“ตาพีร์! ทำอะไรน้อง!!” รณพีร์เลื่อนสายตามองข้อเท้าของเธอ เขากลืนน้ำลายลงคอเล็กอึกใหญ่ เมื่อวานตนเป็นคนผลักเธอจนสาวเจ้าบาดเจ็บ
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร เจนไม่เป็นไรมากค่ะคุณแม่” เธอเริ่มเห็นท่าไม่ดี สถานการณ์ภายในบ้านกำลังตึงเครียด ขืนออเซาะอีก มีหวังชายตรงหน้าคงเกลียดเธอมากกว่าเดิม
“ว่าแต่ข้อเท้าไปโดนอะไรมาล่ะลูก ต้องพันผ้าเลยเหรอ” เธอเดินเข้ามาก็ไม่ทันสังเกต เพลงพิณเลื่อนสายตามองข้อเท้าของว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรด
“อ้อ คือว่าหนูข้อเท้าแพลงน่ะค่ะ”
“อ้าว ไปทำอีท่าไหนให้ข้อเท้าแพลงล่ะ” อดิสรณ์เอ่ยถาม ทำให้เจนจิราเลื่อนสายตาไปมองตัวต้นเหตุ ซึ่งเขาก็มองเธออยู่แล้วด้วย มองจนเจนจิราต้องหลบสายตา
“คือว่าหนูใส่ส้นสูงแล้วก้าวขาขึ้นรถผิดท่าน่ะค่ะ” เธอไม่อยากให้ชายคนที่ตนรักนั้นโดนต่อว่า เจนจิราโกหกได้อย่างแนบเนียน ด้านรณพีร์เอง เขาไม่พอใจมากกว่าเดิมที่เธอปกป้องเขา ทำให้ตนรู้สึกผิดมากกว่าเดิม
“โอ๊ย! ไม่เป็นไรมากใช่ไหม” มารดาของเขาก็เป็นห่วงเป็นใยเธอเสียเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรมากเลยค่ะ” ว่าด้วยรอยยิ้ม แม้นในใจจะแอบหวั่นใจกับสายตาของคนตัวโตมากเพียงใดก็ตาม
“ถ้างั้นก็ดีแล้วแหละ บุญรักษานะลูก” ได้ยินแล้วก็สะอิดสะเอียน รณพีร์ไม่อยากทนฟัง เขาทำท่าจะเดินหนี
“จะไปไหน น้องมาหาไม่เห็นหรือไง” แต่ก็ไปไหนไม่ได้
“ผมแค่จะกลับขึ้นห้อง” วันหยุดเขาก็อยากพัก
“อย่าเพิ่ง เจนนี่มาหาทั้งทีแกก็จะใจร้ายเดินหนีน้อง อยู่กินข้าวกับน้องก่อน” อดิสรณ์เอ่ยเสียงเข้ม แต่พอเห็นว่าลูกชายไม่มีท่าทีอ่อนลงนั้นก็กดเสียงต่ำลงมากขึ้น “นี่เป็นคำสั่ง พีร์!”
“_” รณพีร์กัดฟันกรอด เขาเบื่อขี้หน้าเจนจิราที่สุด หล่อนทำให้ชีวิตของเขานั้นน่าเวทนา พ่อแม่บังคับ รักคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง
“เอาละ ๆ แม่ทำกับข้าวไว้ให้ มากินข้าวด้วยกันดีกว่า” เพลงพิณเอ่ยแทรก เห็นท่าไม่ดีกลัวว่าสามีคู่ชีวิตจะวางมวยกับลูกชายตัวเอง
“เดี๋ยวหนูไปช่วยค่ะ” เจนจิราเสนอตัว งานครัวที่บ้านไม่เคยคิดแตะต้อง แต่พอมาอยู่บ้านผู้ชายก็ระริกระรี้อยากช่วยงานเสียอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรจ้ะ ข้อเท้าเจ็บอยู่หนูควรนั่งพักก่อนนะ”
“เอ่อ เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอส่งยิ้มให้อีกฝ่ายบาง ๆ ก่อนจะหันไปมองรณพีร์ ซึ่งเพลงพิณเองก็มองตาม รับรู้ว่าว่าที่ลูกสะใภ้ต้องการอะไร
“ตาพีร์ หนูเจนนี่เจ็บข้อเท้า ลูกก็เข้ามาพยุงน้องหน่อยก็ได้” รณพีร์อยากกลั้นลมหายใจตายไปเสีย แต่ก็ไม่อยากสาวความยาวต่อความยืด ชายหนุ่มค่อย ๆ ยื่นแขนไปประคองแผ่นหลังบางของเธอเบา ๆ
“ขอบคุณนะคะ” เจนจิรายิ้มแก้มแทบแตก หล่อนทำทีเดินกะเผลก ๆ ให้เขาเห็นใจ เธอตีบทแตกแต่รณพีร์นั้นดูออก
“เธอน่าจะไปแสดงละครนะ” พ้นสายตาพ่อกับแม่ ริมฝีปากหนาก็เอ่ยพูดทันที เป็นคำพูดที่เล่นเอาจุกอกไม่น้อย
“ทำไมคะ ฉันสวยเหมาะกับเป็นนางเอกเหรอคะ” เธอทำตาแบ๊ว ๆ ให้เขา ท่าทีของหล่อนนี้ทำเอาชายหนุ่มหมั่นไส้
“หึ เธอมันบ้า คิดไม่ได้หรือไงว่าฉันจะด่าเธอว่ายังไง” ไม่ว่าเปล่า รณพีร์ดันไหล่ของเธอ จนคนตัวเล็กทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างแรง
“โอ๊ย!!” เจนจิราร้องเสียงหลงจนชายหนุ่มตกใจ เขายกมือขึ้นปิดปากของเธอไว้
“เงียบ! เธอจะฟ้องอะไรพ่อแม่ของฉันอีก” เขายกนิ้วชี้มืออีกข้างขึ้นมาชี้หน้าข่มขู่เธออีก จนเจนจิรายอมเงียบเสียงในที่สุด
“อ๊อยไอ๊แอ๊ว” (ปล่อยได้แล้ว) ทำสายตาเว้าวอน จนเขายอมลดมือลงในที่สุด
“อย่าคิดจะฟ้องพ่อแม่ฉันเด็ดขาด” ขู่เสียงเข้ม ท่าทีของเขาทำให้คนตัวเล็กย่นจมูกใส่
“ไม่ฟ้องหรอกค่ะ ฉันไม่อยากให้พี่โดนดุ”
“ไม่อยากให้โดนดุแล้วมาทำไม การที่เธอมาที่นี่นี่แหละที่จะทำให้ฉันโดนดุ” ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เธอมันคนปากอย่างแต่ทำอีกอย่าง
“ก็...คิดถึงนี่ ละก็อีกอย่าง เรื่องเมื่อคืนนี่มันยังไงคะ มีคลิปพี่หลุดออกมา พี่ทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง”
“ทำอะไร ฉันทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน”
“ไม่ใช่ พี่ทำไม่ถูกต้องนะ พี่มีฉันแล้ว แต่พี่ก็ไปนัวเนียกับคนอื่น”
“เพ้อเจ้อแล้วเจนนี่ ฉันไม่ได้มีเธอ เธอไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน” รณพีร์ขมวดคิ้ว นี่หล่อนพูดไม่เข้าใจหรือพูดไม่รู้เรื่อง หรือว่าเป็นบ้าไปแล้วกันแน่
“ก็ ก็ฉันชอบพี่ พี่อย่าไปทำแบบนั้นกับคนอื่น พี่ต้องทำกับฉันแค่คนเดียว” เอ่ยเสียงแข็ง เจนจิราเชิดหน้าสู้ ด้วยความที่เขายืนส่วนเธอนั่ง
“เฮ้อ เธอมันบ้า” ส่ายหน้าเบา ๆ ไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น พูดไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี พลอยจะทำให้ปวดหัวเสียเปล่า ๆ
“ละฉันก็มีอะไรจะบอกพี่ด้วย” อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนโหมดอารมณ์ จนคนตัวโตตามไม่ทัน “พ่อจะจับฉันแต่งงาน”
“ฮะ...” รณพีร์อุทานเสียงหลง ซึ่งเรื่องนี้เจนจิราก็พอรู้มาก่อนว่าพ่อแม่ต้องการอะไร หล่อนคิดว่าพวกท่านล้มเลิกความคิดแล้วเสียอีก ก็เลยไม่เคยเล่าให้เขาคนนี้ฟัง “แต่งงาน? ก็ดีน่ะสิ”
“ไม่ดีสิคะ เพราะคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยมีคนเดียว คือพี่พีร์”
“หึ แต่งไปคนเดียวเลย ฉันไม่แต่งกับเธอโว้ย!!” พูดเสียงดัง ตอกย้ำซ้ำ ๆ ว่าไม่มีทางแต่งงานกับคนอย่างเธอ
“ชิ แต่ถึงยังไงฉันก็จะทำให้พี่รักฉัน แต่งงานกับฉันอยู่ดี” เจนจิรายกแขนขึ้นกอดอก พูดเสียงหนักแน่นชัดเจนว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมแต่งงานกับก้องเกียรติ คนที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นมีเพียงชายตรงหน้าคนนี้เท่านั้น
“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจออกมา พูดกับเจนจิรานี่ไม่ต่างจากพูดคนเดียวเสียด้วยซ้ำ เธอพูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ยิ่งเขาได้ยากมากเท่าไร ก็ยิ่งอยากได้มากเท่านั้น จนลืมความเป็นจริงว่าสิ่งที่หล่อนทำนั้นทำให้เขาลำบากใจมากแค่ไหน
“พีร์ลูก! พาน้องมากินข้าวได้แล้วจ้ะ” พอบทสนทนาเงียบลง คนเป็นแม่ก็เตรียมโต๊ะอาหารเรียบร้อยพอดีอย่างกับรู้คิว รณพีร์หันไปมองคนตัวเล็ก
“ลุกสิ”
“ลุกไม่ได้ ข้อเท้าเจ็บ”
“อย่ามาสำออย ตอนเธอเดินเข้ามาในบ้านยังเดินคล่องอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับสำออยอยากให้ฉันอุ้ม?”
“ก็ไม่ถึงกับต้องอุ้มสักหน่อย” ว่าพร้อมกับทำหน้ามุ่ย เอะอะเขาก็เอาแต่จะต่อว่าเธอ
“แต่เธอ...”
“มาได้แล้วลูก!!” ยังไม่ทันได้ต่อว่าเธอ เสียงของคนเป็นแม่ก็ดังขึ้นเสียก่อน ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาแรง ๆ
“ลุก”
“พยุงหน่อยค่ะ” เห็นว่าเขาไม่มีทางเลือก ก็เลยใช้มารยาเรียกร้องความสนใจ “ถ้าไม่พยุง ฉันจะเรียก...”
“เจนนี่ เธอนี่มัน...”
“คะ คุณ...อ๊ะ!” เจนจิรากำลังอ้าปากร้องเรียกหามารดาของเขา แต่ก็ถูกฝ่ามือหนาตะปบปิดริมฝีปากเสียก่อน เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาทำอย่างนี้
“จิ๊...น่ารำคาญ” จิ๊ปากอย่างคนนึกรำคาญ ก่อนจะตัดปัญหาด้วยการโน้มตัวลงอุ้มเธอขึ้นแนบอก โดยไม่บอกไม่กล่าวเธอสักคำ
“ว้าย!” กระนั้นก็ยังดีที่เธอมีไหวพริบ ยกแขนขึ้นโอบรอบคอแกร่งของเขาไว้ได้ทัน ไม่งั้นคงทำเขาเสียหลักไปด้วย ด้วยความที่ตัวเธอนั้นก็ไม่ใช่คนตัวเล็กอะไรมาก
...เจนจิราเม้มริมฝีปากเข้าหากัน สายตาเพ่งมองสันกรามคมกริบที่มีไรหนวดเขียวครึ้มอยู่ เขาหล่อมาก ยิ่งโตยิ่งหล่อไปกันใหญ่ แม้นจะอายุมากกว่าเธอถึงเจ็ดปีก็ตามแต่ ทว่าเขาก็ดูไม่แก่ขึ้นเลยสักนิด แถมยังหล่อขึ้นเรื่อย ๆ จนเธออดที่จะรู้สึกหวงไม่ได้
“อ้าว...” เพลงพิณตกใจเล็กน้อยที่เห็นเจ้าลูกชายอุ้มว่าที่ลูกสะใภ้คนโปรดเข้ามา แต่ก็รู้สึกดีที่ลูกชายหัดเอาใจเธอ
ด้านรณพีร์เอง เขาปล่อยคนตัวเล็กลงที่เก้าอี้ ฝั่งตรงข้ามกับพ่อแม่ นั่งข้าง ๆ เขา แต่เจ้าตัวกลับทำทีเหมือนจะเดินหนี
“ไปไหนล่ะ” คนเป็นพ่อกดเสียงต่ำจนฝ่าเท้าหนาต้องชะงักไป
“มากินข้าวกับน้อง”
“ผมไม่หิวครับ”
“อย่าให้ต้องพูดรอบสอง” รณพีร์กำมือเข้าหากันแน่น เมื่อผู้เป็นพ่อเลือกที่จะข่มขู่เขาทั้งน้ำเสียงและสายตา แม้นว่าตนจะโตมากแล้ว ก็ยังต้องมาบังคับขู่เข็ญเขาอีก แต่พอจะขัดคำสั่ง ภาพวัยเด็กที่ตนถูกพ่อแม่ดูแลมาอย่างดีก็ลอยเข้ามาในหัว เขาไม่อาจะขัดคำสั่งผู้มีพระคุณได้ ไม่ได้เลยจริง ๆ
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” อดิสรณ์มองลูกชายที่ยอมเดินกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ แม้นจะมีท่าทีหัวเสีย แต่ลูกชายก็ไม่เคยหลุดกรอบที่ตนวางไว้ เขาหวังดี หนูเจนนี่นี่แหละเหมาะสมที่สุด...
เวลาต่อมา...
มื้ออาหารผ่านไปด้วยความรวดเร็ว บนโต๊ะอาหารมีแค่เสียงของพ่อกับแม่ และเสียงของเจนจิราเท่านั้น ส่วนรณพีร์น่ะหรือแทบจะต้องใช้ส้อมง้างปากให้พูด พอกินมื้ออาหารเสร็จ เขาก็รีบกลับขึ้นห้อง ทำเอาเจนจิราหน้าเสีย
“เฮ้อ เจ้าลูกคนนี้” เพลงพิณถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้พี่เขาได้พักก่อนก็ได้ค่ะ วันนี้วันหยุดทั้งที” ว่าด้วยรอยยิ้ม ซึ่งคำพูดของเธอก็ได้ใจคนอาวุโสทั้งสอง
“โหย หนูจิตใจดีอย่างนี้ไงแม่กับพ่อถึงรัก”
“หึ ขอบคุณค่ะ” เจนจิราฉีกยิ้มกว้าง ไหนใครบอกว่ารักใครให้เข้าทางพ่อแม่จะง่าย แต่ความจริงแล้วมันยากกว่านั้น ติดที่เขาไม่รักเธอนี่แหละ ไม่รักก็คือไม่รัก...แต่เธอก็ยังอยากฝืนอีกหน่อย เพราะรักเขาเหลือเกิน
เจนจิรากลับมาขึ้นรถ เธอมักจะทำอย่างนี้เป็นประจำ มาตามตื๊อแค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อไม่ให้เขารำคาญไปมากกว่านี้ หญิงสาวไม่เคยอยู่เต็มวัน เธอมักจะทิ้งพื้นที่ให้เขาได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง และอีกอย่าง...เวลานี้เขาอาจจะกำลังหมกมุ่นเรื่องของเธอโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ เจนจิรายกยิ้มมุมปาก
“เรื่องที่คุณหนูให้ไปสืบ ได้เรื่องแล้วนะครับ” เสียงของการ์ดที่นั่งข้างคนขับเอ่ยขึ้น เธอจำชื่อไม่ได้ ด้วยความที่บอดีการ์ดที่คนเป็นพ่อจัดให้นี้เปลี่ยนไปมาจนเธอนั้นสับสน
“งั้นก็ไปเลย”
“ไหวเหรอครับ คุณหนูไม่เจ็บข้อเท้าเหรอครับ” เขาเห็นว่าเธอเดินขากะเผลก ๆ ออกมา คิดว่าคงเจ็บข้อเท้าอยู่ แต่เธอกลับส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่เจ็บแล้วแหละ ออกรถเลย” ไม่ได้เจ็บเท่าไรตั้งแต่แรก แค่อยากให้รณพีร์เอาใจก็เท่านั้น หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ เธอยกปลายเล็บขึ้นมาดู สงสัยวันนี้ต้องไปทำเล็บสักหน่อยแล้ว ปลายเล็บที่ฉีกเล็กน้อยนี้ทำเอาหงุดหงิดมากเลยทีเดียว
“ถึงแล้วครับ” เสียงบอดีการ์ดดังขึ้น เรียกสติของเจนจิราให้หลุดจากภวังค์ เธอหันไปมองด้านข้าง
“ที่นี่เหรอ”
“ครับ ผมตามสืบจากคลิปวิดีโอที่มีคนแชร์เยอะ ๆ แล้วก็มีคนมาคอมเมนต์บอกเหมือนกันว่าเธอคนนี้เป็นหมอที่คลินิกนี้ครับ” เจนจิราพยักหน้ารับเบา ๆ ในคลิปวิดีโอเมื่อคืนนี้คนในคลิปแต่งตัวแรงมาก ไม่คิดว่าทำงานเป็นหมอ
“โอเค เดี๋ยวฉันลงไปเคลียร์” ว่าแล้วฝ่ามือบางก็ล้วงเอาลิปสติกราคาแพงออกมาจากกระเป๋าหนังยี่ห้อดัง เธอทาลิปสติกสีแดงแปร๊ดเรียกความมั่นใจเสียหน่อย ก่อนจะก้าวขาลงจากรถเบนซ์คันหรู เพื่อจะไปจัดการกับใครบางคน
นางนั่นเป็นใคร...ริอ่านมานั่งตักนัวเนียพี่รณพีร์ของเธอ