เวลาผ่านล่วงเลยไปจนกระทั่งวันหยุด
แม้จะไม่อยากลับบ้านแต่ฮาน่าก็ทนการถูกรบเร้าของผู้เป็นแม่ไม่ได้ ไม่รู้ว่าแม่ของเธอนั้นอยากให้ไปเจอใคร แต่ก็แอบคิดว่าคงไม่ใช่คามิลหรอกนะ
"คุณแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยเหมือนคนที่กำลังเหนื่อยล้า พร้อมกับลากสังขารของตัวเองเดินเข้าไปในบ้าน แต่ทว่าคนที่เดินออกมารับเธอกลับเป็นแม่บ้าน
"สวัสดีค่ะคุณหนู"
"ป้าบัวคะคุณแม่ไปไหน"
"เห็นว่าจะขอขึ้นไปแช่น้ำอุ่นข้างบนน่ะค่ะ ให้ป้าขึ้นไปตามให้ไหมคะ"
"ไม่เป็นอะไรค่ะ ป้าบัวไปทำงานต่อเถอะ"
"ค่ะคุณหนู"
ฮาน่าทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โซฟา ใบหน้าสวยหลับตาพริ้มคล้ายกับคนที่กำลังนอนหลับ แต่เธอก็แค่พักสายตาเฉยๆ เท่านั้นแหละ
..........
ผ่านไปสักพัก
"ลูกสาว..."
"....." ฮาน่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินเสียงของ คุณหญิงเกวลิน แม่สุดที่รักของเธอเองนั่นแหละ "อืม... ไหนคุณแม่บอกว่าจะมีคนมาไงคะ นี่หนูมารอตั้งนานแล้วไม่เห็นมีใครมาเลย"
"แม่บอกว่าตอนเย็นนะ เราไม่ได้ฟังหรือเปล่า"
"....." ฮาน่าก้มลงมองดูนาฬิกาตรงข้อมือของตัวเอง ก่อนที่เธอนั้นจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่มันยังไม่เที่ยงเลยแต่เธอก็มาก่อนซะแล้ว ที่จริงเธอจำคำพูดของแม่ที่ว่าไม่อยากให้เธอมาสายเพราะกลัวจะเสียมารยาทกับผู้ใหญ่ ก็เลยรีบมาจนลืมไปเลยว่าเวลานัดมันเมื่อไหร่
"มาแล้วก็ไม่เป็นไร ขึ้นไปนวดตัวกับแม่ไหม"
"ดีเหมือนกันค่ะกำลังปวดบ่าอยู่พอดีเลย"
ฮาน่าขึ้นไปด้านบนพร้อมกับแม่ของเธอ อาทิตย์นึงแม่ของเธอจะจ้างคนมานวดร่างกายผ่อนคลายหนึ่งครั้ง เช่นเดียวกับวันนี้
"ผู้ใหญ่ที่มาหาที่ว่าคือใครกันคะ?"
"....."
"คุณแม่อย่าบอกนะคะ ว่าเป็นครอบครัวของคุณป้าคาริน่า?"
คาริน่า แม่ของคามิล
"ไม่ใช่หรอกลูก คุณป้าคาริน่าเขาไปต่างประเทศ"
"แล้วใครกันคะ?"
"หนูจำพี่ธาราได้ไหม"
"....." ฮาน่าขมวดคิ้วย่นเข้าหากัน พยายามนึกถึงชื่อนี้ที่แม่ของเธอบอก ชื่อมันคุ้นเอามากๆ เหมือนกับเธอเคยรู้จักเคยได้ยินมาก่อนแต่มันก็คงจะนานมากแล้วล่ะเพราะเธอจำได้แค่เลือนลาง
"ก็พี่ธาราเพื่อนเล่นของหนูสมัยเด็กไง ที่เขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศก่อนน่ะ"
"อ๋อ"
ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะจำได้เลือนลาง เพราะคนที่แม่ของเธอพูดถึงนั้นเขา ย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ถึงแม้จะเคยเป็นเพื่อนเล่นด้วยกันแต่นั่นมันก็สมัยเด็ก ตอนนี้ เธอก็โตมากแล้วผ่านมาหลายสิบปีแล้วด้วย
"พอดีครอบครัวของคุณลุงเขาย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้ว แม่ก็เลยถือโอกาสชวนครอบครัวของคุณลุงมาทานข้าวที่บ้านของเราซะเลย"
"คุณแม่ขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นต้องชวนหนูมาเลยนี่"
"ได้ยังไงล่ะลูก หนูเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่นะ"
"....."
"แม่รู้ว่าหนูไม่อยากมา แต่คุณลุงคุณป้ากลับมาทั้งทีก็มาให้ท่านเจอหน้าหน่อยสิลูก"
"ค่ะคุณแม่"
บางครั้งก็รู้สึกเบื่อๆ เหมือนกันนะ ที่ต้องมาคอยเจอคนนั้นคนนี้ที่เป็นคนรู้จักของพ่อแม่เธอ ตอนเด็กๆ มันก็รู้สึกสนุกสนานอยู่หรอกเวลาที่คนนั้นคนนี้มารวมตัวกันกลายเป็นครอบครัวใหญ่ๆ และเธอก็ได้เล่นกับลูกๆ ของครอบครัวอื่นที่มาที่บ้านของเธอ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้วไงเธอโตขนาดนี้แล้ว
.......
เวลาต่อมา
"คุณพี่!"
"คุณน้อง ไม่ได้เจอกันนานเลยสบายดีนะคะ"
"สบายดีค่ะ เชิญเข้าบ้านกันก่อนนะคะ"
ฮาน่าเดินออกไปต้อนรับคนรู้จักที่จะมาหาพร้อมกับแม่ของเธอแต่ก็ยังไม่ทันได้ทักทายกับใคร
เธอเห็นผู้ชายคนนึงเดินตามหลังมาซึ่งก็น่าจะเป็นพี่ธาราที่เธอเคยเรียกเมื่อก่อน เขาใส่ชุดสูทพร้อมกับมีแว่นทรงเหลี่ยมเล็กๆ สไตล์นักธุรกิจที่วางมาดซะจนดูเย็นชาไปเลย
"นี่น้องฮาน่าเหรอคะ?"
"ค่ะ เด็กๆ ก็โตกันหมดแล้วน่าจะจำกันไม่ค่อยได้ดูสิตาธาราโตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อเชียว"
"หนูฮาน่าจำป้าได้ไหมลูก ตอนนั้นยังตัวเล็กๆ อยู่เลย ตอนนี้โตเป็นสาวแล้วแถมสวยอีกด้วย เชื้อของคุณแม่นี่ไม่ทิ้งแถวจริงๆ"
"คุณพี่ก็พูดเกินไป ฮ่ะฮ่ะๆ" คุณหญิงเกวลินเอามือป้องปากหัวเราะตามฉบับของผู้ดี
"นี่พี่ธาราของหนูเองจำได้หรือเปล่า"
"อ๋อค่ะ"
ฮาน่ามองชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับยิ้มแหยเล็กน้อย ภายใต้ใบหน้าที่เรียบนิ่งและแสนเย็นชานั้น เธอไม่กล้าทักทายอะไรด้วยเลย
ผู้ใหญ่ต่างก็ทักทายกันตามประสาของผู้ใหญ่ ส่วนฮาน่านั้นก็ไม่ได้ทักทายอะไรเลย นอกจากนั่งนิ่งและยิ้มให้เวลาถูกมอง
"นี่หนูฮาน่าเรียนจบอะไรมาคะ?"
"จบบริหารจากอเมริกามาค่ะ"
"เก่งจริงๆ เลยนะคะ แบบนี้รับช่วงต่อจากคุณพ่อได้สบายเลย"
"ขอบคุณค่ะคุณป้า"
หลังจากที่ทานข้าวด้วยกันเสร็จ แน่นอนว่ามันก็จะมีวงการสนทนาของผู้ใหญ่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ส่วนฮาน่านั้นก็ขอตัวออกมา เพราะเธอเองก็ไม่ได้อยากสนทนากับผู้ใหญ่เท่าไหร่
เวลาเปลี่ยนอะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว แต่ก่อนเธอติดพี่ชายที่ชื่อว่าธารามาก แต่ตอนนี้มันก็ไม่เหมือนกับตอนนั้นแล้วไง
"แฮ่ม!"
"อ่าว....สวัสดีค่ะ"
"เจอหน้ากันตั้งนานแล้วเพิ่งจะสวัสดีเหรอ"
"....." ฮาน่าไม่ได้ตอบอะไร เธอมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่นิ่งเฉย เพราะเธอไม่รู้เลยว่าผู้ชายตรงหน้าของเธอนี้มีนิสัยเป็นแบบไหน ถึงตอนเด็กเขาจะมีนิสัยที่ดีชอบปกป้องเธอแต่ตอนนี้เธอจะไปรู้ได้ยังไง
"สบายดีนะ"
"ค่ะ"
เพราะไม่ได้เจอกันนาน เธอเลยไม่รู้ว่าจะเอ่ยทักทายด้วยการสนทนาแบบไหน เพราะปกติเธอก็ไม่ใช่คนที่ชวนใครคุยเก่งอยู่แล้ว
"ทำงานแล้วเหรอ?"
"ค่ะ ทำแล้ว"
"อ๋ออืม..."
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีเหลี่ยมเล็กจ้องมองหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่า เมื่อเห็นว่าเธอนั้นไม่ค่อยสนทนาสักเท่าไร
"แล้วเพื่อนอีกสองคนล่ะ?"
"ทำงานเหมือนกันค่ะ"
"อ๋อ..."
"พี่...กลับมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ"
"ตอนเด็กๆ มีความฝันว่าอยากจะเปิดร้านอาหาร ตอนนี้อะไรๆ มันก็พร้อมแล้ว ก็เลยกะว่าจะเปิดร้านอาหารน่ะ"
"ดีเลยนะคะ ร้านอาหารมีเยอะทั่วไปก็จริง แต่ร้านอาหารทุกร้านก็ไม่ได้ถูกปากผู้บริโภคทุกคนเหมือนกัน"
"อื้ม..."
"ค่ะ"
ก็เท่านั้นแหละไม่มีการสนทนาอะไรต่อ ฮาน่าไม่ได้มีความรู้สึกอึดอัดอะไรขนาดนั้น แต่เธอไม่รู้จะคุยอะไรเหมือนกัน ก็จริงอยู่คนเราไม่ได้เจอกันนานห่างกันไปนานมักจะมีคำถามกันมากมายแต่สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่
เขาไม่ได้เหมือนกับสองเพื่อนสนิทของเธอสักหน่อย ยังไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอก็เลยด้วยซ้ำ
...........
"กลับก่อนนะคะคุณน้องอาหารวันนี้อร่อยมากเลยค่ะ"
"เอาไว้ถ้ามีวันหยุดอีก น้องจะชวนคุณพี่มาทานข้าวด้วยกันอีกนะคะ เม้าท์มอยสนุกไม่เปลี่ยนเลย"
"ฮ่ะๆๆ โอเคเลยค่ะ"
"เดินทางปลอดภัยนะคะคุณพี่"
"ค่ะคุณน้อง"
"สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้าพี่ธารา"
"สวัสดีจ้ะ"
หลังจากที่ครอบครัวของธาราขับรถออกไปฮาน่าก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน เตรียมตัวที่จะขับรถกลับคอนโดของเธอเพราะมีงานที่ต้องเคลียร์อีกหลายอย่าง
"จะกลับแล้วเหรอลูก?"
"ค่ะ หนูมีงานต้องเคลียร์อีกเยอะเลย"
"แม่ขอถามอะไรหน่อยสิ"
"ว่ามาสิคะ"
"หนูไม่คิดจะมีแฟนจริงๆ เหรอ?"
"หนูไม่ได้ไม่คิดค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้หนูอยากจะให้ความสำคัญกับตัวเองกับงานก่อน เพราะถ้าเราสร้างสิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง พอทุกอย่างมันดีแล้วเดี๋ยวความรักมันก็ตามมาเองค่ะ" เธอตอบผู้เป็นแม่
ระยะเวลาหนึ่งปีกับการที่เธอไปเรียนอยู่ที่อเมริกา เธอได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมาพอสมควรเลยโดยเฉพาะเรื่องความรัก คนที่นั่นเขามักจะให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานกับเงินกับความสุขสบายส่วนตัวก่อนที่จะไปหาความรักเพราะเมื่อไหร่ที่เรามีสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองแล้วความรักที่ดีมันก็จะตามมาเองโดยที่เราไม่ต้องไปโหยหามันขนาดนั้น
และอีกอย่างนึง....เธอก็ยังไม่เคยหลงรักใครเลยด้วย แล้วใครกันล่ะที่จะเข้ามาขโมยหัวใจที่ถูกผนึกด้วยหินแบบนี้ได้
"แม่อยากอุ้มหลานใจจะขาดแล้วนะ"
"คุณแม่ขา ไหนเราคุยเรื่องนี้กันแล้วไงคะ" ฮาน่าหันไปมองผู้เป็นแม่ เธอรู้ว่าแม่ของเธอกำลังคิดอะไรอยู่และกำลังพยายามจับคู่ให้กับเธอทางอ้อม พยายามหาคนนั้นคนนี้มาเจอกับเธอเผื่อว่าลูกสาวของตัวเองนั้นจะถูกใจบ้าง แต่สุดท้ายแล้วมันก็เท่านั้น
"เฮ้อ...แม่มีลูกสาวคนเดียวนะ อยากมีวาสนาได้อุ้มหลานกับเขาบ้าง"
"คุยอะไรกันอยู่ คุณแม่คุณลูก"
"ไม่มีอะไรค่ะคุณพ่อ หนูกำลังจะกลับแล้วนะคะ ต้องกลับไปเคลียร์เอกสารของบริษัทต่อ" ฮาน่ารีบเก็บของใส่กระเป๋าก่อนที่เธอนั้นจะเดินไปอยู่ข้างๆ ผู้เป็นพ่อและแอบกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำเอาผู้เป็นพ่อยิ้มกว้างออกมา และเธอก็เดินออกจากบ้านไปในทันที
"คุณครับ..."
"เมื่อกี้แอบกระซิบกระซาบอะไรกันคะสองพ่อลูก"
"ลูกบอกว่าคุณอยากมีน้องให้แกงั้นเหรอครับ"
"บะ บ้าแล้ว! ฉันไปพูดแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหนกัน!"
"เอาจริงๆ เราก็ยังมีลูกกันอีกสักคนได้อยู่นะ"
"จะบ้าหรือไงคุณ คิดจะมีลูกอีกคนให้อายุเท่าหลานเลยหรือยังไง ลูกเราก็โตขนาดนั้นแล้วนะ ฉันบอกว่าฉันอยากมีหลานฉันไม่ได้อยากมีลูก!"
"อ้าว...ไอ้ตัวแสบ!"