พัทยา
งานเปิดตัวโรงแรมที่ได้บริษัทศิวัชออกแบบและก่อสร้างให้จนเสร็จเรียบร้อย โดยมีปรานนท์เป็นผู้คุมงานนี้คนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ใช้เวลาเพียง 2 ปีในการก่อสร้างเท่านั้น ซึ่งเป็นที่น่าพอใจของเจ้าของโรงแรมมากๆ
งานวันนี้จึงถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตโดยมีนักข่าวมากันมากมาย รวมทั้งเหล่าดาราเซเล็บทั้งหลายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับคุณศิวัช รวมทั้งเจ้าของงานในค่ำคืนนี้ด้วย
“ผมภูมิใจมากๆเลยนะครับสำหรับการออกแบบและก็การก่อสร้างที่ทั้งรวดเร็ว และได้คุณภาพที่น่าทึ่งแบบนี้...”
“ขอบคุณมากครับ...ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผมมีลูกน้องฝีมือดีนะครับ โรงแรมของคุณสันติถึงได้เสร็จทันฤกษ์มงคลแบบนี้...”
“ใช่แล้วครับ...ผมถูกใจจริงๆ คุณปรานนท์ลูกน้องคุณนี่เก่งสมคำล่ำลือจริงๆเลยนะครับ...”
ปรานนท์หันไปยิ้มให้คุณสันติเจ้าของโรงแรมอย่างรู้สึกเขินๆ ที่ถูกชมต่อหน้าแบบนี้
“วันนี้ลูกสาวผมก็มาด้วยนะครับ ผมอยากจะแนะนำให้คุณศิวัชรู้จักสักหน่อย...”
ศิวัชยิ้มให้สันติบางๆ เพราะเขารู้ว่าวันนี้สันติจะพาลูกสาวมางานนี้ด้วยเพราะต้องการจะแนะนำให้เขารู้จักกับเธอ เขาจึงต้องบังคับให้ปรานนท์มางานนี้ให้ได้เผื่อจะได้ช่วยกันเธอให้กับเขา
“มาพอดีเลย...มาทำความรู้จักกับคุณศิวัชซิลูก...”
เธอเดินเข้ามาหาพ่อของเธอพร้อมกับหันมาส่งยิ้มหวานให้ศิวัช แล้วยื่นมือออกมาทักทายเขา
“สวัสดีค่ะคุณศิวัช...ปรางนรินค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ...”
เขายื่นมือออกมาจับมือเธอเพื่อเป็นการทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ.คุณปรางนริน.”
“ได้ยินคุณพ่อพูดถึงคุณศิวัชบ่อยๆ เพิ่งจะได้เห็นตัวจริงก็วันนี้เอง...สมแล้วละคะที่สาวๆในงานต่างก็อยากครอบครองหัวใจของคุณศิวัชกันทั้งนั้น...”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ...”
“แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคนหน้าตาดีอย่างคุณศิวัชจะโสดจริงๆ...”
เธอส่งสายตายั่วยวนมาให้เขา เขาจึงยิ้มตอบกลับไป
“ใช่ครับ...ผมไม่โสดแล้ว...”
เธอหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินคำตอบของศิวัช รวมทั้งปรานนท์และคุณสันติเจ้าของโรงแรมด้วย ที่ยืนอึ้งกับคำตอบของเขา
“ผมมีแฟนแล้วนะครับ จริงๆวันนี้เธอก็มางานนี้ด้วยนะครับ แต่พอดีว่าเธอไม่ชอบให้เป็นข่าวใหญ่นะครับเธอเลยไม่ยอมมาเดินคู่กับผม...”
“แฟนคุณศิวัชอยู่ในงานนี้ด้วยหรอคะ..?”
“ครับ...เธอไม่ใช่ดาราแล้วก็ไม่ใช่เซเล็บที่ไหน เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาที่สวยแล้วก็น่ารักมากๆ...”
ศิวัชพูดถึงแฟนเขาไปด้วยยิ้มไปด้วย ช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุขจริงๆจนปรานนท์เริ่มอยากจะเห็นแล้วว่าแฟนของศิวัชมีหน้าตาเป็นยังไง
นักข่าวได้ยินที่เขาบอกกับปรางนรินว่าเขามีแฟนแล้ว ก็รีบกรูกันเข้ามาสัมภาษณ์เขากันยกใหญ่แต่เขาก็ไม่ยอมบอกว่าเธอคือใคร ทั้งที่นักข่าวพยายามตื้อถามเขาก็ไม่ยอมบอกง่ายๆ
“พรุ่งนี้ข่าวที่คุณศิวัชมีแฟนแล้ว ต้องขึ้นหน้าหนึ่งแน่ๆเลยครับ...”
“แกก็เวอร์ไป...ฉันแค่ประกาศว่ามีแฟนนะไม่ได้ไปฆ่าใครตายสักหน่อย...”
ศิวัชแยกตัวออกมานั่งคุยที่ริมสระว่ายน้ำกับปรานนท์ 2 คน
“แฟนของคุณศิวัชอยู่ในงานนี้จริงๆหรอครับ..?”
“ใช่...”
"..."
ปรานนท์นิ่งไปแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
"อย่าบอกนะว่าแกไม่เชื่อว่าฉันมีแฟนแล้วจริงๆ...”
“เปล่าครับ...ผมแค่สงสัยว่าทำไมคุณศิวัชถึงไม่พาเธอมาเปิดตัว..?”
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะพาเธอมาแนะนำให้แกรู้จัก...”
“...”
เขายิ้มตอบกลับไปให้ศิวัช แล้วพวกเขาก็ชนแก้วดื่มด้วยกันนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
“แล้วแกล่ะ...เมื่อไหร่จะมี..?”
“ผมยังไม่อยากมีนะครับ อยู่คนเดียวแบบนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว...”
“ตั้งแต่ฉันรู้จักแกมา ไม่เคยเห็นแกชอบผู้หญิงคนไหนสักคน ขนาดสาวๆในบริษัทที่ปลื้มแกกันตั้งหลายคนแกก็ยังไม่สนใจเลย...ทำแต่งานจนไม่ยอมดูแลตัวเองแบบนี้เพื่ออะไรว่ะ..?”
“...”
ศิวัชยื่นมือไปจับบ่าปรานนท์ไว้ ตัวเขาเองก็เห็นปรานนท์เป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาปรานนท์เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่เคยคิดสนใจดูแลตัวเองเลยจนบางครั้งเขาก็รู้สึกเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆครับ...คุณศิวัชไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ...”
“สาวๆในงานนี้มีตั้งหลายคน แกไม่ลองมองๆดูสักคนละเผื่อจะสนใจใครบ้าง...”
“ไม่ดีกว่าครับ...ผมอยู่โสดๆแบบนี้ดีกว่า...”
“ตามใจแก...”
ปรานนท์ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแล้ววางลงบนโต๊ะ
“ผมขอตัวกลับห้องเลยนะครับ งานคงไม่มีอะไรแล้ว...”
“อืม...เดี๋ยวฉันก็จะกลับเหมือนกัน อ่อ...พรุ่งนี้เช้าอย่าลืมมาทานข้าวพร้อมกันนะ..?”
“ครับ...”
ปรานนท์รับคำเขาเสร็จก็ขอตัวเดินออกไปจากตรงนั้นเพื่อตรงกลับห้องตัวเอง แต่ระหว่างทางที่เขาเดินกลับห้อง เขาเหมือนหันไปเห็นใครสักคนหนึ่งที่รู้สึกคุ้นเคยมากๆ เขาจึงรีบเดินตามใครคนนั้นไปอย่างเร็ว
“ว๊าย.”
“คุณ...”
ปรานนท์ตกใจมากที่ไปเดินชนอย่างแรงกับผู้หญิงคนหนึ่งจนเธอล้มไปกองที่พื้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเป็น
“คุณปรางนริน...”
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะ จะรีบไปตายหรือไง..?”
เขามองหน้าเธออย่างไม่พอใจที่เธอพูดจาแบบนี้ออกมา
“ผมขอโทษครับที่เดินไม่ทันระวังจนชนคุณเข้า...นี่คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ..?”
“เจ็บซิถามได้...”
เธอมองแขนตัวเองก็เห็นว่าเป็นรอยแดง แล้วพอจะลุกขึ้นยืนก็รู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า
“โอ๊ย...!”
“ให้ผมช่วยพยุงนะครับ..?”
“จะถามทำไม...ก็นายเป็นคนชนฉันนายก็ต้องช่วยฉันไหมล่ะ...เร็วๆซิมาพยุงฉันเร็วๆ...”
“...”
เขาไม่ค่อยพอใจที่เธอโวยวายแต่ก็ยอมเข้าไปพยุงตัวเธอขึ้นยืน แต่เพราะเห็นว่าเธอน่าจะยืนไม่ไหวเขาจึงตัดสินใจอุ้มช้อนตัวเธอขึ้นมา
“ทำบ้าอะไรเนี้ย..?”
“คุณเดินไม่ไหวหรอกเดี๋ยวผมอุ้มไปนั่งที่โซฟารับรองแขกแล้วกัน...”
เขาอุ้มเธอขึ้นมาจนตัวลอย เธอกลัวจะตกจึงกอดคอเขาไว้แน่น แล้วอยู่ๆใจเธอก็เต้นแรงขึ้นมา เธอหันหน้ามาจ้องหน้าเขาใกล้ๆได้เห็นใบหน้าเขาชัดๆ ก็รู้สึกว่าเขาทั้งหล่อแล้วก็เท่ห์สุดๆเลย
เขาวางเธอลงบนโซฟาแล้วก็มีชาย 2 คนที่เป็นเจ้าหน้าที่โรงแรมเดินเข้ามาหาเธอ
“คุณปรางเป็นอะไรครับ..?”
“ฉันล้มนะแล้วขาฉันก็พิกด้วย...ให้คนเอารถเข็นไปส่งฉันที่ห้องทีซิฉันเดินเองไม่ไหว...”
“ครับ...”
ปรางนรินหันไปสั่งลูกน้อง 2 คน แล้วหันมามองหน้าปรานนท์อีกครั้ง
“นายไปได้แล้ว...เดี๋ยวลูกน้องฉันเอารถเข็นมารับ...”
“ครับ...ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ...”
“อืม...”
เขาพูดจบก็ขอตัวเดินออกไป โดยมีสายตาของปรางนรินมองตามไปอย่างไม่ละสายตา
...
วันรุ่งเช้า
เวลา 8 โมง
“มาพอดีเลย...ไปตักอาหารซิ...”
“แล้วแฟนของคุณศิวัชละครับ..?”
“กำลังลงมา...”
“...”
ปรานนท์เดินไปตักอาหารเช้าจนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็เดินกลับมาที่โต๊ะเห็นแผ่นหลังหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งข้างๆของศิวัชก็รู้สึกคุ้นๆ
“นนท์มาพอดีเลย...”
เขาเดินมาตรงหน้าเธอวางอาหารลงบนโต๊ะ หันไปมองผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของศิวัชชัดๆเต็ม 2 ตา
“นี่อ้อม...แฟนฉันเอง...”