บทที่ 5

2181 คำ
[04.00 น.] แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าโบยบิน ฉันกำลังโบยบินอย่างสนุกบนท้องฟ้า เขาเลื่อนสายตาขึ้นมามองฉันก่อนจะยิ้มออกมา หมอชัยย์กลับขึ้นมาคร่อมร่างฉันอีกครั้ง เขาประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ฉันไม่รู้ว่านี่เรียกจูบดุไหม แต่ฉันรู้สึกว่ามันโคตรจะดุเลย มือหนาของเขาเลื่อนมาบีบเคล้นหน้าอกของฉัน เขาถอนริมฝีปากออก “พร้อมนะ” เขาเอ่ยถามฉัน ฉันพยักหน้าตอบรับแทบจะทันควัน ฉันอยากจะโบยบินของจริงแล้ว ฉันมองไปที่จุดเชื่อมของเรา มือหนาของเขาจับที่แก่นกายขนาดใหญ่ มันใหญ่จนฉันนึกกลัวขึ้นมา แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงถอยไม่ทัน ฉันไม่รู้ว่าเขาใส่ถุงยางหรือยัง แต่เขาน่าจะใส่แล้ว เขาจับมันชักรูดขึ้นลงอย่างสองสามครั้ง ก่อนที่เอามามาจ่อที่ร่องรักฉัน ร่องรักของฉันมันฉ่ำมากจากน้ำรักที่เขาทำให้ เขาดันแก่นกายของตัวเองเข้าอย่างช้า ๆ “จะ…เจ็บ” ฉันเอ่ยบอกเขาทันทีที่แก่นกายของเขาเข้ามาได้ครึ่งลำ เนื้อเยื่อของฉันมันกำลังขาดออก ฉันอ้าขาออกกว้างขึ้น ก่อนที่เขาจะจับเรียวขาของฉันพาดไว้ที่บ่าของเขา “อีกนิดนะ น้ำผึ้ง” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่า คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น ฉันได้ยินเสียงของเขาขบกรามดังกรอด เขากำลังเจ็บปวดเช่นกันฉันรับรู้ได้ ตอนนี้ฉันตอบคำถามตัวเองได้แล้วว่า ครั้งแรกเจ็บไหม มันเจ็บสุด ๆ ไปเลย และทันใดนั้น ปึก! “กรี๊ด” ฉันกรีดร้องทันทีที่เขาดันมันเข้ามาได้สุดลำ “อื้ม” เสียงครางต่ำออกมาจากลำคอหนา เหมือนเขาจะปวดเหมือนกันนะ “แน่นเกินไปผึ้ง ผ่อนคลายหน่อยสิ” เขาเอ่ยบอกฉันเสียงลอดไรฟัน “เจ็บบ” ฉันบอกเขา เขารับรู้ได้ถึงความเจ็บของฉัน มือหนาเลื่อนไปที่จุดเสียวก่อนจะใช้นิ้วบดขยี้เพื่อให้ฉันผ่อนคลาย แล้วเขาก็ทำสำเร็จตอนนี้ฉันเริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้างแล้ว “ขยับแล้วนะ” เขาเอ่ยบอกฉันพร้อมกับเริ่มขยับเข้าออกอย่างเนิบนาบ มันช้าแต่กลับนุ่มนวล เขาทำมันอย่างอ่อนโยน แต่เหมือนจะอ่อนโยนได้ไม่นาน เขาก็กระแทกเข้าแรงขึ้น แรงขึ้น จนฉันทนความเสียวไม่ไหวร้องครางมันออกมาตามจังหวะ “อ๊ะ อ๊ะ อะ…” ตอนนี้ความเจ็บไม่หลงเหลืออีกแล้ว เขากระแทกเข้ามาอย่างถี่ยิบ ฉันเสียว เสียวไปหมดเลย ร่างของฉันมันโยกคลอนตามแรงกระแทกของเขา “อืม” เขาครางเสียงต่ำ เหมือนกับพึงพอใจเป็นอย่างมาก ตับ! ตับ! ตับ! ตับ! เสียงเนื้อของเรากระทบกันตามจังหวะ พร้อม ๆ กับเสียงเตียงที่ดังขึ้นเหมือนมันจะหัก “ร่องเธอโคตรแน่น” เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่อายฟ้าอายดิน ในขณะที่ยังคงกระแทกเข้าไม่หยุด “อ๊ะ อะ ฉันจุก” ฉันเอ่ยปากบอกเขาออกไปพร้อมกับเสียงครางที่ดังออกมา “งั้นเหรอ” เหมือนเขาจะแคร์คำพูดฉัน เขาผ่อนแรงลง พร้อมกับจับขาฉันออกจากบ่าหนา มือหนาของเขาจับตัวฉันพลิกเปลี่ยนท่าทั้ง ๆ ที่เขากระแทกเข้ามาไม่หยุด เขาทำมันอย่างรวดเร็วและชำนาญการมากจนฉันได้แต่ตกใจ ตอนนี้ฉันอยู่ในท่าคลาน แล้วเขายังคงกระแทกเข้ามา “ยังจุกอยู่ไหม” เขาเอ่ยถามฉัน “มะ มะ ไม่แล้ว” ฉันตอบแทบไม่เป็นเสียง ทันใดนั้นเขาก็รัวจังหวะเข้าอย่างกับยิงปืนกล ฉันบิดเร้าให้กับความเสียว และในที่สุด ในตอนนี้อารมณ์ของฉันมันกำลังพุ่งขึ้นมา ก่อนที่ฉันจะกระตุกเกร็งจนตัวงอพร้อมกับน้ำรักของฉันที่มันไหลเยิ้มออกไปจนฉันสัมผัสได้ เหมือนว่าเขากำลังจะตามฉันมา เขายังคงรัวจังหวะเข้าอย่างหนักหน่วง มันเร็วจนฉันหายใจหอบเหนื่อย “อ่าห์!!…” เขาร้องออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะเข้ากระแทกอย่างหนักหนึ่งครั้งเหมือนกำลังจะปล่อยน้ำรักออกมา และฉันก็รับรู้ถึงน้ำรักนั่น ซึ่งมันทำให้ฉันตกใจมาก ปึก!! “นะ นายไม่ได้ป้องกัน!!!” [06.00 น.] “นะ นายไม่ได้ป้องกัน!!!” เพิ่งรู้หรอกเหรอ น้ำผึ้งเหมือนจะพยายามขยับหนี แต่ผมเอื้อมมือไปรั้งเอวบางไว้ รอบเดียวเองอะ ผมยังไม่เหนื่อยเลยนะ “ปะ ปล่อย” เธอพูดเสียงสั่น ในขณะที่ผมเริ่มขยับเข้าออกอีกรอบ ผมกระแทกเข้าร่องรักเธออย่างเนิบนาบ “อะ อะ อ่าา” เธอยังคงร้องครางอย่างต่อเนื่อง ผมโน้มตัวลงไปหาแผ่นหลังก่อนจะพรมจูบ และเลื่อนไปที่ซอกคอทางด้านหลัง ไรขนอ่อนของเธอลุกชันขึ้น ผมยังคงขยับเข้าออกเป็นจังหวะ ผมเอื้อมมือไปบีบเคล้นหน้าอกของเธอ เพื่อให้มันหยุดกระเพื่อมตามแรงที่ผมกระแทก “อื้ม” ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เธอทำหน้ายังไง ผมเริ่มอยากจะเห็นใบหน้าของเธอซะแล้วว่าจะเซ็กซี่แค่ไหน ผมเลื่อนใบหน้าไปที่หลังใบหู เธอหันหน้ามาหาผม ผมอาศัยจังหวะนั้นฉกริมฝีปากเธอทันที ผมทั้งจูบทั้งดูด เธอจูบกลับอย่างคนไม่ยอมแพ้เช่นกัน ผับ! ผับ! ผับ! เสียงเนื้อกระทบกันของเรายังคงดังอย่างต่อเนื่อง ผมถอนจูบเธอ “เปลี่ยนท่านะ” ผมเอ่ยบอกเธอข้างใบหู เธอไม่ได้ตอบอะไร เพราะมัวแต่ร้องคราง “ซีด~” ผมครางเสียวออกมาขณะที่จับเธอพลิกตัวเธอกลับมา ตอนนี้ผมเห็นใบหน้าเธอแล้ว ใบหน้าเธอหยาดเยิ้มไปด้วยไฟสวาท ตัวเธอโยกตามแรงที่ผมกระแทก บอกเลยว่ารอบสองของเราผมอึดแน่ ผมโน้มใบหน้าไปพรมจูบเธอที่หน้าผากอย่างเอ็นดู ก่อนจะยื่นแขนไปโอบแผ่นหลังของเธอออกแรงยกตัวเธอขึ้น ตอนนี้เธออยู่บนตักผม เหมือนเธอจะรู้งาน เธอเริ่มยกตัวเองขย่มผมแทน “อ่า” ผมร้องออกมาอย่างอดกลั้น เธอขย่มผมช้าไป มันเนิบนาบซะจนผมทนไม่ไหว ผมขยับตัวพร้อมกับคนในตักให้ลงไปยืนข้างเตียง ตัวเธออ่อนยวบ เหมือนคนจะหมดแรง ผมออกแรงดันตัวเธอไปชิดผนัง ช่วงล่างของเรายังคงเชื่อมกันอยู่ ผมทำมันอย่างรวดเร็ว “กอดคอผมไว้นะ” ผมเอ่ยบอกร่างบาง เธอทำตามอย่างว่าง่าย ผมใช้แขนข้างหนึ่งยกเรียวขาของเธอขึ้นข้างหนึ่ง ตอนนี้เรากำลังอยู่ในท่ายืน “อื้ม” เธอยังคงครางออกมา ตอนนี้ผมเริ่มกระแทกเข้าออกอีกครั้งอย่างช้า ๆ “ระ เร็ว ทำ เร็ว ๆ เสียวไม่ไหวแล้วว” เธอเอ่ยบอกผมเหมือนกำลังจะทนไม่ไหว ใกล้แล้วสินะ ผมออกแรงกระแทกเข้าออกอย่างแรง จนตัวเธอสั่นคลอน ผมใช้มืออีกข้างรั้งตัวเธอไว้ ไม่ให้เสียหลักล้ม ผมกระแทกเข้าอย่างแรง แรงขึ้น แรงขึ้นอีก “อะ อะ อะ อ่า~” เหมือนว่าเธอใกล้จะถึงฝั่งแล้ว ผมออกแรงเร่งจังหวะเพิ่มมากขึ้น จนในที่สุด “อ่า~” เธอร้องครางออกมาสุดเสียง ก่อนที่ตัวเธอจะกระตุกอีกครั้ง น้ำรักของเธอกำลังไหลเยิ้มไปตามแรงโน้มถ่วง อาบแก่นกายของผมจนรู้สึกว่ามันลื่นขึ้นมาก “ตาผมแล้วนะ” ผมเอ่ยบอกร่างบางในขณะที่ใช้ใบหน้าฝังเข้าที่ไหล่เธอ ไม่รอให้เธอได้พูดอะไร ผมยกขาข้างหนึ่งของเธอให้กระชับมากขึ้น ก่อนจะออกแรงรัวจังหวะเข้า เหมือนกับยิงปืนกล “อื้อออ โคตรแน่นเลย” มันแน่นจนผมต้องออกแรงมากขึ้น กระแทกแรงมากขึ้น ถี่ยิบ ตัวเธอสั่นคลอน บิดเร้าไปมาอย่างสุดเสียง และในที่สุด “อ่าห์” ผมคำรามเสียงดังลั่น ก่อนที่จะกระตุกปล่อยน้ำรักออกมา ผมกระแทกเข้าลึก ให้ลึกที่สุดอีกครั้ง น้ำรักของผมพุ่งออกอย่างแรง ผมยังคงแช่ไว้อยู่อย่างนั้น “พะ พอแล้ว” น้ำผึ้งเอ่ยบอกผมเสียงสั่นเครือ เธอคงเหนื่อยมาก ทันใดนั้นเอง กริ่ง กริ่งงง เสียงนาฬิกาปลุกผมดังขึ้นบอกเวลาว่าผมควรจะตื่นเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน แต่ให้ตายเถอะผมยังไม่ได้นอนเลย “เดี๋ยวผมอาบน้ำให้นะ” ผมเอ่ยบอกร่างเล็กที่สลบเหมือดอยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะออกแรงยกเธอพาดบ่าเดินไปห้องน้ำ ‘อีกรอบดีกว่ายังคงพอมีเวลา’ ผมคิดในใจพลางยิ้มออกมาอย่างมีความสุข 2 วันต่อมา... [12.00 น.] @ตึกศัลยกรรม “เฮ้ออ หายหัวไปไหนนะ” ฉันถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านแล้วมั้ง ตั้งแต่เรื่องวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย แต่เอ๊ะฉันจะถามหาเขาทำไมกัน ตอนนี้ฉันกำลังจะเดินไปตึกศัลยกรรม ไม่ต้องคิดเลยนะว่าฉันจะไปหาเขา ฉันจะไปหาพัชต่างหาก ตั้งแต่รูู้ว่าเขามาทำงานที่นี่ฉันยังไม่ได้ไปหาเขาเลย พัชเขาเป็นเพื่อนฉัน ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องให้ต้องตัดขาดกัน แต่ฉันก็ยังคงเห็นเขาเป็นเพื่อนเสมอ เพื่อนก็คือเพื่อนอะเนอะ “ชวนไปกินข้าวด้วยดีกว่า” ฉันพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้ฉันยังไม่มีเพื่อนไปกินข้าวเพราะญดาโดนพักงานอยู่ ฉันไม่ชอบกินข้าวคนเดียวนะ มันเหงาแปลก ๆ ฉันกำลังเดินอยู่ชั้นหนึ่ง เพื่อจะไปขึ้นลิฟต์ แต่แล้ว ครืดดด~~ ครืดด ~~ เสียงรถเข็นอะไรสักอย่างดังขึ้นทำให้ฉันหยุดชะงัก ก่อนจะหมุนตัวเพื่อหันหลังไปมอง เพราะเสียงมันดังมาก “หลีกทางให้ด้วยค่ะ” เสียงพยาบาลสาวสวยคนหนึ่งดังขึ้นเพื่อบอกให้คนแถวนั้นหลีกทางให้ ทันทีที่ผู้คนเริ่มหลบทางให้ ฉันจึงเริ่มมองเห็นว่าเขากำลังเข็นผู้ป่วยคนหนึ่งด้วยความเร่งรีบ แต่บนเตียงนั้นกลับไม่ได้มีแค่ผู้ป่วย “นั่นมันหมอ...” เตียงผู้ป่วยกำลังเคลื่อนตัวมาหาฉันอย่างรวดเร็ว ฉันมองเห็นหมอชัยย์กำลังนั่งคร่อมตัวผู้ป่วยอยู่ พร้อมกับปั๊มหัวใจไปด้วย สีหน้าของเขามันดูจริงมากกว่าทุกครั้งที่ฉันเคยเห็น ฉันไม่เคยเห็นเขาจริงจังขนาดนี้มาก่อน ใบหน้าหล่อมีเส้นเลือดปูดขึ้นที่หางคิ้ว คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มใบหน้าของเขา พยาบาลจำนวนมากวิ่งตามเตียงผู้ป่วย พวกเขาคงมุ่งไปที่ห้องผ่าตัดสินะ มันเหมือนกับภาพสโลโมชัน เขาดูเท่มากเลย ครืดด~ ครืดด~ เตียงผู้ป่วย เคลื่อนตัวผ่านฉันอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่ฉันจะได้มองหน้าเขาให้เต็มตา เหมือนเขาจะมองไม่เห็นฉันนะ หึ ไม่เจอกันนานเลยนะ ฉันแค่นหัวเราะออกมา มันเหมือนกับว่าฉันโดนผู้ชาย***แล้วทิ้งเลย เขาหายหน้าไป ไม่โผล่มาแม้กระทั่งบ้านพักของเขา เขาไม่กลับบ้านพักเลย ความรู้สึกนี้มันยังไงกัน ฉันรู้สึกเศร้าแต่เหมือนกับว่าไม่ได้เศร้า เรื่องของฉันกับเขามันไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไร แต่กลับเป็นฉันเองที่โหยหาสัมผัสจากเขา ฉันส่ายหัวไปมาเพื่อสลัดความคิดเฮงซวยนั้นออกไป @ห้องผ่าตัด “คุณหมอคะ พ่อหนูมีโอกาสรอดกี่เปอร์เซ็นต์คะ” เสียงเล็กแหลมของเด็กหญิงคนหนึ่งเอ่ยถามผมหน้าห้องผ่าตัด “หือออ เอาเป็นว่าเรามาภาวนาให้คนไข้ผ่าตัดผ่านไปด้วยดี...ดีกว่านะ” ผมนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กหญิงคนหนึ่ง เธอน่าจะเป็นลูกสาวของคนป่วยนะ เราไม่ได้ถูกสอนให้บอกญาติคนไข้เป็นเปอร์เซ็นต์รอดเท่านั้นเท่านี้ มันเหมือนกับเป็นการให้ความหวัง แต่แพทย์หลายคนก็ชอบบอกนะ เพราะมันจะทำให้ญาติคนไข้ใจชื้นขึ้นมา แต่ผมไม่เคยบอกเป็นเปอร์เซ็นต์การรอดหรอกนะ เพราะถ้าได้เข้าห้องผ่าตัดแล้ว ความเป็นความตายเท่ากัน ถึงแม้จะมีเคสที่ง่ายมากยังไงก็รอด แต่ถ้าเราทำผิดพลาด แล้วเราดันไปบอกญาติคนไข้ก่อนหน้าว่ารอด 99% ไปแล้วล่ะ ถึงตอนแจ้งญาติว่าคนไข้เสียชีวิตคนเหล่านั้นจะรู้สึกยังไง จริงไหม? “พ่อหนูต้องรอดใช่ไหมคะ” หนูน้อยยังเอ่ยถามผมไม่หยุด ผมยิ้มให้เธอ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอเบา ๆ “เดี๋ยวพี่หมอไปหาคุณพ่อก่อนนะ” ผมบอกเธอก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องผ่าตัดไป โดยไม่ได้หันหลังไปมองเด็กน้อยอีกเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม