูโฉมหน้าผู้ที่หญิงสาวขอความช่วยเหลือ พอเห็นมีแค่สองคนชายชุดดำที่ดูจะเป็นหัวหน้า ก็ชี้ดาบมาทางการ์ปูและกวินทร์
"ไอ้หน้าอ่อนถ้าไม่อยากตายก็อย่ามาเสือก"
"ข้าไม่กลัวตาย แต่ข้าทนไม่ได้ที่เห็นพวกหมาหมู่ รังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้"การ์ปูต่อกรด้วยคำพูดโดยไม่กลัวเกรง ถึงฝ่ายตรงข้ามจะเยอะกว่าหลายเท่า
"ชะ ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมดันปากดี พวกเราจัดการไอ้หน้าอ่อนก่อน ส่วนผู้หญิงค่อยจัดการทีหลัง"พอสิ้นเสียงหัวหน้า พวกลูกน้องกองโจรก็วิ่งรุมล้อมรอบทั้งสอง
การ์ปูและกวินทร์หันหลังชนกันโดยไร้อาวุธ การ์ปูจึงรีบส่งธนูให้กวินทร์เพื่อไว้ต่อสู้ ส่วนที่ตัวเขาเองมีแค่มือเปล่า แต่การ์ปูหากลัวไม่เขาพร้อมตั้งท่ารอคู่ต่อสู้โจมตี
"ลุย"หัวหน้ากองโจรสั่งลูกน้องอีกครั้ง
พอสิ้นเสียงคำสั่งบรรดาชายชุดดำ ก็กรูเข้าเยื้องดาบจะฟาดฟัน การ์ปูพร้อมหลบคมดาบ ในระหว่างนั้นการ์ปูได้คว้าข้อมือชายชุดดำยกสูงขึ้น และตีเข่าไปที่ท้องน้อยไม่ย้้ง จนสามารถแย่งดาบจากชายชุดดำได้ เขาจึงฟันไปที่แขนชายชุดดำ หลังจากนั้นการ์ปูถอยห่างไปป้องกันกวินทร์ที่กำลังย้างคันธนูที่มีสามดอก กวินทร์ไม่รีรอยิงธนูใส่ชายชุดดำ ที่กำลังวิ่งเยื้องดาบจะฟาดฟัน ลูกดอกสามลูกได้พุ่งสู่หน้าอกชายชุดดำสามคน จนทำให้ชายชุดดำหยุดกระทันหันเพราะความเจ็บปวด
ชายชุดดำอีกกลุ่มวิ่งถือดาบพุ่งตรงมาทางการ์ปู ในเวลานั้นการ์ปูได้ยกดาบตั้งรับ และถีบที่ท้องน้อยแล้วฟันไปที่แขน จนชายชุดดำนั้นบาดเจ็บอีกราย
หัวหน้ากองโจรเห็นท่าไม่ดี เพราะลูกน้องบาดเจ็บสาหัสอยู่หลายคน จึงตะโกนสั่งลูกน้องอีกครั้ง
"พวกเราถอย"
ชายชุดดำที่ไร้บาดเจ็บต่างหยุดต่อสู้ และรีบพยุงเพื่อนร่วมชะตาพากันหนี เข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
เมื่อบรรดาชายชุดดำหนีเข้าป่าบริเวณข้างทางจนหมดสิ้น สองหญิงจึงได้สติและลดความกลัวไปมากโข จึงรีบเดินเข้ามาหาการ์ปูและกวินทร์
"ขอบคุณท่านสองคนมากค่ะ"หญิงสาวที่ดูสูงศักดิ์ยกมือไหว้ทั้งสองหนุ่ม พร้อมคนรับใช้ก็กล่าวขอบคุณเช่นกัน
"ไม่เป็นไรครับ"การ์ปูยิ้มให้สองสาว
"แม่นางจะไปไหนกันแล้วมาเจอพวกโจรป่าได้อย่างไร"กวินทร์เอ่ยถามสองนางด้วยความสงสัย
"คือพวกเราจะกลับบ้านหลังจากไปซื้อของในตลาด พอเดินมาถึงตรงนี้ก็เจอชายชุดดำโผล่มา และชิงทรัพย์สินของเรา แล้วพวกมันจะทรุดเราสองคน "หญิงสาวผู้สูงศักดิ์หยุดพูดเพราะน้ำตาได้ไหลออกมา
"แล้วพวกมันก็ฆ่าคนของเราตายหมด"สาวรับใช้พูดต่อขึ้นมาทันที
"แล้วบ้านของแม่นางอยู่แถวไหน ข้าสองคนจะไปส่ง"การ์ปูเป็นฝ่ายพูดบ้าง
"ก็ไม่ไกลจากที่นี้มากนัก เราสองคนขอขอบคุณพวกท่านสองคนมาก"หญิงสาวผู้สูงศักดิ์สะอึกพร้อมเช็ดน้ำตา แต่ก็ยังยิ้มอย่างมีไมตรี
หลังจากสอบถามเรื่องราวเสร็จสิ้น การ์ปูและกวินทร์จึงช่วยเก็บข้าวของที่สองสาวได้ซื้อมาและรีบเดินทางไปส่งทั้งสองนาง
"ขอโทษด้วยนะ คืออยากทราบว่าพวกท่านสองคนชื่ออะไร และมาจากไหนดูจากการแต่งตัวคงไม่ใช่ชาวบ้านแถวนี้เป็นแน่"สาวผู้สูงศักดิ์ถามพร้อมยิ้มให้
"ข้าชื่อการ์ปูส่วนเพื่อนข้าชื่อกวินทร์ พวกเราสองคนมาจากวัง ส่วนแม่นางล่ะ"การ์ปูถามกลับ
"เราชื่อมารตีพักอยู่ในคุ้มขุนนาง "มารตียิ้มให้การ์ปู
"ส่วนข้าเจ้านวลเป็นสาวรับใช้เจ้าค่ะ"นวลยิ้มและหัวเราะร่วน
หลังจากทั้งสี่แนะนำตัวกันแล้ว ต่างก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทั้งที่มีเรื่องที่คาใจอยากถามอีกมากมาย
เมื่อทั้งสี่มาถึงหน้าคุ้มขุนนางชั้นหัวเมือง ก็ได้มีข้าทาสบริวารออกมาต้อนรับและช่วยยกสิ่งของ ที่การ์ปูและกวินทร์ได้ถือมาให้สองสาว
"พวกท่านตามเรามา เราจะพาไปหาท่านพ่อท่านแม่ของเรา"มารตีเดินนำหน้าสองหนุ่มที่เดินตามมา และหันซ้ายหันขวาดูสิ่งรอบข้าง มารตีพาสองหนุ่มมาที่ห้องโถงขนาดใหญ่ ที่มีชายหญิงวัยกลางคนนั่งรออยู่
"ท่านพ่อท่านแม่"มารตีวิ่งไปกอดผู้เป็นพ่อและแม่
"ร้องไห้ทำไมลูกพ่อ"ขุนนางชั้นหัวเมือง โอบกอดลูกสาวอันเป็นที่รัก
เมื่อมารตีตั้งสติได้จึงเล่าความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจแกผู้เป็นพ่ออย่างมาก และที่เขาแปลกใจกองโจรโผล่มาจากไหน เพราะตั้งแต่เขาประจำการที่นี่นานนับสิบปี ก็ไม่เคยมีกองโจรไล่ฆ่าชิงทรัพย์
ผู้เป็นพ่อมารตีได้ฟังเรื่องราวเสร็จ เขาจึงหันหน้ามามองทั้งสองหนุ่ม
"ขอบใจพวกเจ้ามากนะ ถ้าไม่ได้พวกเจ้ามาช่วยลูกข้าคงแย่"
"ไม่เป็นไรขอรับ"การ์ปูเป็นฝ่ายพูด
"ไม่เป็นไรได้ไง เจ้าช่วยลูกข้า"
"ใช่ เราสองคนจะตอบแทนพ่อหนุ่มทั้งสองอย่างงาม"มารดาของมารตีจ้องมองสองหนุ่ม เพราะเธอสังเกตดูจากรูปร่างหน้าตา และการแต่งตัวแล้วน่าจะไม่ใข่ชาวบ้านธรรมดา
"พวกเราสองคน ช่วยด้วยใจไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน"การ์ปูพูดอักครั้งส่วนกวินทร์นิ่งเงียบตามนิสัยของเขา
"เห็นลูกข้าบอกว่าพวกเจ้ามาจากในวัง เป็นทหารรึ"ขุนนางชั้นหัวเมืองถาม
"เปล่าขอรับ"
"อย่างนั้นพวกเจ้าไปอยู่ในวังได้อย่างไร"ขุนนางชั้นหัวเมืองมีสีหน้าสงสัย
"พ่อพวกเราสองคนทำงานอยู่ในวังขอรับ"
"พ่อของพวกเจ้าเป็นใครกัน"ขุนนางชั้นหัวเมืองถามด้วยความอยากรู้
"พ่อของกระผมคือแม่ทัพการินครับ"การ์ปูหันมาพยักหน้าให้กวินทร์พูดบ้าง
"พ่อของกระผมคือท่านอำมาตย์อรุณขอรับ"
เมื่อขุนนางชั้นหัวเมืองได้รู้ว่าสองหนุ่มเป็นลูกชองเพื่อนรักในสมัยหนุ่ม ก็หัวเราะก้องห้องโถง
"เอ่อวะ ข้าไม่ได้เจอพ่อพวกเจ้านานมาก ไม่คิดเลยว่าจะมีลูกดึและเก่ง สมกับเป็นลูกนักรบ"
"ใช่ค่ะ ท่านพี่ แถมสง่างามสมชายชาตรี"ผู้เป็นเมียจ้องมองการ์ปูอย่างเพ็งพินิจ เพราะรู้สึกถูกชะตา
"นี่ก็จะเย็นแล้ว กินข้าวด้วยกัน แล้วค้างซะที่นี่เลย"
"ไม่ได้ขอรับ เดี๋ยวท่านพ่อกับท่านแม่ของพวกเราเป็นห่วง"การ์ปูรีบพูดขึ้นทันที
"ใช่ขอรับ นี่ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวประตูเมืองจะปิดซะก่อนขอรับ"กวินทร์สมทบความคิดการ์ปู เพราะเขาอยากจะกลับตั้งนานแล้ว
"ถ้ากระผมมีโอกาสออกมานอกเมืองอีก าจะแวะมาหาและจะอยู่สักสองสามคืน"การ์ปูเอ่ยขึ้น
"เสียดายแต่ก็ไม่เป็นไร คราวหน้ายังมี ถ้าอย่างนั้นข้าฝากความคิดถึงพ่อของเจ้าสองคนด้วย"
"ขอรับ เราสองคนขอตัวกลับก่อนนะขอรับ"
"มารตีไปส่งพ่อหนุ่มสองคนที่หน้าคุ้มซิ"
ภริยาขุนนางชั้นหัวเมืองหันมามองลูกสาว ที่กำลังนั่งฟังพ่อกับสองหนุ่มสนธนากัน
"ค่ะ"
มารตีลุกเดินนำหน้าการ์ปูและกวินทร์ ไปที่ประตูคุ้มขุนนาง
"ขอบคุณพวกท่านทั้งสองอีกครั้งนะคะ"มารตีหันมายิ้มให้การ์ปูและกวินทร์
"ไม่เป็นไรหรอกแม่นาง "การ์ปูยิ้มให้มารตีด้วยความจริงใจ
"ถ้านั้นพวกเรากลับก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะกลับมาอีกครั้ง"การ์ปูยิ้มให้อีกครั้งเฉกเช่นเดียวกับกวินทร์ ที่ฝืนยิ้มตามมารยาท