รอยรักบนรอยแค้น บทที่1.
บทที่1. ความทรงจำวัยเด็ก
เช้าวันหนึ่ง วันที่อากาศแจ่มใสที่สุดในรอบเดือน แสงแดดอ่อนของฤดูหนาวต้นเดือนธันวาคน เดือนสุดท้ายของปี หลายๆ คนกำลังวางแผนสำหรับวันหยุดยาวสิ้นปี... และหลายคนอีกเช่นกันที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรในวันหยุดยาวๆ แบบนั้น สาวๆ กลุ่มหนึ่ง ทุกคนสวยและรูปร่างดี แต่พวกหล่อนกลับยังไม่มีคนรู้ใจ เมื่อแต่ละคนกำลังสนุกกับการทำงาน หลังเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยได้ไม่กี่เดือน
“เฮ้!! วางแผนยังจะไปเที่ยวไหนกันดีจ้ะ?” พิมพิสา สาวน้อยวัย24ปี หนึ่งในสาวๆ กลุ่มนี้เอ่ยปากถาม ขณะกำลังรับประทานอาหารมื้อเที่ยงช่วงพักกลางวัน พวกเธอทั้งหมด มานั่งรับประทานอาหารในสวนหย่อมของบริษัท บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดการสื่อสารของประเทศ ทีเซ่นคอร์ปอเรชั่น!!
“แอนเธอล่ะ” แอนนา อีวานอฟ สาวสวยที่สุดในกลุ่มส่ายหน้าเบาๆ เธอเป็นลูกครึ่งไทย-รัสเซีย ที่เติบโตในประเทศไทย หลังบิดาสิ้นชีวิต มารดาแอนนาพาเธอกลับมาบ้านเกิด และเธอก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตั้งแต่บัดนั้น
“คงทำกับข้าวอร่อยๆ ให้แม่กินน่ะ ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน” ครอบครัวเล็กๆ ประกอบด้วยเธอกับมารดา บ้านหลังน้อยจากเงินส่วนที่เหลือหลังจากส่งบิดาไปหาพระเจ้าเรียบร้อย
“หูยยย... ไปเที่ยวกันมั้ย มีโปรถูกๆ เยอะแยะ ทะเลสวยน้ำใส แถมได้เหล่หนุ่มหล่อๆ ฟรี!! พวกเราน่าไปหาความสุขใส่ตัวหลังทำงานหนักมาทั้งปีกันนะ” อริสลาเอ่ยเสียงกระตือรือร้น ดวงตาใสแจ๋วแพรวพราว เมื่อคาดการณ์ล่วงหน้ากับวันหยุดแสนสนุก
“นั่นซิ... แม่เธอก็คงไปถือศิลอยู่วัดเหมือนเคย อยู่บ้านคนเดียวเหงาแย่”
ทรงสมร มารดาของแอนนาหันหน้าเข้าหาพระธรรมปฏิบัติเช่นนั้นมานานจนเพื่อนทั้งกลุ่มรับรู้
สาวลูกครึ่งเบ้ปาก เธอเกลียดวันคริสต์มาส เพราะความทรงจำวัยเด็กก่อนที่จะกลับมาอยู่เมืองไทยนั้น เป็นความทรงจำแสนเลวร้าย!!
วันอันแสนเศร้านั้น เริ่มต้นขึ้นแบบที่เธอไม่อยากนึกถึง แต่ความทรงจำนั่นตามมาหลอกหลอนเธอจวบทุกวันนี้
เธอถูกเด็กชายคนหนึ่งฉีกหน้าในวันที่ควรมีความสุข เด็กหญิงผิวขาวแก้มป่อง น่ารักน่าเอ็นดู แต่เด็กคนนั้นกลับไม่สนใจ เมื่อเขามีคนที่หมายปองอยู่ในใจแล้ว แต่เขาก็ไม่น่าฉีกหน้าเธอ ท่ามกลางเพื่อนๆ ทุกคนของเขา แอนนาจำได้ไม่มีวันลืมเด็กผู้ชายคนนั้นชื่อ... คีริว วอลคอฟ
“ใครจะไปสนเธอล่ะ จะไปไหนก็ไปป่ะ!!”
คีริวผลักอกเด็กหญิงที่เดินตามเขาต้อยๆ แล้วตวาดเสียงดัง ไม่สนใจสักนิดว่าจะอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนทั้งห้อง
เด็กน้อยยกมือขึ้นปาดผิวแก้ม เธอปัดเศษหิมะที่เกาะติดตามชายกระโปรง ก้มหน้าซ่อนความอายจากสายตาคนรอบข้าง
“น่ารำคาญที่สุด ตามอยู่ได้” เด็กชายยังคงบ่นเสียงดัง น้ำเสียงของเขาขุ่นขวาง
แอนนามองเลยไปยังตุ๊กตาหมีน้อย ตุ๊กตาที่เธออดหลับอดนอนใช้ไหมพรมถักจนเป็นรูปเป็นร่าง แม้มันจะดูไม่สวยงามเหมือนมืออาชีพทำวางขาย แต่มันคือความตั้งใจของเธอที่จะมอบให้กับคนที่ตัวเองปลื้ม
“เอาขยะน่ารังเกียจนั่นกลับไปด้วยนะ ตุ๊กตาห่าอะไรน่าเกลียดฉิบหาย!!”
เรียวปากสีสดแสยะยิ้ม เขาชะโงกหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ เสียงขุ่นขวางของคีริวดังกรอกหูเธอ เด็กหญิงคอหด รีบกระโจนคว้าตุ๊กตาตัวนั้นมากอดแนบอก ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของคนรอบตัว
“จำไว้นะยัยเด็กน่าเกลียด ฉัน-ไม่-มี-วัน-ชอบเธอ!!”
คำพูดทำร้ายจิตใจเธอตามมาอีกระลอก คำปฏิเสธที่ทำให้เธออับอายแทบเอาหน้าซุกเกล็ดหิมะ
“ไม่เจียมเลยเนอะ จ๊นจน ยังสะเออะ”
เสียงอื้ออึงรอบตัวดังสะท้อนไปสะท้อนมา แอนนากอดตุ๊กตาแน่นขึ้น เธอวิ่งหนีจากไป... แต่เสียงหัวเราะนั่นยังไล่ตามเธอมาติดๆ
“เหม่ออีกแล้ว คิดอะไรอีกล่ะ?” พิมพิสาเขย่าแขนแอนนาเบาๆ เมื่อจู่ๆ เพื่อนสาวก็นิ่งเงียบไป
“ปะ เปล่าจ้ะ แค่...” หญิงสาวรีบกลืนคำพูดกลับไปในอก เธอไม่ควรพูดความหลังเก่าๆ ความหลังที่ไม่ควรจำ มันจะพลอยทำให้เพื่อนหมดสนุกไปด้วย
อริสลาขยิบตาให้ เธอรู้ว่าแอนนากำลังคิดอะไรอยู่เพราะครั้งหนึ่งเรื่องน่าอายนั่น แอนนาเคยหลุดปากพูดให้ฟัง
พิมพิสาพยักหน้ารับรู้ เธอเสเปลี่ยนเรื่องพูด เพื่อไม่ให้การกินอาหารกร่อยลงไป เมื่อดันไปสะกิดปมในใจของเพื่อนเข้า “รู้ยัง!! บิ้กบอสสุดหล่อของเรา บินมาเมื่อคืน” หล่อนป้องปากกระซิบกระซาบเสียงแผ่วๆ พร้อมกับเงยหน้ามองยอดตึกสำนักงานฐานบัญชาการของเจ้านายสุดหล่อ... แม้จะไม่มีหวังได้เห็นโฉมหน้าบิ้กบอสเบิ้ม!! แค่ได้เห็นห้องทำงานของเขาก็พอ
“ว้ายๆ ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ โม้หรือเปล่ายะ”
เสียงวี้ดว้ายของอริสลาทำให้พนักงานคนอื่นเหลียวมามอง หล่อนจึงลดเสียงลง กระซิบเสียงแผ่วๆ “แน่ใจนะพิม เธอรู้มาจากไหน?”
นิโคไล ทีเซ่น หนุ่มหล่อนัยน์ตาชวนฝัน CEO สุดหล่อแถมโสดสนิท...ของทีเซ่นคอร์ปอเรชั่น เขาเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของมาดาม เอมิเรีย สถานะโสดสนิท... แต่สาวข้างกายเพียบ!! เป็นผู้ชายที่สาวๆ ทุกคนจับตามอง พวกหล่อนหวังในใจลึกๆ หวังว่าจะได้มีโอกาสขึ้นเตียงกับเขาสักครั้ง
“จะโม้ทำไม ข่าวล่ามาเร็ว...ฉันได้ยินแม่บ้านซุบซิบกัน ก่อนมากินข้าวเนี้ยะ”
พิมพิสาป้องปากซ้ำ ทำตาประหลำประเหลือก เมื่อเพื่อนในกลุ่มไม่ยอมเชื่อ
“หูย...จะได้มีโอกาสเจอหน้ากันมั้ยล่ะ?” อริสลายกมือกุมที่หว่างอก เธอเบ้ปาก ทำตาสลด เพราะความฝันของสาวๆ ส่วนใหญ่อยากพบเจอตัวเป็นๆ ของนิโคไลแทบทั้งนั้น...
“พอเลยๆ นั่นนะเทวดา ส่วนเธอน่ะ...” แอนนายกมือขึ้นจิ้มกลางหน้าผากอริสลา “หมาวัด!!” หญิงสาวพูดต่อ พร้อมกับฉีกยิ้มแป้น
สองสาวที่เหลือหันมาสะบัดค้อนให้ ความเป็นจริงเธอรู้อยู่แก่ใจ นิโคไลไม่แลพวกเธอให้เสียสายตา เมื่อแต่ละคนเป็นแค่ฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในองค์กรใหญ่ของเขา หาใช่เซเลปสวยสะคราญ หรือสาวสังคมไฮโซที่เขาควงคู่อยู่ข้างกาย
“ก็รู้ยะ แต่มันก็อดหวังไม่ได้หรอก หากหลวมตัวมาซบอกฉันน่ะ... ฉันจะทำทุกทางให้เขาขาดฉันไม่ได้”
อริสลายกมือขึ้นกุมระหว่างอก ทำนัยน์ตาเคลิ้มฝัน เพราะหากพ่อหนุ่มสุดหล่อชายตาแล เธอคงอ่อนเป็นขี้ผึ้งรนไฟ พร้อมที่จะหลอมละลายในอ้อมกอดของเขา
“เหรอออออ...ตื่นๆ ยัยป้า!!” แอนนาปรบมือดังๆ เธอทำเสียงแหลมๆ เพื่อปลุกให้เพื่อนตื่นจากฝัน
“เซ็งยัยนี่จัง เนอะพิมเนอะ” อริสลาหันไปหาพวก หล่อนย่นปลายจมูกให้แอนนา
“ความฝันน่ะแอน ถึงมันจะจับต้องไม่ได้ แต่มันก็ทำให้สุขใจนะ” พิมพิสาสาวอารมณ์ดี เธอมองโลกในแง่ดี ทุกสิ่งรอบตัวเป็นสีสันสดใส เมื่อเธอเติบโตมาท่ามกลางความอบอุ่นในครอบครัว
“จ้า... ฝันกันไปเถอะ แอนขอบาย” แอนนารวบรวมถุงใส่อาหาร เธอเดินไปหย่อนลงในถังขยะไม่ไกล ตัดบทสนทนาที่อาจจะเกินเลยไปไกล เมื่อสาวใสตรงหน้า ไม่ยอมหยุดพูดถึงหนุ่มเสน่ห์แรงคนนั้นสักที
“ชิ้ว!!”
นิโคไลยกมือขึ้นขยี้ปลายจมูก เขาจามสุดแรง รู้สึกคันยิบๆ ในโพรงจมูก เหมือนมีแมลงตัวเล็กๆ ไต่อยู่ตรงนั้น
“เฮ้!! สาวที่ไหนบ่นถึงวะ?” คีริวมองเพื่อนผ่านหนังสือพิมพ์ เขาลดกระดาษแผ่นใหญ่ลง จ้องตาเขม็งแทนคำถาม
“มันเรื่องปกติหรือเปล่าวะ... นี่ใคร?” หนุ่มสุดฮอตชี้ปลายนิ้วเข้าหาตัว เขาเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ เอนหลังพิงพนักโซฟา พร้อมกับหลุบเปลือกตาลง
“เอ่อ...รู้แล้ว คุณมันหนุ่มสุดฮอต สาวๆ บ่นถึงเป็นเรื่องธรรมดา” ชายหนุ่มพับกระดาษหนังสือพิมพ์ โยนไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ ด้านหน้า หันมามองเพื่อนรัก เรียวคิ้วขมวดแน่น “ใครทำให้คุณหมดแรงล่ะคราวนี้?” คำถามที่มาพร้อมกับเสียงกลั้วหัวเราะ
“ทายสิ!!” นิโคไลไหวไหล่ เขากระตุกยิ้ม ไม่ได้ตอบ แต่ถามกลับ
“ขี้เกียจทายว่ะ แต่ถ้าจะให้เดา คงไม่พ้นเมลิสาใช่ป่ะ?”
ชายหนุ่มดันตัวขึ้นยืน เขาไปหยุดหน้าตู้เย็นหลังเล็ก เอื้อมมือเปิด พร้อมกับมองหาเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ตัวเอง