เย็นวันเดียวกันนั้นที่โต๊ะกินข้าว ณ คฤหาสน์ยามากูชิ โซอิจิได้ประกาศข่าวให้สมาชิกครอบครัวได้ทราบโดยทั่วกัน
"เดือนหน้าโยเฮจะย้ายไปเรียนโรงเรียนเดียวกับยูตะ"
"ว้า~เดือนหน้าเลยเหรอครับ ไปอาทิตย์หน้าไม่ได้เหรอ ไปโรงเรียนคนเดียวไม่เจอพี่ยูตะ ผมล่ะเหง๊าเหงา" โยเฮเรียนอยู่ชั้น ม. 3 กำลังติดพี่ชายมาก เขาเฝ้ารอให้โรงเรียนเลิกเร็ว ๆ จะได้กลับบ้านมาเจอยูตะ
"โยเฮไม่ร้องว้ากับคุณปู่นะลูก มันไม่สุภาพเลยอีกอย่างที่เรายังไม่ย้ายโรงเรียนเพราะคุณปู่มีเหตุผลนะลูก"
นางาโตะพ่อของเด็กชายคอยปรามเรื่องมารยาทเสมอ
"ขอโทษคุณปู่ด้วยสิลูก"
"คุณปู่ครับ ผมขอโทษครับ" โยเฮค้อมศีรษะลงแล้วกล่าวคำขอโทษด้วยน้ำเสียงใสแจ๋วน่าเอ็นดู ส่วนโซอิจิแค่พยักหน้ารับเป็นพอ
"เอาน่า นางาโตะค่อย ๆ สอนไป โยจังยังเด็กนัก เดี๋ยวโตอีกหน่อยก็เข้าใจเอง จริงมั้ยหลานย่า" คุณย่าส่งยิ้มนุ่มนวลให้พลางคีบของโปรดให้หลานชายทั้งสอง
"ยูตะเอ๊ย จำเรื่องที่ปู่สั่งได้มั้ย"
"จำได้ครับ อาทิตย์หน้าชมรมเคนโด้จะเปิดรับสมัครสมาชิกครับ" ยูตะวางตะเกียบลงก่อนพูด
"ได้ฝึกซ้อมบ้างหรือเปล่าล่ะ ถ้าเขาทดสอบก่อนเข้าชมรม"
"ผมกลับซ้อมทุกเย็นหลังเลิกเรียนครับ ซ้อมพร้อมกับโยเฮตลอดเลยครับ"
"ดีมาก เพราะเคนโต้ไม่ใช่แค่การฟันดาบไม้แต่มันคือศักดิ์ศรีและจิตวิญญาณของลูกผู้ชาย หลานทั้งสองคือยามากูชิ และยามากูชิจะต้องเป็นที่หนึ่งและเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น!"
ยูตะอยู่กับคำสอนของคุณปู่เรื่องศักดิ์ศรีและความยิ่งใหญ่ของตระกูลมาเป็น 10 ปี เกือบเท่ากับอายุเขาน่ะแหละ อันที่จริงยูตะเคยอาศัยอยู่กับคุณตาคุณยายที่ต่างจังหวัดตั้งแต่ยังแบเบาะจนอายุได้ 3 ขวบครึ่งก็ย้ายมาร่วมชายคากับโซอิจิและคุณย่าที่คฤหาสน์แห่งนี้พร้อมกับน้องชายในวัยแรกเกิด
โยเฮถูกเลี้ยงดูภายใต้ร่วมเงาของโซอิจิเรื่อยมา
ศักดิ์ศรีถูกจุดประกายด้วยความผูกใจเจ็บของต้นตระกูล แค้นนี้อีก 100 ปีก็ไม่สายที่จะชำระความ
'พวกทรยศต่อรากเหง้าต้องถูกกำจัดให้สิ้น'
ข้อความสั่งเสียจากบรรพบุรุษถูกเขียนด้วยพู่กันบนผ้าขาว ปัจจุบันถูกใส่กรอบใสแขวนบนผนังได้รับการดูแลรักษาอย่างดีในห้องญี่ปุ่น ห้องที่ต้องได้รับอนุญาตจากโซอิจิเท่านั้นจึงจะเข้า-ออกได้
อาทิตย์ต่อมาในวันรับสมัครสมาชิกชมรมเคนโด้ ยูตะแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าผู้ชายที่ตนคิดว่าเหมาะกับทีมบาสเก็ตบอลจะมาเป็นรุ่นพี่ชมรมเคนโด้
เซริสวมชุดฝึกเคนโด้สีดำ ปักตราสัญลักษณ์ชมรมบนหน้าอก ชายกางเกงยาวจรดพื้นพอดี ยิ่งเสริมให้บุคลิกผู้สวมใส่ดูน่าเกรงขามกว่าเดิม รูปร่างสูงแต่เคลื่อนไหวร่างกายคล่องแคล่วว่องไวนัก
ถ้าไวกว่าเซริก็ต้องเดอะแฟลซเท่านั้นแหละมั้ง! เพื่อนร่วมชมรมคนหนึ่งได้กล่าว ซึ่งน่าจะเดาได้ว่าใคร
ระหว่างที่เหล่าเด็กใหม่กำลังนั่งคุกเข่าอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอทดสอบฝีมืออยู่นั้นเอง
"นั่นแหละคนนั้นไง ฮายาม่า เซริ ดีกรีแชมป์เยาวชนหลายสมัยยังไม่มีใครล้มเขาได้" ยูตะได้ยินคนข้างเคียงกระซิบกระซาบกัน จึงแอบฟังเงียบๆ
"นึกว่าอยู่ชมรมบาสนะนั่น ตัวสูงขนาดนั้น" นายคิดเหมือนยูตะเลย B2
"ได้ยินว่าเล่นกีฬาอื่นก็เก่ง เรียนก็ดีแต่ในใจมีแต่เคนโด้ ขนาดเพิ่งเลิกกับแฟนดาวโรงเรียนมาหมาด ๆ ยังไม่มีอาการเฮิร์ตให้เห็นเลย" นาย B1 ว่างี้
"เซริคุงไม่ได้คิดอะไรกับเธอคนนั้นตั้งแต่แรกหรือเปล่าเหอะ"
"บ้าน่ะ เขาคบกันมาเป็นปีเลยนะ ไม่คิดอะไรได้ไง" นาย B1 ไม่รู้อะไรอย่าพูดไปเลย
"ชั้นประเด็นคือใครบอกเลิกใครก่อนดีกว่า"
ยูตะนั่งหูผึ่งตีเนียนทำเป็นสนใจอย่างอื่นแต่ลอบฟังนาย B1 กับ B2 นินทารุ่นพี่เพลินจนไม่ได้ยินคนเสียงเรียกชื่อตัวเอง
"ยามากูชิ ยูตะ!!! อยู่ม้ายยยย แสดงตัวด้วยยยย"
เจ้าของชื่อกระดุ้งเฮือก รีบลุกขึ้นยืนแสดงตัว
"คะ ครับ ผะ ผมอยู่นี่ครับ" ว่าแล้วก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมาหน้าข้างหน้าพร้อมดาบไม้สีน้ำตาลเข้มเงาวับซึ่งเป็นของส่วนตัวในมือ ทดสอบทักษะรอบนี้ไม่สวมชุดเกราะ ไม่ต้องใช้ดาบไม้แบบเดียวกับในสนามแข่ง
"ทดสอบทักษะนิดหน่อย ไม่ต้องกังวลนะทำให้ดีที่สุดแล้ว" มาโคโตะพูด
"ได้ครับ ขอคำแนะนำด้วยนะครับ" ยูตะโค้งหลังให้
"โอเค เซริมาเลย!"
เดี๋ยวนะ...คู่ทดสอบของยูตะคือเซริไม่ใช่มาโคโตะหรอกหรือ ฝีมือระดับแชมป์เยาวชนกับว่าที่สมาชิกใหม่มันใช่เหรอ
เซริทิ้งห่างจากยูตะตามระยะที่กำหนด สายตาแน่วแน่ดูมุ่งมั่นจังจ้องมายังฝ่ายตรงข้าม อันที่จริงเขาขออาสาเป็นคู่ทดสอบกับยูตะโดยเฉพาะ เหตุผลเพราะอยากรู้ฝีมือเคนโด้ของพวกยามากูชิ
'ดาบไม้...งานสวยมาก สมบัติตกทอดของตระกูล ไม้เนื้อแข็งคงสภาพได้เป็นร้อยปีโดยไม่ผุกร่อน' คนร่างสูงลอบปลายตาวิเคราะห์คนเบื้องหน้า
"ขอคำแนะนำด้วยครับรุ่นพี่" ยูตะโค้งทำความเคารพ
"ขอคำแนะนำด้วยครับ แสดงฝีมือให้เต็มที่ไม่ต้องออมมือนะครับ" เซริตอบ ยูตะพยักหน้ารับ จับดาบไม้ขึ้นมา ตั้งท่า...!!!
ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเซริก็ประเมินทักษะของยูตะได้แล้ว
'ตั้งท่าแบบซ่อนดาบไปข้างหลัง ก่อนจับดาบยังดูเบลอ ๆ ซุ่มซ่ามแต่พาเหวี่ยงดาบเท่านั้นล่ะ สายตาดูดุดันขึ้นมาทันที เป็นฝ่ายตั้งรับจากเรามากกว่าจะรุกซะเอง ความว่องไวใช้ได้เลย สมกับเป็นคนตระกูลยามากูชิ ประมาทไม่ได้แล้วสิ!'
การทดสอบจบลงด้วยเสียงปรบมือ
ทักษะของยูตะไม่ค้านสายตาใครเช่นนี้ ได้เข้าร่วมชมรมแล้วแน่นอน
'รุ่นพี่สมกับเป็นแชมป์เยาวชนจริงๆ เก่งเฝพอจะเป็นอาจารย์ให้เราเลย อย่างนี้เราต้องตีสนิทพี่เซริเข้าไว้'
เซริฟาดกระหน่ำขนาดนั้นยังตั้งรับได้
อย่างนี้ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่า...เอาความเย็นดับความร้อน เอาอ่อนไปรับแข็ง!
เป้าหมายสูงสุดของเซริในปีนี้คือการป้องกันแชมป์เยาวชนครั้งสุดท้ายก่อนจะจบ ม. 6 และอายุเกิน 18 ปี หากสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้ชื่อของเขาจะเข้าไปอยู่ใน Hall of Fame ของสมาพันธ์เคนโด้ จะถูกให้เป็นหนึ่งในตำนานแชมป์เยาวชนอีกคน
คู่แข่งปีนี้เป็นใครที่เซริจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด นั่นก็คือ
ทานากะ วาตานาเบ้ - ทายาทนักธุรกิจชื่อดัง ผู้มีประสบการณ์แข่งขันอย่างโชกโชนที่ต่างประเทศ เซริเคยเจอทานากะบ้างตามงานแข่งขันเคนโด้ท้องถิ่นแต่ไม่เคยลองวัดฝีมือด้วยกันมาก่อน เซริทำได้เพียงศึกษาคู่แข่งได้จากวิดีโอคลิป
"ช่วงนี้ทั้งเรียนทั้งซ้อมเคนโด้ เหนื่อยหน่อยนะเซคุงแต่ทำให้เต็มที่ก็แล้วกัน แค่นี้แม่กับพ่อก็ภูมิใจในตัวลูกมาก ๆ แล้ว"
"ไม่เหนื่อยเลยครับคุณแม่ ถ้ารู้ว่าได้ทำเพื่อใคร" เซริตอบ
"จริง ๆ ถ้าอยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแบบเพื่อน ๆ ก็ได้นะ พ่อไม่บังคับเราให้เรียนตำรวจ" ผู้บัญชาการตำรวจฮายาม่า ซาโซริแนะนำ เขาไม่ขัดข้องหากลูกชายอยากใช้ชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นบ้าง
"ผมจะสอบเข้าโรงเรียนตำรวจครับคุณพ่อ ผมตั้งใจไว้แล้วครับ" เซริยืนยันหนักแน่น
"คุณคะ ลูกไม้จะหล่นไกลต้นได้ไงล่ะคะ ขนาดฮิคารุจังยังเลือกเรียนสาขาอาชญวิทยาเลย"
"ฮิคารุจังเห็นบอกว่ามีชื่อไว้ให้เพื่อนเรียกด้วย ชื่อเดียวกับอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง"
ฮิคารุหรือฮิลลารี่ พี่สาวแท้ ๆ ของเซริ เป็นลูกบุญธรรมของญาติที่สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันนี้กำลังเรียนมหาวิทยาลัยและตั้งใจจะทำงานด้านการสืบสวน
ที่สำคัญตระกูลนี้...ยิงปืนแม่นทุกคน!