หัวใจของธารน้ำแตกละเอียดย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี แม้หัวใจของเธอจะรักและมั่นคงต่อพระเพลิงคนเดียวแต่มันก็ดูเหมือนว่ามันจะไร้ความหมายในสายตาของเขา ตลอดเวลาเกือบสี่ปีที่ผ่านมาชีวิตรอบกายของชายหนุ่มมักจะมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาวุ่นวายอยู่ตลอด เธอจับได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นมาแล้วก็หลายครั้งให้โอกาสกันมาแล้วก็หลายหน หรือเพราะว่าการที่เธอให้อภัยเขาอย่างง่าย ๆ มันจึงทำให้พระเพลิงไม่เคยเห็นคุณค่าของเธอ
ปึก
"ไปไหนครับ"
"บ้าน สิวานนท์ค่ะ"ธารน้ำบอกกับคนขับแท็กซี่ก่อนที่เธอจะหันหน้ามองออกไปยังนอกหน้าต่าง น้ำตาบนใบหน้าสวยเหือดแห้งตั้งแต่ตอนนั้นและมันก็ไม่ได้ไหลออกมาอีกเลย แม้หัวใจในตอนนี้ของธารน้ำจะแตกย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี แต่เธอก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็นเป็นอันขาด
บรืน
ใช้เวลาในการเดินทางร่วมชั่วโมงธารน้ำก็เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า หญิงสาวก้าวขาลงจากรถแท็กซี่หลังจากจ่ายเงินเสร็จ หญิงสาวในชุดนักศึกษาเงยหน้ามองบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยอยู่มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กด้วยความรักและคิดถึง บ้านของมารดาที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย นับตั้งแต่แม่ของเธอจากไปจากบ้านหลังใหญ่ที่ยังคงความสวยเอาไว้ตอนนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากบ้านร้างหลังหนึ่งซึ่งยังคงความใหญ่โตแต่ไร้ซึ่งความสวยเหมือนเมื่อก่อน
หญิงสาวเปิดประตูรั้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่คิดจะเกรงกลัวสองแม่ลูกมหาภัยที่คงอยู่ด้านใน ถ้าหากบิดาไม่โทรเรียกเธอให้เข้ามาหาคนอย่างธารน้ำก็ไม่จำเป็นที่จะต้องก้าวขาเข้ามาในที่แห่งนี้
"กว่าจะเสนอหน้ามาได้นะคะพี่ธารน้ำ มัวไปอ่อยผู้ชายคนไหนอยู่เหรอคะคุณพ่อโทรเรียกตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ"เสียงจิกกัดจากลูกติดของแม่เลี้ยงดังขึ้นทันทีเมื่อธารน้ำก้าวขามาภายในบ้าน ก่อนร่างสวยในชุดนักศึกษาจากมหาลัยเดียวกันกับธารน้ำจะก้าวขาออกมาเผชิญหน้า
"แล้วมันธุระกงการอะไรของเธอไม่ทราบ ที่นี่มันก็เป็นบ้านของฉัน ฉันจะมาตอนไหนก็ได้"ธารน้ำตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกัน
"มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของขิมหรอกค่ะ เพียงแต่ขิมอยากให้พี่ธารน้ำดูเป็นลูกที่ดีในสายตาของคุณพ่อบ้างก็แค่นั้น แล้วนั่นทำไมไม่ขับรถที่พี่เพลิงซื้อให้เป็นของขวัญมาล่ะคะ นั่งแท็กซี่มาทำไม"
"..."
"หรือว่าคนที่ซื้อให้จะยึดกลับไปแล้ว คิ"
"ฉันพึ่งรู้นะว่าเธอก็เป็นคนที่คอยให้ความสนใจกับเรื่องของชาวบ้านเหมือนกัน มิน่าถึงได้รู้เห็นเรื่องของฉันดีกว่าใคร ๆ "
"นี่แกหาว่าฉันเสือกเรื่องของแกอย่างนั้นเหรอฮะ"เขมจิรา หรือ สายขิม โวยวายออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับอย่างไม่คิดจะไว้หน้า ใบหน้าสวยที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางราคาแพงของเขมจิราแดงก่ำด้วยความโกรธดวงตากลมโตมองอีกฝ่ายอย่างคิดจะเอาเรื่อง
"ที่ฉันมาที่นี่ไม่ได้เพื่อจะมาทะเลาะกับพวกคางคกขึ้นวอแบบแก คุณพ่ออยู่ไหน"
"แล้วทำไมฉันต้องบอก หึ พวกคาคกขึ้นวออย่างนั้นเหรอ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าพวกที่ไม่มีหัวนอนปลายเท่าอย่างแกตอนนี้แหละสายน้ำ"
"..."
"จากคุณหนูผู้สูงศักดิ์ กลายเป็นคนไม่มีที่ซุกหัวนอน ต้องไปเช่าห้องเท่ารูหนูอาศัยอยู่ ถ้าคนอย่างแกไม่ได้คบกับพี่พระเพลิงของฉันก็อย่าหวังว่าจะได้มีสภาพชีวิตที่ดีเหมือนอยู่ทุกวันนี้"
"เฮอะ พี่พระเพลิงของฉันอย่างนั้นเหรอ"ธารน้ำส่งเสียงในลำคอพลางกวาดสายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท่า
"ผัวฉันไปเอาเธอทำเมียตั้งแต่ตอนไหนเหรอสายขิม หรือว่าที่พูดออกมาคือทึกทักมโนเอาเองว่าเคยได้เสียกับผู้ชายของฉันจนเลื่อนขั้นเป็นผัวเมียกันแล้ว"
"แก นังธารน้ำ"
"หึ ถึงผู้ชายอย่างพระเพลิงจะเจ้าชู้ แต่ผู้ชายเจ้าอยู่อย่างพระเพลิงเขาเลือกกินนะ"
"..."
"ไม่นิยมกินอาหารจานด่วนหรือจำพวกอาหารข้างทางหรอกนะ เขากินไม่ได้หรอกมันสกปรกไม่ได้สะอาดหรือดูดีเหมือนกับป้ายที่ติดเอาไว้ที่หน้าร้าน"
กรี๊ด
เสียงกรีดร้องจากปากของสายขิมดังขึ้น ความโกรธแค้นตีขึ้นแสกหน้าทันทีที่ธารน้ำพูดจบ
"นี่แกด่าว่าฉันเป็นกะหรี่อย่างนั้นเหรอฮะ"
"ฉันเปล่านะ อุ๊บ หรือว่ามีคำพูดไหนของฉันที่ทำให้เธอคิดไปแบบนั้น"ริมฝีปากสวยระบายยิ้มออกมาซึ่งดูเหมือนการยิ้มเยาะเย้ยอีกฝ่าย ซึ่งมันกระตุ้นทำให้สายขิมสติแตกหมายจะพุ่งเข้าไปจัดการธารน้ำ
"เสียงดังเอะอะโวยวายอะไรกัน"เสียงระฆังที่ดังขึ้นทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างหยุดชะงักเมื่อประมุขของบ้านอย่างคุณ เอกรินทร์ ก้าวขาลงบันไดโดยมีภรรยาคนใหม่อย่างคุณมธุรสคอยโอบแขนของสามีอยู่ไม่ห่างกาย
สายขิมลดระดับฝ่ามือแนบลงกับลำตัวจากใบหน้าเกรี้ยวกราดในเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งทำราวกับว่าเมื่อครู่ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจนชายหญิงวัยกลางคนเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวทั้งสองคนในชุดนักศึกษา
"พ่อถามว่ามีอะไรเกิดขึ้น"
"เปล่า"
"ไม่ได้มีอะไรค่ะคุณพ่อ"สายขิมรีบวิ่งเข้าไปเกาะแขนอีกข้างของคุณเอกรินทร์ บทบาทของลูกเลี้ยงผู้แสนดีดูเรียบร้อยได้เริ่มขึ้นมาทันที
"หนูแค่มายืนต้อนรับและทักทายพี่ธารน้ำ ไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ"
"แต่พ่อได้ยินเสียงกรี๊ด"
"หนูกรี๊ดเองแหละ"ธารน้ำโพล่งขึ้นทำให้สายตาของทั้งสามจับจ้องมาที่เธอ
"พอดีเห็นแมลงสาบบินผ่านหน้า หน้าตาของมันดูน่ากลัวดูน่าขยะแขยงขอโทษนะคะถ้าหนูส่งเสียงรบกวน"อีกฝ่ายพูดออกมาราวกับว่าไม่สะทกอะไรแต่สายตาคู่สวยเหลือบหันไปมองหน้าลูกเลี้ยงของบิดาซึ่งกำลังมองมาที่เธอด้วยความไม่พึงพอใจ
"ว่าแต่คุณพ่อเรียกหนูมามีธุระอะไรเหรอคะ"ธารน้ำถามเข้าประเด็นสำคัญเพราะเธอไม่อยากอยู่ที่นี่เป็นเวลานานเพราะดูจากสายตาของสองแม่ลูกคู่นี่แล้วคงอยากให้เธออยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว
"ตามพ่อมา"ทั้งสี่ก้าวขาเข้าไปในห้องรับแขก แม่บ้านที่มาใหม่สองคนรีบเอาน้ำมาเสิร์ฟให้กับผู้เป็นนายก่อนจะเดินออกไป
"เดินทางมาเหนื่อย ๆ ดื่มน้ำก่อนสิ"
"พ่อมีธุระอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ หนูรีบจะกลับไปอ่านหนังสือสอบต่อ"
"พ่ออยากให้แกแต่งงาน"คำพูดของบิดาทำให้ธารน้ำเบิกตากว้างมองหน้าท่านอย่างไม่เชื่อสายตา
"พ่อว่าอะไรนะ"
"เรียนจบแล้วพ่อจะให้แกแต่งงานกับผู้ชายที่พ่อเลือกให้"ธารน้ำลุกขึ้นยืนจ้องหน้าบิดาผู้ให้กำเนิดด้วยความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
"นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกนะคะ หนูไม่แต่ง"
"แต่แกต้องแต่ง"คุณเอกรินทร์ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับลูกสาวของตัวเองอย่างไม่คิดจะยินยอม
"ทำไมหนูต้องทำตามคำสั่งของพ่อด้วย การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคะ"ยิ่งเธอจะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าแล้วด้วยใครจะไปยอมทำตามกัน
"ที่พ่อเรียกแกมาในวันนี้ไม่ได้เรียกให้แกมายืนเถียงพ่อแบบนี้ พ่อสั่งให้แกทำอะไรแกก็ต้องทำ เข้าใจไหม"
"หนูไม่เข้าใจ หนูไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นหนูทำไมถึงไม่เป็นลูกรักของพ่อล่ะ"
"หนูไม่แต่งนะคะคุณพ่อ หนูยังเรียนไม่จบ"สายขิมรีบส่ายหน้าปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสั่นเครือทันที
"พ่อคิดดีแล้วธารน้ำ แกจะต้องแต่งงานกับคุณอัคนีทันทีเมื่อแกเรียนจบ"
"ไม่"ธารน้ำหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายไหล่เตรียมจะเดินออกไป แต่คำพูดของผู้เป็นพ่อในประโยคถัดไปทำให้เรียวขาทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที
"ถ้าแกอยากให้บริษัทกับบ้านที่แม่ของแกรักนักรักหนาถูกยึดไปก็เอาสิ เดินออกจากบ้านหลังนี้ไปเลยนังลูกไม่รักดี"
"พะ...พ่อว่าอะไรนะ"ธารน้ำหมุนตัวหันกลับมามองหน้าบิดาพลางเปล่งเสียงสั่นเครือถามท่านออกไป
"บริษัทกับบ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึดถ้าแกไม่ยอมทำตามคำสั่งของฉัน"
"..."
"แต่งงานกับคุณอัคนีซะธารน้ำ ใช้ร่างกายของแกเพื่อแลกบริษัทและบ้านของแม่แกกลับคืนมา"น้ำเสียงเยียบเย็นถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากของบิดา แต่ทว่ามันกลับเย็นเฉียบไปถึงขั้วหัวใจของคนฟังอย่างเธอ แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยืนแทบจะไม่เหลือริมฝีปากสวยแห่งผากยากจะกลับมาชุ่มชื้นเหมือนเก่า
"ถ้าแกยังเห็นแก่แม่ของแกที่ตายไป ก็แต่งงานตามที่ฉันสั่งเข้าใจไหม"
"หนูขอเวลาคิด..."
"ไม่มี"
"..."
"เวลาสำหรับแกมันไม่มีอีกต่อไป เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีวันมะรืนฉันจะพาแกไปพบกับคุณอัคนี"