กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง... เสียงโทรศัพท์ของตาหยีดังขึ้น เธอรีบยกมันขึ้นมาดูก่อนจะทำหน้าเซ็งสุดๆ
"ค่ะ พี่ต๊อก" เธอทักคนปลายสายด้วยน้ำเสียงสดใส แต่ขัดกับหน้าตาที่บอกบุญไม่รับ
("พี่มารับตาหยีที่บ้านตามคำสั่งคุณพ่อ ตาหยีไม่อยู่ไปไหนครับ") เสียงปลายสายพูดสุภาพเหมือนเดิมน้ำเสียงเนิบนาบ
"อุ้ยตาย... ตาหยีลืมไปเสียสนิทเลยค่ะพี่ต๊อก ตอนนี้คงกลับไม่ทันแล้ว ตาหยีมาอยู่กลางทะเลกับก๊วนนะคะ" ตาหยีทำน้ำเสียงรู้สึกผิด รีบบอกเขาไป
ริทชิดหน้าเข้ามาใกล้ ปากขยับพูดว่าเธอ “โกหก”
ตาหยีรีบยกนิ้วชี้มาปิดปากตัวเอง ยิงตาใส่เขาให้เงียบเสียง
("อื้อ...ไม่เป็นไรละกันครับ ไว้วันพรุ่งนี้ เราค่อยไปกันก็ได้") ชายหนุ่มปลายสายตอบกลับมา
"อะ... พี่ต๊อกคะ พรุ่งนี้ตาหยีคงไม่ได้ไปกับพี่ต๊อกอีกแน่ๆ ค่ะ พอดีวันนี้ว่าจะนอนที่เกาะ พรุ่งนี้ก็ล่องเรือต่ออีกวัน คงกลับค่ำเลย ตาหยีว่านะ" เธอออกตัวอย่างแรง เมื่อเห็นเขาตอบกลับมาเช่นนั้น
("อ๋อเหรอครับ ไม่เป็นไร ไว้โอกาสต่อไปแล้วกัน เที่ยวให้สนุกนะ") เขารีบตัดบท ก่อนจะวางสายไป
ตาหยีกดปิดโทรศัพท์ ก่อนจะเอนตัวลงไปพิงพนักเก้าอี้ทั้งตัว ถอนหายใจดังเฮือก
"อุต๊ะ มีผู้ชายตามจีบด้วยเหรอ " ริทแซว
"ยิ่งกว่าจีบ บรือ..." หญิงสาวสั่นหน้า ทำเหมือนขนพองทั้งตัว
"พร้อมแล้วค่ะ" สองหนุ่มสาวหันหน้าไปตามเสียง มองรวิกานต์แบบตะลึง
“พี่ริท ตาหยีไม่ไปแล้วได้ไหมคะ คุณเกรทเขาจัดเต็มซะขนาดนั้น” เธอหันหน้าไปพูดกับริท ที่มองหน้าน้องสาวตาค้าง
เกวมาในชุดเปิดไหล่สีผ้าลายดอกไม้เล็ก ผ้าพลิ้วไหวไปทั้งตัว แล้วไม่วายถือหมวกสีขาวปีกกว้างมากลงมาด้วย
“โอเวอร์น่าตาหยี ไปหรือยังคะพี่ริท” น้องสาวหันไปบอกย้ำพี่ชายอีกที เธอยิ้มพราวหน้าตาบ่งบอกถึงความสุขข้างในใจ
“ไปสิจ๊ะ” เขาหันไปส่งยิ้มให้น้องสาว ลุกขึ้นฉวยข้อมือตาหยีเอาไว้แน่น
“ในเรือพี่มีชุดทุกชุดสำหรับคุณผู้หญิงครับ” เขาชิดหน้ามาใกล้ๆ ตาหยี
“เห่อเห่อเห่อ เรือหรือฮาเร็มคะ” น้ำเสียงที่ยอกย้อนของเธอ ทำให้เขาทำหน้ายิ้มกวน
“ก็แล้วแต่จะคิดจ้า” ริทพูดจบ ดึงแขนเธอแรงๆ ให้เดินตาม
เกวเดินเฉิดฉายนำหน้า ใจนึกไปถึงหนุ่มตาน้ำข้าว แต่ก็แอบเขินเมื่อนึกถึงเรื่องอื่นที่เขาทำกับเธอเมื่อคืน ก็เธอหลงรักเขาไปเสียแล้ว จะทำอย่างไรได้
ริทขับรถของเขาเข้าไปยังท่าเรือยอชต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต แล้วพาทั้งสองสาวเดินเข้าไปยังสำนักงานของเขาที่ตั้งอยู่ในท่าเรือแห่งนั้น เขาทำธุรกิจพรอปเพอร์ตี การจัดสรรที่ดินให้กับผู้มีอันจะกินที่มาทำมาหากินและพำนักในภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงการให้บริการเรือสำราญของเขา ที่ชื่อ รายัลปริ้นเซส ที่เพิ่งเปิดมาได้สองปีกว่าๆ
เพื่อนร่วมธุรกิจของเขาที่ได้รับเชิญมาประมาณอีกสามสี่คนนั่งจิบกาแฟรอกันอยู่ในส่วนของร้านอาหารที่ให้บริการกับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการที่ท่าเรือนี้
และเพื่อนๆ ของเขากำลังสนทนากับชายหนุ่มฝรั่งสูงหล่อคมคาย พอสายตาของเขาเห็นเกวก็ลุกขึ้นยืน ส่งยิ้มหล่อๆ มาให้กับรวิกานต์ เธอแทบเดินขาขวิด ใจเต้นแรงนับจังหวะแทบไม่ถูก เมื่อคืนบทรักที่เร่าร้อนยังตราตรึงใจ ใบหน้าของเธอเริ่มแดงขึ้น
“พี่ริทคะ ตาหยีอยากเข้าห้องน้ำ” เพื่อนสาวคนสนิทกระตุกแขนเสื้อของริทเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเดินนำเข้าไปถึงกลุ่มเพื่อน
ริทชี้มือไปยังป้ายห้องน้ำที่โชว์หราอยู่ตรงมุมทางเลี้ยว เธอยิ้มให้ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไป
เสียงทักทายของทุกคนดังขึ้น รวิกานต์เดินเข้าไปหาเบน พร้อมรอยยิ้มที่สดใส เขาเอื้อมมือมาจับมือของเธอเอาไว้ ดึงร่างบางเข้าแนบกายทักทายแบบฝรั่ง ก่อนจะกระซิบถามข้างหูว่า
“เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมครับ” คำถามของเบน ทำให้เกวหน้าแดงขึ้นมากกว่าเดิม เธอยกหน้าไปมองเขา ยิ้มให้เบนอย่างสดใส
“ค่ะ แล้วคุณละคะ” เธอถามเขากลับ
“ผมนอนไม่หลับเลย คิดถึงแต่คุณ” เขาหยอดคำหวาน ก่อนจะใช้จมูกแหลมๆ ชนมาที่แก้ม
“อะแฮ่ม...” ริทกระแอมขัดจังหวะ
“ไปกันหรือยัง ทุกอย่างพร้อมแล้วนะครับ เดี๋ยวจะไม่ทันดูซันเซต” เขาบอกสองหนุ่มสาวที่ตอนนี้มองตากันหวานหยด
ตาหยีวิ่งหน้าตั้งมา ริทรีบใช้วงแขนโอบไหล่เธอแน่นๆ ดึงเธอให้เดินตาม
“อย่าลืมนะ ทำตัวเป็นแฟนพี่หน่อย” เขาบอกเธอแบบย้ำอีกครั้ง
“คิดผิดไม่รู้ด้วยนะคะ ดูเพื่อนๆ พี่ริทซิควงมาแต่ผู้หญิงสวยๆ” เธอยกมือตัวเองขึ้นไปจับมือเขาที่วางที่ไหล่ พูดไปทำปากยื่นให้ริทดูผู้หญิงของเพื่อนๆ ที่แต่ละนางสูงยาวเข่าดี ดีกรีพริตตีชื่อดังในภูเก็ตทั้งนั้น
“สเปกใคร ก็สเปกใคร” ริทดันหลังให้เธอเดินขึ้นไปบนเรือ
เรือสำราญที่เอาไว้รับแขก และบริการให้เช่าทริปสั้นๆ รวมถึงจัดเลี้ยง และงานแต่งเล็กๆ แขกสักสามสิบคน เรือสำราญของริทวันนี้ถูกเนรมิตให้เป็นงานจัดเลี้ยงเล็กๆ อาหารคาวหวานและเครื่องดื่มถูกเซตไว้อย่างเรียบร้อยสำหรับเขาและเพื่อน เพื่อฉลองการซื้อโรงแรมของเบน
เบนนั่งกุมมือเกวเอาไว้ไม่ห่าง สองคนต่างชี้ชวนกันดูความงามของน่านน้ำทะเลอันดามันสวรรค์แห่งเมืองใต้ที่กว้างใหญ่ไพศาล สีน้ำทะเลสดใสเหมือนหัวใจดวงน้อยๆ ของรวิกานต์
“คุณเกรทรู้ไหม ว่าผมดีใจแค่ไหน ที่จะได้เป็นคนไทย และได้เป็นลูกเขยของคนไทย” เบนพูดกับรวิกานต์ดวงตาหวานเชื่อม ยกแก้วแชมเปญในมือขึ้นชนกับแก้วของเธอ เกวยังรู้สึกเขินๆ เธอเพิ่งได้เจอกับเขาแค่สองวัน แต่ทำไมหัวใจของเธอตกไปเป็นของเขาเสียแล้ว
“อาทิตย์หน้าคุณพ่อคุณแม่ของผมจะมาเมืองไทย ผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก อีกอย่างจะได้ให้คุณพ่อคุณแม่ไปขอคุณกับคุณพ่อของคุณตามธรรมเนียมของไทยด้วย” คำพูดของเขาทำให้เธอยิ้มออกมาได้
รวิกานต์รู้สึกมีความสุขมากกว่าวันไหนๆ สีน้ำทะเลสีเขียวมรกตตอนนี้กลายเป็นสีชมพูสว่างไปแล้ว
เบนเล่าเรื่องราวของตัวเอง และถามไถ่ในเรื่องราวชีวิตของรวิกานต์ ผู้หญิงตรงหน้าที่เขาเลือกเธอมาเป็นคู่ครองเพื่อต่อยอดธุรกิจในเมืองไทยของตนเอง หญิงสาวผู้ไม่เคยรู้ เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องรักแท้ พรหมลิขิต และรักแรกพบ
เสียงเพลงที่บรรเลงเบาๆ เข้ากับบรรยากาศยามเย็น ของทะเลที่เงียบสงบ พระอาทิตย์อัสดงคล้อยต่ำ แสงเจิดจ้าค่อยๆ ลดแสงลง ส่องกระทบสะท้อนกับคลื่นทะเลงามระยิบระยับ ช่างแสนจะโรแมนติก ทุกอย่างเหมือนถูกจัดวางไว้ให้เป็นวันที่พิเศษอีกวันของเบนกับรวิกานต์