เวลาผ่านไป…
ญาดาเริ่มปรับตัวให้ชินในการไม่มีโทรศัพท์ใช้แต่ยังได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่และพี่สาวโดยเฮียอาร์ตนั่งเฝ้าเธอไว้ตลอดเวลาที่คุยกัน หลังๆเธอขี้เกียจฟ้องอะไรทั้งนั้นเอาแค่ฝึกงานจบอีกไม่นานเท่านั้น เธอจึงโฟกัสแค่ตรงนี้ก่อนส่วนเรื่องอื่นเธอค่อยจัดการทีหลัง
“กินผลไม้มั้ยอร่อยนะปลอดสารพิษ”
เฮียอาร์ตถือจานผลไม้วางให้หญิงสาวที่โต๊ะทำงาน ตอนนี้คุณเลขาเริ่มชินกับปฏิกิริยาของเจ้านายที่มีต่อนักศึกษาฝึกงานแล้ว ท่าทางออกนอกหน้าขนาดนั้นเธอไม่อยากคาดเดาความรู้สึกแต่การแสดงออกของเขามันก็ชัดเจนพอให้คนอื่นเข้าใจ
“ขอบคุณค่ะวางไว้ตรงนั้นแหละหิวจะกินเอง”
ญาดาเหลือบสายตามองชายหนุ่มก่อนจะก้มหน้าลงไปทำงานของตัวเองต่อไม่สนเขาอีก เฮียอาร์ตมองเธอด้วยสายตาน่าสงสาร เขาพยายามทำดีกับเธอทุกอย่างแต่ดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็นหรือทำเป็นไม่สนใจก็ไม่รู้ เลขาลี่มองเจ้านายก็อดสงสารไม่ได้เพราะท่าทางน้องญาดาไม่เล่นด้วยเลย
“เจ้านายมีประชุมพรุ่งนี้บ่ายนะคะ”
“อ่อครับโอเค… งั้นผมไปก่อนดีกว่ากินด้วยนะ”
เขาหันไปมองญาดาอีกรอบเธอทำเพียงแค่ใช้หางตามองก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบ นี่ตกลงว่าที่นี่ใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องเพราะเธอไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“เย็นชาชะมัดเลยแหะ… ผู้หญิงอะไร”
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบโทรศัพท์ของญาดาออกมา เขาตัดสินใจว่าจะคืนโทรศัพท์ให้หญิงสาวนี่ก็ผ่านมาเป็นเดือนแล้วเธอคงทำใจได้และไม่เกี่ยวข้องกันอีก
เขาลุกขึ้นถือโทรศัพท์เดินออกไปข้างนอกก่อนจะวางโทรศัพท์ลงตรงหน้าเธอ ญาดาเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจทำไมอยู่ๆถึงเอาโทรศัพท์มาคืนให้
“เอามาให้ทำไมคะ หนูยังไม่โทรหาคุณพ่อคุณแม่ตอนนี้หรอก”
“คืนให้ไงเอาไปสิ”
เธอมองเขาอย่างระแวงไม่รู้ว่ามีแผนอะไรอีก ไม่ใช่ว่าจะมาจับผิดอะไรอีกนะเธอขี้เกียจทะเลาะกับเขาแล้ว
“ขอบคุณค่ะว่าแค่คงไม่ได้มีแผนอะไรหรอกใช่มั้ยคะ”
“มองกันในแง่ร้ายขนาดนั้นเชียว”
เขาทำหน้าเซ็งๆเมื่อถูกหญิงสาวมองด้วยสายตาหวาดระแวง เธอหยิบโทรศัพท์กดเข้าไปดูข้อมูลต่างๆและเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ค้นโทรศัพท์ของเธอเลยนะ ข้อความที่เพื่อนส่งมายังเหมือนเดิมไม่ได้กดอ่านรวมถึงพี่แบงค์ด้วย
เธอทำเป็นไม่สนใจโทรศัพท์วางมันลงข้างๆก่อนจะนั่งทำงานในหน้าที่ของตัวเองต่อ เฮียอาร์ตลอบสังเกตหญิงสาวก็ดูไม่ได้สนใจอะไรแล้วนะให้โทรศัพท์ยังทำเฉยๆเลย แสดงว่าคงทำใจในเรื่องนี้ได้แล้วแหละ…
“เย็นนี้ไปหาอะไรกินข้างนอกมั้ย อยากไปเที่ยวห้างมั้ย”
“ไปสิคะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่คุณไม่เคยให้หนูออกจากที่นี่เลย ดูใจร้ายเนาะว่ามั้ยคะ”
ญาดาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชันก่อนจะวางแฟ้มลงแล้วหันไปพิมพ์งานต่อ
“อยากไปก็บอกดีๆจะพาไป ไม่เห็นต้องประชดประชันเลย”
“คุณไม่มีสิทธิ์ขังหนูไว้ที่นี่ด้วยซ้ำ”
“โอเคๆ ต่อจากนี้ไปไม่ขังแล้วอยากออกไปไหนก็บอกจะพาไปเอง ตกลงมั้ย”
หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอย่างอารมณ์ดีแต่ยังไม่แสดงอาการใดๆเพราะเดี๋ยวเขาจะรู้ว่าเธอยิ้ม ไหนๆก็ได้โทรศัพท์คืนมาแล้วเพราะฉะนั้นเธอจะจัดการพี่แบงค์กับยัยเอิงเอยที่มันกล้ามาเล่นชู้กันจนท้อง และคนอย่างเธอจะปล่อยให้มันมีความสุขมากขนาดนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ…
ญาดากดส่งข้อความไปหาพี่แบงค์เพื่อบอกเขาว่าเธอมาฝึกงานและที่นี่สัญญาณไม่ค่อยดี ทำเหมือนเดิมปกติเขาจะได้ไม่สงสัยอะไรและคิดว่าเธอยังคุยกับเขาอยู่ แบงค์ที่อยู่ๆก็ได้รับข้อความจากญาดาก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
‘ขอโทษที่หายไปค่ะ เพิ่งจะมีสัญญาณโทรศัพท์เพราะที่ฝึกงานไม่มีสัญญาณค่ะ พี่แบงค์สบายดีมั้ยคะคิดถึงญาดารึเปล่า…’
‘คิดถึงสิคะคิดถึงมากที่สุดเลย ญาดาหายไปเป็นเดือนพี่ตามหาให้ทั่วเลย เมื่อไหร่หนูจะกลับมาคะพี่อยากเจอมาก’
‘รอก่อนนะคะถ้าฝึกงานเสร็จญาดาจะรีบกลับไปหา ถ้ายังอยากแต่งงานกันพี่แบงค์ต้องจัดการผู้หญิงคนนั้นให้เรียบร้อยนะคะ ถ้าญาดากลับไปแล้วพี่ยังคบกับมันอยู่เราคงต้องจบกันจริงๆ’
แบงค์กำโทรศัพท์เดินไปมาอย่างคิดหนัก เขาจดทะเบียนสมรสไปแล้วและกำลังจะเตรียมงานแต่งงาน ถ้าญาดารู้ขึ้นมาเธอไม่ยอมคืนดีด้วยแน่นอนและเขาจะทำยังไงดี จะแก้ปัญหานี้ยังไง…
“เอายังไงดีวะเนี่ย”
ทางด้านของญาดาเธอยิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ตอนแรกเธอตั้งใจจะทำให้พี่แบงค์ทิ้งยัยเอิงเอยแต่เพื่อนส่งข้อความมาบอกก่อนหน้านี้ว่าทั้งสองคนกำลังจะแต่งงานกัน และคนอย่างเธอที่อยากแก้แค้นทั้งสองคนก็จะต้องทำให้งานแต่งงานมันถูกยกเลิกให้ได้
“แล้วเจอกันพวกสารเลว”
ตกเย็นเธอนั่งรถเคียงข้างไปกับเฮียอาร์ตเพื่อไปช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า และเป็นการไถ่โทษที่ขังเธอไว้ที่ไร่เป็นเดือนเห็นว่าจะเปย์ไม่อั้นด้วย และผู้หญิงอย่างเธอมีหรือจะเกรงใจไม่เป็นไรค่ะแบบนั้น เธอจะจัดให้หนักให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำไว้แน่นอน
“อยากได้อะไรเหรอ… เลือกเลยนะซื้อให้”
“ได้ทุกอย่างเลยเหรอคะ หนูชอบแบรนด์เนมนะคุณจะจ่ายไหวเหรอ”
ญาดามองชายหนุ่มอย่างท้าทาย และคนอย่างเขาที่โดนสบประมาทอย่างนี้มีหรือจะยอมโดนดูถูกแบบนี้
“ก็เอาที่สบายใจเลย อยากได้อะไรก็ซื้อไปไม่ต้องคิดเยอะ ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกรวย..”
หญิงสาวยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าช็อปแบรนด์เนมทั้งชั้น ซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ กระเป๋าใหม่ รองเท้า ครีมบำรุงผิวต่างๆเล่นเอาเฮียอาร์ตสุดหล่อปาดเหงื่อเพราะตอนนี้รูดบัตรไปหลายแสนแล้ว ญาดายังไม่ยอมหยุดเธอเดินเข้าร้านนาฬิกาต่อก่อนจะชี้นิ้วไปยังตู้โชว์ที่มีนาฬิการุ่นใหม่โชว์อยู่
“เรือนนี้สวยเนาะว่ามั้ยคะ”
“เท่าไหร่ครับเรือนนี้”
เขาหันไปถามพนักงาน เธอเหลือบสายตามองป้ายราคาก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงสดใส
“2,500,000บาทค่ะ”
เขาตาโตเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่ตอนนี้มองนาฬิกาเรือนนั้นตาเป็นมัน เธอชอบสะสมนาฬิกายิ่งแพงยิ่งชอบเพราะว่ามันมีราคาขึ้นตลอดเวลา และเรือนนี้เธออยากได้แต่ไม่ซื้อเองแน่นอน เขาจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสมที่ทำกับเธอแบบนี้
“เรือนอื่นก็มีนะดูมั้ย”
“ไม่ค่ะชอบเรือนนี้ จะเอาด้วย”
ญาดามองชายหนุ่มตาใสแป๋ว เฮียอาร์ตหันไปมองนาฬิกาเรือนนั้นก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอแล้วตัดสินใจที่จะซื้อให้
“รับบัตรมั้ยครับ”
“รับค่ะ”
เขายื่นบัตรไปให้พนักงานก่อนจะหันไปมองญาดาที่ตอนนี้ดูอารมณ์ดีกว่าปกติ ตั้งแต่คบผู้หญิงมายังไม่เคยเสียมากขนาดนี้เลย แล้วนี่แค่นักศึกษาฝึกงานเอง…
‘นี่สินะที่เค้าว่าเสียเป็นแสนแขนไม่ได้จับ แต่นี่เป็นล้านเลยนะ… เห้อ!’