ท่านภพธรมองหน้าลูกสาวอย่างอึ้งไป นี่เปิดตัวแรงมากแถมยังดูไม่เกรงกลัวใครอีก ก็สมกับเป็นลูกชายของคุณณเรศ ในวงการธุรกิจไม่มีใครไม่รู้จักเขาหรอก ตระกูลมหาเศรษฐีฐานะร่ำรวยติดอันดับของประเทศ มีอิทธิพลในวงการธุรกิจมากพอตัว
"น้ำหวาน คนนี้พี่ชายของเพื่อนหนูรึเปล่า"
คุณแม่เอ่ยกระซิบเสียงเบา หญิงสาวพยักหน้าตอบรับก่อนจะกระซิบกระซาบคุยกันสองคน
"ใช่ค่ะแม่เป็นพี่ชายของน้องดาค่ะ แต่ว่าพี่เขายังไม่รู้ว่าน้ำหวานเป็นเพื่อนน้องสาวเค้า เราเจอกันล่าสุดตอนหนูเรียนมหาวิทยาลัยแล้วค่ะหลังจากนั้นไม่ค่อยเจอ เขาจำหนูไม่ได้ค่ะ"
"งั้นนี่เอง เค้าจีบหนูเหรอ"
"คงงั้นมั่งคะแม่"
น้ำหวานเอ่ยออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าคุณพ่อที่ดูมีคำถามมากมายเต็มใบหน้าไปหมด ท่านหันไปหาดัชกรก่อนจะเอ่ยชวนมานั่งทานข้าวด้วยกัน
"ไหนๆก็มาแล้วทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนมั้ย"
"ได้ใช่มั้ยครับ"
เขาเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง รอคำนี้เลยแหละเพราะออกมาเช้ามากเพื่อจะมาแนะนำตัวเองกับที่บ้านของหญิงสาว และจะอยากจะมาทำความรู้จักมากขึ้น
"ได้สิ มาๆนั่งกับพ่อก็ได้"
ท่านภพธรเชิญชวนดัชกรให้มานั่งคุยด้วยกันที่โต๊ะอาหาร และโดยส่วนใหญ่จะคุยกันสองคนมากกว่า ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีจนน่าตกใจ ดักกรมีความรู้ในด้านธุรกิจและการบริหารงาน เขาสามารถคุยเรื่องการบริหารกับคุณพ่อของน้ำหวานได้อย่างผู้มีประสบการณ์ท่วมท้น
"เรานี่เก่งนะความรู้แน่นเลย"
"ผมเริ่มทำงานกับคุณพ่อตั้งแต่จบมัธยมปลายครับ ทำมาตลอดจนจบปริญญาโท จนถึงตอนนี้ทำงานไปได้ประมาณสิบกว่าปีแล้วครับ"
ท่านภพธรมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างถูกใจ ถือว่าเป็นเด็กหนุ่มไฟแรงมาก เรื่องธุรกิจไม่เป็นรองใครและดูเป็นผู้ใหญ่มีอนาคตไกล
"ว่าแต่เมื่อกี้บอกว่าจีบลูกสาวพ่อเหรอ"
"ใช่ครับ ผมกำลังจีบน้องอยู่"
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจ ก็บอกแล้วว่าเขาเป็นคนตรงๆถ้าชอบก็จะบอกไปอย่างนั้นไม่มีปิดบัง คนเราไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมหรือวางเชิงให้เสียเวลา อย่างเช่นเรื่องธุรกิจก็เหมือนกัน ถ้ามั่นใจว่าคุ้มก็ลงทุนไปเลย เหมือนที่เขามั่นใจว่าน้ำหวานเป็นผู้หญิงที่คุ้มจะพยายาม เมื่อวานคุยกับเพื่อนสนิทไปที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับน้ำหวาน เขาบอกว่าหญิงสาวเป็นเด็กนิสัยดีมาก ไม่เคยมีประวัติเสียเรื่องผู้ชาย แต่เห็นว่าเคยมีแฟนอยู่ซึ่งเขาไม่ซีเรียสเพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้เพิ่งเคยมีแฟน และไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยเรื่องผู้หญิงจะผ่านใครมาหรือไม่ ถ้าเขาชอบก็ลุยได้เลย ขอแค่เธอเป็นคนดีเท่านั้นก็พอ
"งั้นเหรอ... พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก น้ำหวานก็โตพอที่ดูแลตัวเองได้แล้วถ้าจะตัดสินใจคบกับใครพ่อก็ไม่ห้ามหรอก มันเรื่องของเด็กจริงมั้ยคุณ"
เขาหันไปถามภรรยาที่นั่งอยู่ข้างลูกสาว เธอยิ้มออกมาไม่ตอบอะไรเพราะบ้านนี้เลี้ยงลูกไม่เคยห้ามอะไรอยู่แล้ว ถ้าลูกรักก็พร้อมสนับสนุน
"งั้นผมขออนุญาตมารับมาส่งแล้วก็พาไปทานข้าว เดินห้างบ้างนะครับ"
"ได้สิตามสบายเถอะ"
ดัชกรยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่ไม่ห้ามอะไรแถมยังสนับสนุนลูกสาวในทุกเรื่องอีก ครอบครัวนี้เลี้ยงลูกเหมือนครอบครัวของเขาเลย ทั้งเขาและน้องสาวก็ถูกเลี้ยงมาแบบสบายๆ อยากทำอะไรก็ทำได้เลยไม่มีห้าม
"ขอบคุณนะครับที่อนุญาตให้เราสองคนคบกัน"
น้ำหวานได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองหน้าชายหนุ่มทันที คบกันอะไรไหนบอกว่ากำลังจีบเธออยู่ไม่ใช่เหรอ
"เดี๋ยวนะคะพี่ดัชคบอะระ.."
"ไปค่ะไปทำงานกันเดี๋ยวสาย ผมไปก่อนนะครับคุณพ่อคุณแม่ เย็นนี้จะพามาส่งครับ"
เขาลุกขึ้นยืนยกมือไหว้ท่านทั้งสองคนก่อนจะหันไปชวนหญิงสาวให้ลุกตามกันออกมา ท่านภพธรและภรรยามองตามเด็กทั้งสองคนออกไปก่อนจะหันหน้ามาคุยกัน
"คุณว่าดัชกรจะรักลูกสาวเราจริงมั้ย"
"ก็ดูจริงใจนะคะ แต่เห็นว่าเจ้าชู้พอตัวอยู่คงต้องดูกันไปก่อนค่ะ"
"งั้นเหรอ... ยังไงก็อยู่ที่น้ำหวาน ให้ลูกตัดสินใจเองแล้วกัน คนเราถึงจะมีประวัติไม่ดีมาในอดีตแต่เราจะเอามาตัดสินอนาคตไม่ได้ เขาอาจจะหยุดแล้วก็ได้"
ทางด้านของน้ำหวานเธอเข้ามานั่งในรถของชายหนุ่ม วันนี้เขาขับรถมารับเธอเองโดยไม่มีผู้ช่วยคนสนิทมาด้วย
"วันนี้ขับมาเองเลยเหรอคะ"
"ค่ะ พี่ต้องการอยู่กับน้ำหวานสองต่อสอง เวลาพาอาร์ทีมาด้วยพี่กลัวน้ำหวานอึดอัดค่ะ"
เขายิ้มออกมาอย่างห่วงใยความรู้สึกของหญิงสาว แต่เธอกลับคิดอีกอย่างหนึ่งว่าถ้าคุณอาร์ทีมาเธอน่าจะปลอดภัยกว่าอย่างน้อยเขาคงไม่กล้าทำอะไรเธอ แต่ตอนนี้เขาก็ดีกว่าตอนเจอกันก่อนหน้านี้มากนัก และเขาก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรแถมต้องการอะไรก็พูดออกมาตรงๆ
"จริงๆคุณอาร์ทีมาน้ำหวานรู้สึกปลอดภัยกว่าอยู่กับพี่ดัชสองต่อสองซะอีก"
เธอเอ่ยออกมาตามตรงอย่างติดตลก ก็เขาเป็นคนพูดอะไรตามความรู้สึกของตัวเอง และถ้าเธอทำบ้างเขาก็คงไม่คิดอะไรมั่ง
"ทำไมกลัวพี่เหรอไง"
เขายิ้มออกมาขำๆ ทำไมจะไม่รู้ว่าจนถึงตอนนี้เธอยังระแวงว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีกับเธอรึเปล่า คนมันยังไม่เชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไงเขาถึงบอกว่าช่วงนี้จะทำคะแนนให้เธอเชื่อใจให้มากที่สุด
"แล้วพี่คิดว่าตัวเองน่ากลัวมั้ยคะ"
"ไม่นี่พี่น่ารักออก"
เขาอมยิ้มก่อนจะวนรถไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย ช่วงกลางวันก็จะมารับไปทานข้าวด้วย เขาอยากใช้เวลาอยู่กับเธอให้มากที่สุด ถ้าจะพาไปอยู่บ้านด้วยเดี๋ยวเธอจะตกใจกลัวไปเสียก่อน ยิ่งกลัวเขาอยู่ด้วย
"ถึงแล้วค่ะ"
"ขอบคุณนะคะที่พามาส่ง น้ำหวานไปก่อนนะคะ"
เธอยกมือไหว้ขอบคุณเขาก่อนจะหันไปเปิดประตู ชายหนุ่มดึงเธอให้นั่งลงท่าเดิมก่อนจะหยิบสร้อยที่แม่ของเขาให้ไว้ก่อนเสียชีวิตให้เธอดูตรงหน้า
"สร้อยนี่..."
น้ำหวานเห็นสร้อยก็จำได้ทันทีว่ามันเหมือนที่เพื่อนสนิทใส่ตลอด เหมือนว่าคุณแม่จะให้ไว้หรืออะไรสักอย่างเนี่ยแหละถ้าจำไม่ผิด เห็นดาริกาใส่ติดตัวไว้ตลอดเลย
"ใช่ค่ะสร้อยแม่พี่ให้มา คนละเส้นกับน้องสาวแต่ว่ามันเหมือนของผู้หญิงพี่เลยไม่เคยใส่ พี่จะเอามาจองน้ำหวานไว้ก่อน"
"หมายถึงยังไงคะ... พี่ให้น้ำหวานเหรอคะ"
เธอมองเขาอย่างงุนงง นี่ของที่แม่ให้นะจะมายกให้คนอื่นได้ยังไงเขานี่ไม่รู้จักคุณค่าเอาเสียเลย อีกอย่างราคาแพงมาเลยด้วย เธอกับดาริกาเคยเอาไปประเมินที่ร้านเพชรเขาให้หลายแสนเลยด้วย
"ไม่เชิงให้อ่ะเพราะมันเป็นสร้อยที่แม่พี่ให้ แต่ว่าพี่จะเอามาจองน้ำหวานไว้ก่อนไง เดี๋ยวมีเวลาจะซื้อมาเปลี่ยนให้ มาค่ะพี่ใส่ให้"
เขาแกะสร้อยใส่ให้หญิงสาวที่คอ เธอมองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจในการกระทำ ไม่ได้ให้แต่ก็เอามาใส่ให้ แล้วจะให้เพื่ออะไรเธอไม่ค่อยเข้าใจ
"สวยจังเหมาะกับน้ำหวานนะเนี่ย"
"ทำไมไม่เก็บไว้เองคะ น้ำหวานทำหายจะทำยังไง"
"ไม่หรอกถ้าน้ำหวานใส่ทุกวันมันจะไม่มีทางหาย น้องพี่ยังไม่เคยทำหายเลย อีกอย่างถ้าเราสองคนคบกันจนถึงขั้นแต่งงานกัน พี่ก็จะให้มันอยู่กับน้ำหวานนั้นแหละ ยังไงเก็บไว้เองกับอยู่ที่แฟนก็เหมือนกันจริงมั้ย"
เธอพอจะเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ ก็คือถ้าเธอคบกับเขาไปเรื่อยๆสร้อยมันก็จะอยู่ที่นี่ไม่เอาคืนไป เพราะยังไงเราสองคนก็จะอยู่ด้วยกันตลอด
"ก็จริงค่ะแต่เราสองคนยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย"
"แต่คุณพ่ออนุญาตให้คบกันแล้วนะ"
เขาเออออเอาเองว่าคุณพ่ออนุญาตให้คบไปแล้ว ไม่อย่างนั้นท่านคงคัดค้านออกมาแล้วสิ น้ำหวานกุมขมับอย่างปวดหัวเพราะคุยกับเขาเหมือนคุยกับเด็ก ไม่มีเหตุผลเอาตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างเดียว
"พี่ดัชชอบมัดมือชกน้ำหวานอ่ะ"
"ตามนี้แหละเราคบกันล่ะ กลางวันพี่มารับไปทานข้าวนะคะ ถึงแล้วจะโทรมาหา"
"มันคนละทางกันเลยนะคะไม่ต้องก็ได้เปลืองน้ำมันเปล่าๆ เดี๋ยวน้ำหวานไปทานที่ห้องอาหารของคณะก็ได้ค่ะ"
เธอรู้สึกเกรงใจเขาเป็นอย่างมาก บริษัทกับมหาวิทยาลัยอยู่คนละที่กันเลย แค่มารับมาส่งก็เสียเวลามากแล้ว ไหนน้ำมันจะแพงอีกขับไปมาแบบนี้เปลืองเปล่าๆ
"นั้นดิน้ำมันมันแพงด้วยเนาะช่วงนี้ ไปๆมาๆจะเสียเงินเยอะ"
เขาทำหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง น้ำหวานมองชายหนุ่มอย่างสงสัยว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร
"แพงจริงค่ะ มันเปลืองเงินมากนะถ้าไปมาหลายรอบ"
"ถ้างั้นพี่จะซื้อธุรกิจน้ำมันในประเทศดีกว่า จะได้เติมน้ำมันถูกลงไงน้ำหวานจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องราคาน้ำมันแพง พี่จะได้มารับหนูทุกเวลาเท่าที่ต้องการ"
เขาเสนอไอเดียดีๆ ถ้าเธอกังวลว่าน้ำมันมันแพงงั้นซื้อทำเองเลยเป็นไง น้ำหวานอ้าปากค้างอึ้งในความคิดของชายตรงหน้าเป็นอย่างมาก คนรวยเขาคิดจะซื้อธุรกิจอะไรก็ได้เลยเหรอ เขาทำให้เธอทึ่งมากเลยนะ
"ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอคะ"
"ก็น้ำหวานกังวลว่าพี่จะเปลืองเงินค่าน้ำมันนี่ พี่ก็กำลังแก้ปัญหาทางตรงกลางให้เราสองคนอยู่"
"ถ้าจะทำขนาดนั้นงั้นมารับเลยค่ะไม่ต้องคิดการณ์ไกล ค่าน้ำมันแพงคงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพี่ดัชใช่มั้ยคะ"
เธอจนปัญญาจะพูดกับเขาให้เข้าใจ ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะขยับเข้าไปหอมแก้มหญิงสาวให้ชื่นใจ
"ใช่ค่ะไม่ใช่ปัญหาสำหรับพี่ งั้นกลางวันพี่มารับนะคะ จุ๊บ"
"พี่ดัช! ฉวยโอกาสอีกแล้วนะ ไว้ใจไม่ได้เลยผู้ชายเจ้าเล่ห์"
น้ำหวานหน้างอสะบัดหน้าใส่ชายหนุ่มก่อนจะลงจากรถไปทันที เขามองตามเธอก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ทำไมรู้สึกตัวเองเหมือนอยู่ในวัยรุ่นมีรักแบบป๊อปปี้เลิฟเลยนะ มันกระชุ่มกระชวยหัวใจมากจริงๆ
"มีความสุขจังโว๊ย ฮ้า สบายใจ"