มือปราบทั้งอำเภอล้วนแปลกใจที่เหยาอิงหมิงประกาศว่าจะสร้างเรือนหลังใหญ่เพิ่มอีก ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนสมถะยิ่ง
“นี่เจ้ารักภรรยามากถึงขนาดยอมสร้างเรือนเพิ่มเลยหรือ? อืม...เขาว่าคนมีความรักมักจะทำได้ทุกอย่างก็คงเป็นความจริงสินะ”
เหล่าสหายมือปราบล้วนกล่าวแสดงความยินดีเพราะเห็นว่าเหยาอิงหมิงเอาแต่เก็บเงินมาหลายปี เฉินอ้ายเหม่ยที่ความทรงจำค่อยๆ กลับคืนมาทีละน้อยแอบพาสามีไปค้นเอาตั๋วแลกเงินที่นางเคยเห็นคั่งหมัวมัวซุกซ่อนเอาไว้ในที่พักซึ่งถูกทางการเข้าตรวจค้นและปิดตายเอาไว้
“น้องหญิงเจ้ารู้ที่ซ่อนเงินของนางได้อย่างไร?”
“มิใช่แค่เงินของนาง แต่เป็นเงินของหัวหน้าสำนักด้วยส่วนหนึ่งที่ให้นางเอาไว้สำหรับใช้จ่ายดูแลพวกข้า นางซุกเอาไว้ในนี้”
เฉินอ้ายเหม่ยหยิบเอาตั๋วแลกเงินในซอกหลังเสาที่มีสลักเล็กๆ ยากจะสังเกตเห็นเพราะมีตู้วางของทับเอาไว้ เหยาอิงหมิงเห็นจำนวนเงินแล้วตาโต
“เงินนี้ข้าควรจะได้ไปใช้ ท่านพี่ช่วยออกหน้าสร้างเรือนใหม่ให้ที”
สองสามีภรรยาไม่ได้ทำตัวฟู่ฟ่าในทันที หลังจากสร้างบ้านหลังใหม่เสร็จเรียบร้อย เฉินอ้ายเหม่ยก็ว่าจ้างสาวใช้มาช่วยดูแลเรือนหนึ่งคนและบ่าวรับใช้ที่คอยตักน้ำผ่าฟืนอีกหนึ่งคน
ภายหลังนางได้พบโหลวฉางซีจึงได้ฟังว่าหัวหน้าสวีอยากได้นางไปเป็นมือปราบหญิงเพิ่ม เฉินอ้ายเหม่ยตื่นเต้นยิ่งนัก
“มือปราบเหยาไม่บอกเจ้าหรอกหรือ? เรื่องนี้ท่านพี่ก็บอกไปนานแล้วนะ”
ได้ยินเช่นนั้นเฉินอ้ายเหม่ยของเดือดดาล นางรีบตรงไปหาสามีที่ที่ว่าการอำเภอแต่เขากลับไปตรวจตราความเรียบร้อยที่ตลาด หญิงสาวกระโจนด้วยกำลังภายในทั้งวิ่งทั้งเดินตามหาสามี กระทั่งเห็นเขายืนอยู่หน้าโรงหมอของท่านหมอหลัว นางก็ไปยืนต่อหน้า
“น้องหญิงเจ้ามาได้อย่างไร?”
“ข้ามีเรื่องต้องถามท่านพี่สักหน่อย”
สีหน้าของภรรยาดูหงุดหงิดเป็นกำลัง เหยาอิงหมิงรู้สึกว่าพักนี้ภรรยาของตนดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดีก็รีบยิ้มให้
“เจ้าว่ามาสิ...”
“หัวหน้าสวีอยากให้ข้าไปทดสอบเป็นมือปราบ เหตุใดท่านจึงไม่ยอมบอกข้า?”
ชายหนุ่มทำตาโต “ผู้ใดบอกเจ้าเรื่องนี้?”
“ข้าเจอมือปราบโหลว นางถามข้า ข้าจึงได้รู้ความจริง”
เหยาอิงหมิงเดินเข้าประคองนาง “ไปคุยกันข้างในเถอะ เจ้าเสียงดังจนคนเข้าใจผิดคิดว่าข้าทำให้ภรรยาโมโหแล้ว”
“ท่านทำจริงๆ นี่ ยังคิดจะตะล่อมหลอกข้าอีก” นางฮึดฮัด ที่ผ่านมาสามีมักจะหาเรื่องหลอกลวงให้นางอยู่ข้างกายเขาอยู่ร่ำไป แม้จะรู้สึกอบอุ่นและดีใจแต่การที่จะได้เป็นมือปราบหญิงก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเช่นกันและนางก็อยากเป็นเสียด้วย เขาไม่น่าจะปกปิดนางเช่นนี้
หมอหลัวมองเห็นสองสามีภรรยาเดินประคองกันเข้ามาก็เลิกคิ้ว
“นี่พวกเจ้าทำสิ่งใดกันรุนแรงจนต้องมาหาหมอเลยหรือ?”
เหยาอิงหมิงหน้าแดงเมื่อนึกถึงตอนที่ตนมาบีบขอซื้อยาไปให้นางหลังจากร่วมเตียงคืนแรก “มิใช่สักหน่อย! หลัวเยี่ยนเจ้าออกไปก่อน ให้ข้ากับภรรยาคุยกันสักครู่”
“เฮ้! นี่มันโรงหมอของข้านะ ไม่ใช่บ้านเจ้าสักหน่อย ประคองภรรยาตนเข้ามาแล้วยังมาไล่เจ้าของบ้านอีก”
“ท่านหมอ! อยู่ด้วยเถอะเจ้าค่ะ มาช่วยข้าประณามท่านพี่ที เขาไม่ยอมบอกเรื่องที่หัวหน้าสวีจะให้ข้าไปทดสอบเป็นมือปราบหญิง หากว่าข้าไม่เจอมือปราบโหลวก็คงไม่มีวันได้รู้”
เหยาอิงหมิงทำหน้าจนใจ “ข้าอยากให้เจ้าอยู่เรือนรอข้ากลับไปนี่นา ทุกๆ วันมีเจ้าตั้งโต๊ะอาหาร เตรียมน้ำอาบรอ ข้ามีความสุขมาก”
“ถึงข้าจะไปเป็นมือปราบก็ยังตั้งโต๊ะอาหารและเตรียมน้ำอาบให้ท่านในตอนเย็นได้นี่?”
หลัวเยี่ยนมองหน้าสองสามีภรรยาสลับกันไปมา “ฮ่าๆ ฮ่าๆ เหตุใดข้าจึงรู้สึกได้กลิ่นเปรี้ยวๆ จากตัวเจ้าล่ะมือปราบเหยา"
ชายหนุ่มที่ประคองภรรยาหมดหนทางจะโต้แย้ง “ก็ได้ๆ ข้ายอมรับก็ได้ ข้าหวงเจ้า หึงเจ้า ไม่อยากให้เจ้าออกไปให้ผู้อื่นได้เห็น”
เฉินอ้ายเหม่ยตกตะลึงอ้าปากมองหน้าสามี “ท่านพี่! ท่านไร้เหตุผลถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ไร้เหตุผลตรงไหนกัน? ข้าหวงภรรยาเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือว่าหน้าที่ของมือปราบต้องออกเดินตรวจตราพื้นที่ทุกวัน หากว่าเจ้ามาเดินเตร็ดเตร่บนท้องถนนแล้วบุรุษทั้งหลายเห็นเข้า พวกเขาต้องจ้องมองเรือนร่างเจ้า ใบหน้าเจ้า ข้าทนไม่ได้”
อดีตนักฆ่าหญิงเห็นใบหน้างอนของสามีที่เชิดขึ้นแล้วก็พลันยิ้มออกมา
“ท่านพี่เจ้าคะ ข้ามาเป็นมือปราบมิใช่นางระบำสักหน่อย เอาไว้เดือนหน้าข้าไปสมัครได้หรือไม่?”
“ไม่ได้!”
“อีกสามเดือนเอ้า!”
“ไม่ได้!”
“แล้วเมื่อไหร่ท่านถึงจะอนุญาตเล่า?”
“ปีหน้า!”
“เอ๋? ปีหน้าเลยหรือเจ้าคะ? ไม่นานไปหรือไร?”
“ให้ข้าทำใจให้ได้ก่อน” เขากอดนางต่อหน้าหลัวเยี่ยน “หากปล่อยเจ้าออกมาเดินตลาดยามนี้ข้าก็ยังทำใจไม่ได้ กลัวว่าบุรุษอื่นจะมองเจ้ามากกว่าข้า”
หมอหลัวระเบิดเสียงหัวเราะลั่นห้อง “โอ๊ยๆ อาหมิง เจ้าน้อยๆ หน่อยเถอะ ไหนตอนที่ข้าแต่งงานใหม่ๆ เจ้าพูดกับข้าเองว่าบุรุษที่หึงหวงภรรยาคือคนโง่อย่างไรล่ะ?”
“เจ้าหุบปากไปเลยหลัวเยี่ยน! ปากเจ้าจะทำข้าเสียเรื่อง”
เฉินอ้ายเหม่ยรู้สึกขบขันกับสิ่งที่หมอหลัวพูด “หมอหลัวเจ้าคะ ท่านพี่ของข้าอาการหนักเหลือเกิน ท่านไม่มียาให้เขากินรักษาอาการนี้บ้างหรือ?”
“อ้ายเหม่ย ข้าว่าสามีของเจ้าคงต้องใช้เวลาในการเยียวยาแล้วล่ะ”
“ท่านพี่ขออีกหกเดือนไม่ได้หรือ? ถึงวันนั้นท่านน่าจะเบื่อหน่ายข้าบ้าง”
“ไม่มีทาง! ข้าว่าปีหน้าก็ปีหน้า” เหยาอิงหมิงหน้ามุ่ย เขาครุ่นคิดหาวิธีถ่วงเวลานางตั้งนาน แต่ละวันก็พยายามมิให้นางมีเวลาขบคิดเรื่องอื่นมากนัก ตกค่ำก็ชวนนางออกแรงอยู่บนเตียงจนเหนื่อยอ่อน
กลิ่นกำยานรักษาผู้ป่วยลอยวนออกมานอกประตูเมื่อภรรยาของหมอหลัวเยี่ยนเปิดเข้ามา
“อ้าว! พี่อิงหมิงกับอ้ายเหม่ยมาหรอกหรือ? ท่านพี่เหตุใดจึงไม่บอกข้าเตรียมน้ำชาต้อนรับแขกเล่า?”
“อือ...อ๊ะ!” เฉินอ้ายเหม่ยผะอืดผะอมรีบยกมือปิดปาก
“อ้ายเหม่ย! เป็นอะไรหรือ?”
นางรีบดิ้นออกจากอ้อมแขนสามีแล้ววิ่งไปหน้าโรงหมอ ยืนอาเจียนอยู่ข้างกระถางต้นไม้ เหยาอิงหมิงหน้าซีดเผือดมองอาการของภรรยาที่อาเจียนจนตัวโยน เขารีบเข้าไปลูบหลังให้นาง ภรรยาของหลัวเยี่ยนเดินตามออกมารีบเอาผ้าชุบน้ำมาให้เฉินอ้ายเหม่ยเช็ดหน้าเช็ดปาก นางอ่อนระโหยโรยแรงปล่อยให้สามีช้อนร่างเข้ามานอนบนเตียงในโรงหมอ
“เร็วเข้า! หลัวเยี่ยน เจ้ารีบตรวจอาการนางที”
หมอหลัวยิ้มน้อยก่อนจะวางผ้าขาวทาบเหนือข้อมือและตรวจชีพจรให้ภรรยาของสหายรัก ไม่นานก็หันมายิ้มกว้างให้คนทั้งสอง
“เห็นทีกว่านางจะได้เป็นมือปราบหญิงก็คงเป็นปีหน้าจริงๆ นั่นล่ะ ยามนี้นางตั้งครรภ์ได้เดือนกว่าแล้ว”
เหยาอิงหมิงตะลึงครู่หนึ่งแล้วตะโกนออกมา “ตั้งครรภ์! หมายความว่าขาจะมีลูกแล้วใช่หรือไม่?”
เฉินอ้ายเหม่ยหน้ามุ่ย ความหวังที่จะได้เป็นมือปราบของนางเป็นอันจบสิ้นในปีนี้ หญิงสาวหันมองสามีที่ยืนกำหมัดสองข้างหัวเราะร่าอย่างไม่พอใจ
“ท่านพี่! หลังจากคลอดลูกคนนี้แล้ว ท่านต้องยอมให้ข้าไปทดสอบเป็นมือปราบนะเจ้าคะ”
“อืมๆๆ ได้ๆ ข้ารับปาก”
เหยาอิงหมิงรู้สึกเบิกบานใจที่แผนนี้สำเร็จ เขาสู้อุตส่าห์มุ่งมั่นทำให้นางตั้งครรภ์ก่อนที่นางจะรู้เรื่องที่ถูกชวนไปเป็นมือปราบ เอาไว้นางคลอดลูกคนนี้เสร็จ เขาก็จะเร่งทำลูกคนที่สองต่อ...
‘น้องหญิง...ถึงวันนั้นเลี้ยงลูกสองคน เจ้าจะเอาเวลาที่ไหนไปเป็นมือปราบกันเล่า?’
************จบบริบูรณ์***************
แนะนำ...ไปอ่านต่อได้ที่เรื่อง “เจ้าสาวข้าเป็นมือปราบ” ค่ะ