“หนูชื่อเล่นของขวัญ ชื่อจริงครองขวัญ พี่ชื่ออะไรเหรอคะ”
น้องสาวช่างจ้อถามด้วยความอยากรู้ ก่อนจะมองหน้าสาวแว่นสลับกับพี่ชาย เธอรู้สึกว่าครองภพอารมณ์ดีกว่าช่วงก่อนหน้าที่จะเจอผู้หญิงคนนี้
“เหมือนฝันค่ะ ชื่อจริงเบญญาพร”
คนแก่กว่าครองขวัญไม่กี่ปีแนะนำตัวอย่างเคอะเขิน ปกติเธอไม่ค่อยคุยกับคนที่เพิ่งรู้จักกันเท่าไร ไม่ใช่ว่าหยิ่งแต่ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า
“น้าชื่อครองรัก ยินดีที่ได้รู้จักหนูเหมือนฝันนะจ๊ะ” มารดาของชายหนุ่มแนะนำตัวด้วยคน รู้สึกเอ็นดูเบญญาพร
ดูสิเวลานั่งข้างลูกชายแล้วเหมือนครอบครัวเดียวกันยังไงก็ไม่รู้ ท่านบอกไม่ถูกแต่ชอบบรรยากาศตอนนี้มากให้อารมณ์เหมือนกำลังทำความรู้จักกับว่าที่ลูกสะใภ้
“ส่วนผมคงไม่ต้องแนะนำ เพราะคุณรู้จักอยู่แล้ว” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท เห็นคนข้างกายแก้มแดงแล้วมันเขี้ยวอยากจะเอานิ้วไปจิ้ม
เบญญาพรแก้มแดงไม่ใช่เพราะเขินแต่เป็นเพราะโมโห ไม่เข้าใจอีตาพระเอกหน้าหยกคนนี้เลย ที่ว่างก็มีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมถึงไม่ขยับไปหน่อย แถมยังนั่งเบียดเธออีก
“คุณขยับไปหน่อยสิ”
“นึกว่าชอบอยากอยู่ใกล้พระเอกอย่างผม”
“สาวๆ คนอื่นอาจจะใช่ แต่ฝันไม่ใช่ กรุณาขยับด้วยค่ะ”
เธอชี้ไปยังจุดที่ว่างทำให้เขาต้องขยับอย่างช่วยไม่ได้ คุณครองรักกับครองขวัญหันมามองหน้ากันก่อนจะกระซิบกระซาบ รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของครองภพ
“คุณแม่คิดเหมือนขวัญไหม”
“เหมือนค่ะลูก ได้กลิ่นตุๆ ว่าไหม”
“ใช่ค่ะ” สองแม่ลูกกระซิบกันเสร็จ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สองหนุ่มสาวหันมาพอดีจึงทำเป็นพูดเรื่องอื่น
คุณครองรักเหมือนจะจำได้ว่าเบญญาพรจะไปไหนจึงเอ่ยถาม
“เมื่อกี้หนูฝันบอกว่าจะไปโรงพยาบาลไปเยี่ยมแม่ใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ แม่ประสบอุบัติเหตุ อยู่โรงพยาบาลใกล้ๆ นี้เอง”
“ผมยังไม่เคยไปเยี่ยมแม่คุณเลย ไหนๆ ก็เจอกันแล้วขอไปเยี่ยมด้วยดีกว่า”
“แม่ว่าก็ดีเหมือนกัน แม่อยากไปหาหมอ ช่วงนี้เวียนหัวบ่อย น้องขวัญเห็นด้วยไหมลูก”
“ดีค่ะ แต่ต้องถามพี่ฝันก่อน สะดวกให้เราไปเยี่ยมไหม”
“สะดวกค่ะ ไม่ได้ติดปัญหาอะไร แค่เกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจคุณ เราคนกันเอง”
ครองภพยักคิ้วให้เบญญาพรก่อนจะตักอาหารตรงหน้าใส่จานเธอ ครองขวัญกับครองรักถึงกับหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้นกับครองภพทำไมดูเอาใจใส่เบญญาพรกว่าผู้หญิงคนไหน หรือว่าสิ่งที่พวกเขาคิดจะเป็นจริง พ่อพระเอกหนุ่มรูปหล่อมีใจให้สาวแว่นหน้าซื่อ
“ขอบคุณค่ะ คุณไม้กินเถอะ เดี๋ยวฝันตักเอง” เบญญาพรเอ่ยด้วยความเกรงใจ บอกตามตรงรู้สึกไม่ชินเลยเวลาใครตักอาหารให้ตนเอง
“จานไหนตักไม่ถึงบอกผมนะ” ครองภพไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองปฏิบัติกับเบญญาพรไม่ต่างจากคนรักหรือสามีที่กำลังเอาใจภรรยา
ภาพของคนทั้งสองที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกันราวกับสนิทสนม ถูกใครบางคนผ่านมาเห็นพอดี จึงยืนกำมือกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้นใจ ก่อนจะเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเบญญาพรเงยหน้าหันมามอง
“มีอะไรเหรอคุณ” ชายหนุ่มถามหลังจากเห็นหญิงสาวเมียงมองไปข้างนอกร้านแล้วขมวดคิ้ว
“เปล่าค่ะไม่มีอะไร” เธอส่ายหน้าก่อนตอบ ผู้หญิงคนเมื่อกี้ไม่น่าจะใช่คนรู้จัก แต่ทำไมถึงคล้ายโฉมนพินผู้เป็นเจ้านาย ถ้าใช่เธอก็ต้องเข้ามาทักทายสิ เพราะคุณครองรักคือพี่สาวของสามี
โรงพยาบาล
เบญญาพรเดินนำทุกคนมาที่ห้องของมารดาอย่างไม่ชำนาญทางนัก เพราะเพิ่งมาเยี่ยมท่านเป็นครั้งที่สองหลังจากย้ายโรงพยาบาล การ์ดหน้าห้องเมื่อเห็นครองภพก็รีบค้อมตัวทำความเคารพ จากนั้นก็กลับไปยืนเฝ้าตามเดิม
“ทำไมต้องมีคนเฝ้าด้วยคะ” ครองขวัญตั้งคำถามหลังจากเดินเข้ามาอยู่ในห้องคนป่วยเรียบร้อย
โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นธุรกิจในครอบครัวของตระกูลฝั่งมารดา ระบบความปลอดภัยค่อนข้างดีแต่ทำไมถึงต้องมีคนเฝ้าหน้าห้องเธออยากรู้
“เอ่อ คือเรื่องมันยาวค่ะ” เบญญาพรไม่รู้จะตอบอย่างไร กลัวพูดไปแล้วจะหลุดเรื่องคนร้าย ครองภพส่งข้อความมาบอกตอนกินข้าวว่าครอบครัวยังไม่รู้เรื่องนี้ ขอให้เธอเงียบอย่าพูดอะไรเด็ดขาด
“เราไม่ต้องรู้หรอกน่า” ครองภพขยี้หัวน้องสาวเบาๆ นิสัยชอบถามกับขี้สงสัยเป็นมาตั้งแต่เด็ก
“แล้วลูกไม้รู้เหรอ” คราวนี้เป็นมารดาของเขาเองที่อยากรู้เหมือนกัน ท่านรู้สึกว่าบรรยากาศค่อนข้างซีเรียส มีการ์ดเฝ้าอยู่หน้าห้องต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน
“ครับ ผมเป็นคนสั่งเอง” ลูกชายโกหกแม่ไม่ได้แต่ก็ไม่อยากเล่าอะไรตอนนี้
“มีเรื่องอะไรที่แม่ยังไม่รู้ใช่ไหม” ท่านเห็นสีหน้าของลูกชายแล้วพอจะเดาได้
“ครับคุณแม่ แต่ผมยังไม่พร้อมจะเล่า”
“พี่ไม้เห็นเราเป็นคนนอกค่ะคุณแม่”
“อยากได้อะไรบอกมา กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ”
“พี่ไม้ยังไม่พร้อมจะเล่าก็ไม่ต้องเล่า เรื่องบางเรื่องมันก็พูดยากเนอะ”
“จริงๆ เลยลูกคนนี้ ลูกไม้ไม่อยากเล่าแม่ก็จะไม่คาดคั้น”
“คุณแม่น่ารักที่สุด แต่เรื่องที่มาเยี่ยมแม่ของคุณเหมือนฝันวันนี้ ผมขอร้องอย่าบอกให้ใครรู้เด็ดขาด ได้ไหมครับคุณแม่ น้องขวัญ”
“ขวัญรับปากค่ะ ขวัญจะรูดซิปปากอย่างดี”
“แม่ก็จะไม่พูดกับใครเหมือนกัน”
ครองภพจึงหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ ก่อนจะผละไปหอมแก้มน้องสาวอย่างมันเขี้ยว สองพี่น้องสนิทกันมากทำให้บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยความรัก
เบญญาพรเห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ การมีครอบครัวอบอุ่นมันเป็นยังไงเหรอ เธอไม่เคยรู้เลยเพราะมีแค่แม่เท่านั้นที่เลี้ยงดูมา ส่วนพ่อไม่รู้ว่าเป็นใครหน้าตายังไง แม่บอกว่าไม่อยากพูดถึง
จากนั้นคุณครองรักได้ถามถึงอาการของคนป่วยที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติงพร้อมกับเอ่ยให้กำลังใจเบญญาพร ท่านเชื่อว่าอีกไม่นานแม่ของเธอต้องรู้สึกตัว
“ขอบคุณมากนะคะ ฝันก็หวังว่าแม่จะตื่นขึ้นมาเร็วๆ ฝันมีแค่แม่คนเดียวเท่านั้น ชีวิตนี้ไม่มีใครอีกแล้ว”
“คุณพ่อพี่ฝันไปไหนคะ พี่น้องคนอื่น หรือว่าพี่ฝันเป็นลูกคนเดียว”
“พี่ไม่เคยเจอพ่อ ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ส่วนพี่น้องไม่เคยมี แม่ไม่แต่งงานใหม่ ถามว่าเคยมีคนมาจีบแม่ไหม ก็มีนะคะแต่แม่บอกไม่เอาอยากอยู่กับลูกสองคน ดูคนอยากอยู่กับลูกสิ นอนนิ่งมาไม่รู้กี่วันแล้ว”
“ต่อไปนี้หนูฝันจะมีพวกเราด้วย แม่ยินดีให้หนูมาเป็นลูกแม่อีกคน” คุณครองรักเอ่ยจากใจจริง รู้สึกถูกชะตากับเบญญาพรเอามากๆ ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ความมีน้ำใจของสาวแว่นทำให้ท่านเอ็นดู
“ขวัญก็ยินดีที่จะมีพี่สาวค่ะ บอกตรงๆ ขวัญถูกชะตากับพี่ฝัน” ปกติมีแต่พี่ชายถ้ามีพี่สาวเพิ่มอีกสักคนคงดีไม่น้อย
ครองขวัญส่งสายตาอ้อนวอนเพื่อให้เบญญาพรใจอ่อน
“เอ่อจะดีเหรอคะ ฝันว่าเอาตามเดิมก็ได้” เกรงใจอีกเช่นเคย ทว่าเธอเองก็ชอบคนทั้งสองเหมือนกัน มันเหมือนได้เจอคนที่คุยถูกคอ
“เอาตามนี้แหละหนูฝัน ต่อไปเรียกแม่ว่าแม่นะจ๊ะ” คนอยากมีลูกเพิ่มรีบรวบรัด
“เดี๋ยวคุณครองภพจะโกรธเอา ฝันว่า...” หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มที่กำลังอมยิ้ม กับความน่ารักของมารดาและน้องสาวรวมถึงเธอด้วย
“ลูกไม้มีปัญหาเหรอคะ ถ้าแม่จะรับหนูฝันมาเป็นลูกอีกคน”
“เชิญตามสบายครับ คุณฝันก็ตามใจคนแก่หน่อยสิ”
“ลูกไม้มาพูดว่าแม่แก่ได้ยังไง แม่ออกจะหน้าเด็ก”
“เรื่องนี้หนูเห็นด้วยค่ะคุณน้า”
“เรียกแม่เถอะ ว่าแต่แม่หน้าเด็กจริงใช่ไหมหนูฝัน”
“มากค่ะ ดูดีๆ นึกว่าพี่สาวของน้องขวัญ”
“ที่คุณแม่ดูเด็กแบบนี้ เพราะคุณแม่มีเคล็ดลับเด็ดค่ะพี่ฝัน”
“เคล็ดลับคืออะไรเหรอคะ”
“เขาคลินิกเสริมความงามทุกเดือน”
“น้องขวัญลูก”
“ไม่ต้องเขินค่ะคุณแม่ ขวัญพูดเรื่องจริง”
สองแม่ลูกแซวกันไปแซวกันมา คุณครองรักเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกเหมือนเพื่อนทำให้สนิทกับลูกมากโดยเฉพาะกับลูกสาว หลังจากเยี่ยมคนป่วยเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้าย
เบญญาพรนั่งรถไปกับครองภพตามคำสั่งของคุณครองรักที่บอกให้ลูกชายไปส่งหญิงสาวเนื่องจากฟ้าใกล้มืดแล้ว ส่วนท่านกับลูกสาวจะกลับกับคนขับรถเอง
“ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เธอชี้ไปยังบ้านเก่าหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ท้ายซอยที่ดูค่อนข้างเปลี่ยว บ้านหลังนี้เธออยู่มาตั้งแต่เด็กเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายของมารดา
“บ้านคุณดูเปลี่ยวจัง อยู่ได้จริงเหรอ” เขามองไปรอบๆ ด้วยความระแวง เพื่อนบ้านมีอยู่ไม่กี่หลังเอง ไฟบนถนนก็ดับอันตรายกับผู้หญิงตัวคนเดียวมาก
“จริงค่ะ ไม่มีอะไรแน่นอน” หญิงสาวลงจากรถก็รีบเข้าไปในบ้านเพราะอยากเข้าห้องน้ำ ทว่าเธอกลับเดินไปไม่กี่ก้าวก็ต้องตกใจเมื่อมีใครบางคนเดินมาจี้เอวด้วยวัตถุที่เป็นโลหะปลายแหลม
“เงียบ ถ้าไม่อยากตาย”