บทที่ 19 ไม่ปิดบังความสามารถ

2000 คำ
เซี่ยเจียวหงคิดว่าแค่ยืมคนของนายท่านโล่น่าจะพอแล้ว แถม นายท่านโล่ยังให้คนสนิทติดตามไปด้วย แค่นี้ทุกอย่างก็น่าจะไม่มีอุปสรรคมากนัก จึงมองว่าไม่จำเป็นที่จะต้องไปในฐานะลูกบุญธรรม นายท่านโล่เหลือบมองคนสนิท เชอเจียไท่ย่อมเข้าใจความหมายของเจ้านายจึงเลือกที่จะอธิบายด้วยตัวเอง “คำว่าลูกบุญธรรมของนายท่านโล่ ย่อมเป็นใบเบิกทางชั้นดี นายท่านมีเครือข่ายและมีบารมีไม่น้อย แม้ว่าท่านจะค้าอาวุธ แต่ก็ ถูกกฎหมายซึ่งคุณเจียวหงน่าจะเข้าใจ เรื่องที่คุณกำลังทำไม่ใช่ไม่มีอุปสรรค เพราะเราไม่รู้ว่าคนร้ายตัวจริงที่ทำให้เจ้าของร้านที่คุณเฉิงซานทำงานอยู่ยอมถึงขนาดทำผิดกฎหมายและยอมใส่ร้ายคนที่ไม่ได้ทำ เอ่อ...ในเรื่องของคุณเฉิงซานผมเองเคยสืบมาก่อนหน้านี้ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่บอกเพราะคนที่จะเข้ามาหานายท่านหรือเข้ามาช่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ผมต้องสืบประวัติอยู่แล้ว และผมเชื่อว่า คุณเข้าใจ” เซี่ยเจียวหงสบตาแบบไม่หลบ เธอเข้าใจในจุดนี้เพราะเมื่อสองสามเดือนก่อน นายท่านโล่พยายามพูดเป็นนัยเรื่องสามีเธอบ่อยมาก เพียงแต่เธอไม่สนใจ “ฉันเข้าใจในจุดนี้ และความผิดเกิดที่ฉันเอง ถ้าฉันสนใจ พี่เฉิงซานสักนิดคงจะเจอจดหมายฉบับนี้ และการที่คุณหรือนายท่านโล่จะตรวจสอบประวัติของคนที่ช่วยเหลือหรือว่าครอบครัวของฉัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว” เมื่อเห็นว่าเซี่ยเจียวหงเข้าใจในสิ่งที่เขาอธิบาย เชอเจียไท่จึงพูดในเรื่องของซือเฉิงซานต่อ “การที่เจ้าของร้านหรือเจ้านายเก่าและลูกสาวของเขาคือผู้เสียหายกล้าที่จะใส่ร้ายคุณเฉิงซาน แสดงว่าคนคนนั้นย่อมต้องมีเงินหรือมีอิทธิพลพอตัว และคงได้สิ่งตอบแทนมาไม่น้อย คุณเฉิงซาน โดนคดี ข้อหาปล้นเงินอีกข้อหาคือข่มขืนและพยายามฆ่า นั่นจึงทำให้เขาโดนศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต” “ในเมื่อคนร้ายตัวจริงน่าจะมีอิทธิพลและอำนาจเงินพอตัวเลยสามารถปิดปากเจ้าทุกข์ได้ ฉันเชื่อว่าพี่เฉิงซานไม่ได้ทำเพราะเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ยิ่งรู้ว่าคนพวกนั้นมีอิทธิพลฉันจึงยิ่งไม่อยากไปในฐานะลูกบุญธรรมของนายท่านโล่ เพราะบารมีไม่ได้สร้างกันง่าย และฉันเองไม่ใช่คนใจเย็นหรือคนใจดี เกิดพลาดพลั้งทำเรื่องใหญ่ขึ้นมาตัวของ นายท่านโล่จะได้ไม่ต้องแปดเปื้อนไปด้วย” นี่คือความจริงที่เซี่ยเจียวหงไม่อยากเดินทางไปช่วยสามีในนามของลูกสาวบุญธรรมของนายท่านโล่ ยิ่งได้ฟังคำพูดที่จริงใจของเซี่ยเจียวหง ทำให้นายท่านโล่ยิ่ง ชอบใจและอยากรับเธอมาเป็นลูกสาวจริง ๆ เพราะตั้งแต่ภรรยาเสียชีวิตพร้อมกับลูกชายเมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาเองก็ไม่คิดมีภรรยาใหม่เพื่อหาทายาทมาสืบทอดกิจการ แต่กลับกลายเป็นถูกชะตาของหญิงสาวที่ชื่อ เซี่ยเจียวหงคนนี้ “เจียวหงเธอฟังตาแก่อย่างฉันหน่อย บารมีสร้างไม่ง่ายก็จริง แต่ปัญหาที่เฉิงซานเจอมันหนักหนาพอตัวคิดว่าถ้าเธอไปในนาม หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาจะมีคนหวั่นเกรงและยอมไหม ฉันรู้ว่าเธอความสามารถ แต่การมีหัวเสือไว้ที่ตัว ย่อมต้องทำอะไรง่ายขึ้น ผู้บังคับบัญชาที่นั่นเป็นคนที่ฉันรู้จักและค่อนข้างสนิท หากไม่ใช่เรื่อง ผิดกฎหมายเขายินดีที่จะช่วยเหลือเต็มที่ และตอนที่ฉันทราบเรื่อง ฉันก็ให้เขาคอยดูแลเฉิงซานแล้ว เธอน่าจะรู้ว่าคนที่อยู่ในนั้นย่อมไม่ได้อยู่อย่างสุขสบาย นักโทษในนั้นย่อมมีทั้งคนดีและคนเลว ดังนั้นเชื่อฉัน ไปในนามลูกสาวบุญธรรมของนายท่านโล่พร้อมกับเจียไท่เถอะ ส่วนทางนี้ฉันยังมีคนสนิทอีกสองคน ซึ่งเจียไท่เองก็ฝึกมากับมือ ดังนั้นจึงหมดห่วงเรื่องความปลอดภัยของฉันได้เลย” นายท่านโล่ยังคงยืนยันคำเดิม บางครั้งการที่คนเรามีหัวเสืออยู่ด้านหลังย่อมทำอะไรได้ง่ายกว่า ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้เซี่ยเจียวหงจึงพยักหน้ารับ ก่อนจะขอกระดาษกับดินสอ และถามนายท่านโล่ว่ามีคนที่สามารถสร้างอาวุธขึ้นมาได้ใช่ไหม เมื่อนายท่านโล่พยักหน้า เธอจึงตวัดดินสอร่างแบบขึ้นมาพร้อมกับเขียนกลไกอย่างรวดเร็ว เพราะทุกอย่างอยู่ในหัวของเธอหมดแล้ว แม้ว่าเธอจะเป็นนักฆ่าและสายลับ แต่เรื่องอาวุธเป็นสิ่งที่เธอชอบและถนัด โดยอาวุธที่อยู่ในองค์กรล้วนเป็นสิ่งที่เธอสร้างขึ้น นายท่านโล่นั่งมองตาไม่กะพริบ และไม่อยากจะเชื่อว่าสาวชาวบ้านที่เข้ามาช่วยเขาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับเป็นเพชรเม็ดงามที่ยากจะค้นพบ นอกจากความสามารถที่มีเธอยังรักพวกพ้องและครอบครัวมากด้วย ถ้าเขาสามารถเกลี้ยกล่อมเธอให้เป็นลูกบุญธรรมจริง ๆ ได้เขาคงหมดห่วงเรื่องกิจการและธุรกิจที่เขาสร้างมา เซี่ยเจียวหงใช้เวลาพักใหญ่จึงร่างแบบของอาวุธปืนเสร็จก่อนจะยื่นไปตรงหน้าของนายท่านโล่ นายท่านโล่หยิบแบบร่างมาดูดวงตาเป็นประกายไม่คิดว่าเธอจะร่างแบบพร้อมกลไกเสร็จสรรพ เช่นนี้แล้วเขาไม่จำเป็นต้องส่งไปผลิตที่ต่างประเทศ แต่เขากลับสามารถสร้างโรงงานผลิตอาวุธได้ด้วยตัวเองและแบบถูกกฎหมาย “ฉันสามารถจดสิทธิบัตรเป็นของตัวเองได้ใช่ไหม” นายท่านโล่เอ่ยถามคล้ายลองใจ “ได้ค่ะ ท่านสามารถจดสิทธิ์เป็นของตัวเองได้เลยถ้าทางรัฐอนุญาตให้ผลิตเองนะคะ ส่วนปืนไรเฟิลกลไกจะเยอะกว่านี้ รอฉันจัดการเรื่องของพี่จบและเดินทางกลับมาที่นี่ ฉันจะรีบมาร่างให้และท่านไม่ต้องกลัวว่าฉันจะลอกเลียนแบบใครมา เพราะทุกอย่างฉันเขียนมาด้วยตัวเอง” อย่าว่าแต่อาวุธปืนเลย เธอยังสามารถเอายุทโธปกรณ์เก่ามาดัดแปลงเป็นรถถังหรือรถหุ้มเกราะ องค์กรที่เธอเคยอยู่นอกจากรับงานปลิดชีวิตเป้าหมาย แต่ยังค้าอาวุธและยุทโธปกรณ์ให้กับทั่วโลกอีกด้วย การทะลุมิติมาครั้งนี้ต่อให้จะไม่มีมิติเหมือนคนอื่นในนิยายที่เธอเคยเห็น แต่เธอกลับมีความรู้ความสามารถของตัวเองพร้อมกับพละกำลังที่เหนือกว่าผู้คนติดตัวมาด้วยนี้เธอก็พอใจแล้ว หลังจากที่นัดแนะเวลาเรียบร้อย ซึ่งเชอเจียไท่แจ้งว่าควรออกเดินทางพรุ่งนี้ แม้ว่าเมืองชุนชิงจะเดินทางด้วยรถยนต์เพียงสองวันแต่ควรจะไปให้เร็วที่สุด เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ จากนั้นเซี่ยเจียวหง จึงขอตัวกลับบ้านทันที ตลอดทางกลับบ้านเซี่ยเจียวหงกลุ้มใจเพียงเรื่องเดียว หากซือเฉิงซานรู้ว่าเธอไม่ใช่ภรรยาเขาจะทำอย่างไร เธอทำใจได้ไหมหากต้องอยู่ห่างจากสองแฝดและต้องห่างจากทุกคน ตอนนี้เธอคิดว่า บ้านซือและบ้านกวงคือครอบครัวที่เธอมี เพราะทุกอย่างกลับตาลปัตร ไปหมด ซือเฉิงซานสามีของร่างนี้ไม่ได้มีคนอื่น แต่เขาเจอคดีความ จึงกลับบ้านไม่ได้ และเซี่ยเจียวหงคนเดิมไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย แต่ถ้าเธอยื่นมือและเสนอหน้าเข้าช่วย ต่อให้โง่แค่ไหนเธอเชื่อว่า ซือเฉิงซานย่อมต้องรู้ว่าเธอไม่ใช่เซี่ยเจียวหง ทันทีที่เข้าหมู่บ้านมาและเกวียนจอดส่งชาวบ้านเธอจึงจ่ายค่าเกวียนและเดินกลับบ้านอย่าง เหม่อลอย เมื่อเข้ามาในบ้านทุกคนจึงอยู่กันพร้อมหน้าและมองเธอเป็นตาเดียวเพื่อรอคำตอบว่าเธอจะเดินทางวันไหน “ทุกคน พรุ่งนี้ฉันจะเดินทางไปหาพี่เฉิงซานนะ พอดีว่าขากลับเจอกับนายท่านโล่ ท่านเองจะไปดูงานและผ่านเมืองนั้นพรุ่งนี้เลยให้ฉันติดรถไปด้วย จะได้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย” “ดีแล้วอาหง แม่จะได้เบาใจที่ลูกมีคนร่วมเดินทาง อย่างไร พรุ่งนี้ให้ฮ่าวจื่อไปส่งที่บ้านนายท่านกวงก็แล้วกัน มาดูนี่สิ ภาพที่ถ่ายออกมาสวยมากเลย วันไหนที่เฉิงซานกลับมาเราค่อยไปถ่ายกันอีกนะ คราวนี้ เจ้าก้อนแป้งน่าจะออกจากบ้านได้แล้ว แม่จึงอยากให้เราสองครอบครัวถ่ายภาพด้วยกัน” นางหลิงมู่ส่งภาพถ่ายให้กับลูกสะใภ้ “ค่ะแม่รอพี่เฉิงซากลับมาก่อน นี่ก็ใกล้จะมื้อเย็นแล้วฉันไปทำอาหารก่อนนะ” เซี่ยเจียวหงยิ้มให้ทุกคนก่อนจะส่งสายตาให้กวงฮ่าวจื่อและภรรยาของเขา คราวนี้เซี่ยเจียวหงไม่อยากปิดบังพี่สะใภ้ เผื่อว่าเธออาจจะใช้เวลาหลายเดือนในการจัดการเรื่องของซือเฉิงซาน “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าทำไมฉันรู้สึกว่าพี่กับน้องสะใภ้มีความลับบางอย่างที่บอกใครไม่ได้” เผิงโล่อิ่งเอ่ยถาม เธอไม่ได้คิดมากเรื่องอื่น แต่กลัวว่าสามีและน้องสะใภ้เกิดปัญหาเรื่องอื่นเพราะสีหน้าของทั้งสองคนเมื่อเช้าเธอสังเกตว่าไม่ปกติ และน้องสะใภ้อย่างเจียวหงไม่เคยหยุดขายอาหาร เซี่ยเจียวหงไม่พูดอะไรเพียงแค่ยื่นจดหมายของซือเฉิงซานให้อ่าน ยิ่งอ่านเผิงโล่อิ่งจึงเอามือข้างหนึ่งปิดปากด้วยความตกใจ “เรื่องที่ฉันต้องเดินทางพรุ่งนี้ฉันอยากให้แม่สามีและคนอื่นรู้ว่าฉันไปรับพี่เฉิงซานกลับมา ซึ่งนั่นไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรจึงจะจัดการเรื่องนี้จบ ฉันได้เข้าไปขอความช่วยเหลือจากนายท่านโล่แล้วและท่านก็รับปาก ส่วนทางนี้ฉันฝากพี่ใหญ่กวงกับพี่สะใภ้ดูแลด้วย ถ้าฉันไปเกินสองเดือน ช่วยข้ออ้างดี ๆ ให้ด้วย จะอ้างนายท่านโล่ก็ได้” เซี่ยเจียวหงพูดในสิ่งที่ต้องการด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แต่น้องสะใภ้ต้องติดต่อกลับมาบ่อย ๆ เพื่อแจ้งข่าวด้วย พี่กับพี่สะใภ้จะได้ไม่ต้องกังวล อย่าหายไปอีกคนก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นพี่ไม่รู้จะตอบแม่ของเฉิงซานและสองแฝดอย่างไร” กวงฮ่าวจื่อสั่งกำชับว่าห้ามขาดการติดต่อเด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้นหากเซี่ยเจียวหงขาดการติดต่อไปอีกคนเขาไม่รู้จะตอบ บ้านซืออย่างไร “จริงของพี่ฮ่าวจื่อ บ้านลุงผู้นำมีโทรศัพท์อย่างไร ก็ส่งข่าวมา ทางนั้นก็แล้วกัน ถ้าไม่ขอสายพี่ฮ่าวจื่อก็ขอสายพี่แทน พี่จะมาบอก พี่ฮ่าวจื่อเอง แต่อย่างไรอย่าลืมโทรหาสองแฝดกับย่าของทั้งสองด้วยล่ะ น้าหลิงจะได้ไม่สงสัย” เผิงโล่อิงสั่งกำชับอีกคน แค่เธอรู้เรื่องของซือเฉิงซานก็ใจไม่ดีแล้ว ยิ่งเซี่ยเจียวหงจะไปจัดการเรื่องของสามีด้วยตัวเอง จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร เมื่อเห็นความเป็นห่วงจากทังสองคนเซี่ยเจียวหงจึงพยักหน้ารับ “ครั้งนี้ฉันน่าจะไปพักที่บ้านของนายท่านโล่ ท่านบอกว่ามีบ้านพักอยู่ที่เมืองชุนชิง อย่างไรฉันจะส่งข่าวมาบอกเบอร์โทรที่นั่น เผื่อพี่ทั้งสองคนเกิดอยากสอบถามข่าวคราวและจะได้หายห่วงด้วย” สองสามีภรรย***านกวงพยักหน้าพอใจ จากนั้นทั้งสามคนจึงช่วยกันทำอาหารมื้อเย็นด้วยใจที่ไม่ค่อยสงบ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม