“คุณชาย!!”
ถังจื่อรั่วกระโดดถอยหลังในท่านั่งยองอย่างแตกตื่น นี่สินะผู้คนโบราณที่มีฝีมือฝีเท้าแผ่วเบาเหมือนในหนังยุทธภพ นางไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของผู้มาใหม่คนนี้แม้แต่น้อย รู้ตัวอีกทีบุรุษอายุราว 30 ปีเศษก็มาคุกเข่าอยู่ข้างตัวแล้ว
“ข้าถูกพิษ เป็นนางที่ช่วยข้าเอาไว้” เซี่ยหลุนส่งเสียงแผ่วเบาออกมาจากลำคอเมื่อเห็นฟู่เกอคนสนิทของตนส่งสายตาไม่ไว้วางใจไปยังร่างเล็กของถังจื่อรั่ว
“ถูกพิษ! ข้าจะรีบพาท่านกลับไปรักษาตัว”
“ไม่ต้อง ข้าดีขึ้นแล้ว” เซี่ยหลุนมั่นใจกับของเหลวที่ตนไม่รู้จักเมื่อครู่มาก เวลานี้ครึ่งร่างของเขาไม่มีอาการปวดแสบปวดร้อนภายในแล้ว หลงเหลือไว้เพียงความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดมาครึ่งค่อนคืน
“ขอบคุณแม่นางน้อย แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องรีบกลับขอรับคุณชาย หากไปไม่ทัน นายท่านผู้เฒ่าอาจจำต้องส่งมอบตำแหน่งผู้สืบทอดให้กับคนผู้นั้น เราจะรอช้าไม่ได้” บุรุษผู้มาใหม่หันมากล่าวขอบคุณเด็กสาวคำหนึ่ง ก่อนจะรีบร้อนช้อนตัวชายหนุ่มที่เขาเรียกว่าคุณชายขึ้นมา
“ฟู่เกอพานางกลับไปกับเราด้วย ที่นี่ไม่มีบ้านเรือนผู้คน นางอาจจะหลงทางมา” เซี่ยหลุนไม่ได้ต่อต้านความช่วยเหลือของอีกฝ่าย แต่อดห่วงเด็กสาวผู้มีพระคุณไม่ได้
ตนหลบหนีการไล่ล่ามาเป็นระยะทางไกล รู้ดีว่าบริเวณนี้ไม่มีบ้านเรือนผู้คน จนกระทั่งได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของสตรีดังขึ้นมาท่ามกลางความมืดและความเงียบงันโดยรอบ เขาจึงกลั้นใจมุ่งมายังต้นทางเสียงและได้พบกับเด็กสาวผู้นี้
เบื้องหลังเป็นเพียงวัดร้างที่ผุพังคล้ายจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ ไม่แน่ว่าเด็กสาวอาจจะหลงทางมาก็เป็นได้
“ข้ายังมีน้องอีกสองคนอยู่ข้างใน” ถังจื่อรั่วดีใจที่อย่างน้อยนางก็ให้ความช่วยเหลือคนที่พอจะรู้จักบุญคุณคน ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาเฉียบคมแข็งกร้าวราวกับสุนัขป่าไม่ได้คิดสังหารนาง ซ้ำยังยินดีจะพานางออกไปจากสถานที่รกร้างแห่งนี้
“เด็กน้อยเจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจำต้องพาคุณชายกลับไปโดยเร็ว เมื่อได้พบกับคนของเราที่แยกย้ายกันตามหาคุณชายอยู่ ข้าจะส่งพวกเขามารับเจ้าสามคนอีกที” บุรุษคนเดิมส่ายหน้า เขาไม่สามารถหอบหิ้วเด็กเล็กสามคนติดตามไปได้ในเวลาคับขันเช่นนี้
ถังจื่อรั่วหุบปากที่ยิ้มร่าด้วยความยินดีลงโดยพลัน แต่นางก็พอจะฟังความเข้าใจได้อยู่ว่าชายหนุ่มอายุน้อยกว่าคงจะเป็นบุตรชายที่มีความสำคัญในสกุล และถูกพี่น้องร่วมสกุลตามไล่ล่าสังหาร ตัวเขายังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ถ้าให้ฟู่เกอต้องพาเด็กอีกสามคนไปด้วย คงจะไม่ทันการณ์
“เก็บนี่ติดตัวเอาไว้” เซี่ยหลุนปลดหยกออกจากเอว ส่งให้เด็กสาว คิดจะใช้หยกเป็นเครื่องยืนยันตัวตนเมื่อเขาส่งคนมาตามหานาง
เวลานี้ถังจื่อรั่วจึงได้มองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจน เกาซ่งอวิ้นในความทรงจำของนางก็นับว่าเป็นบุรุษหน้าตาดีใช่ย่อย แต่คนผู้นี้โดดเด่นเหนือชั้นยิ่งกว่า
ส่วนเซี่ยหลุนเขายังตาพร่ามัวอยู่ มองเห็นใบหน้าของเด็กสาวยังไม่ชัดเจน แต่เขาจดจำดวงตาโตดำขลับใสแป๋วของเด็กสาวได้แม่นยำ
ถังจื่อรั่วยื่นมือออกไปรับแผ่นหยกชิ้นนั้นมาด้วยความเต็มใจ นางก้มลงพิจารณาหยกสีขาวมันแพะในมือเห็นมีอักษรเซี่ย ซึ่งคาดว่าจะเป็นแซ่ของชายหนุ่ม ยังไม่ทันจะได้ถามว่าคนของเขาต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะมารับตนและน้องสองคนออกไปจากที่นี่ได้ ร่างใหญ่ของฟู่เกอก็แบกร่างอ่อนแรงของชายหนุ่มหายลับไปเสียแล้ว
“สวรรค์!! ข้ามเวลามาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ฉันก็ถูกผู้ชายทิ้งถึงสองคนแล้ว” ถังจื่อรั่วอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ร่างเล็กหนาวสั่นสะท้านจากหิมะที่โปรยลงมาไม่หยุดหย่อน ภายในจิตใจก็วูบไหวเย็นเยียบด้วยความหวาดกลัว จนบัดนี้นางเพิ่งจะรู้สึกว่าตนอ่อนแรงเพียงใดเพราะเพิ่งจะฟื้นคืนจากความตายมาได้ไม่นาน
ถังจื่อรั่วก้มหน้าคอตกลากร่างของตนไปหาน้องสองคน ดึงผ้าห่มคลุมร่างเล็กที่นอนซุกกันเพื่อหาไออุ่น ส่วนตนก็เลือกนอนลงตรงพื้นที่ว่างข้างถังเยียนโดยไม่ห่มผ้าเอียงตัวใช้มือโอบกอดน้องทั้งสองเอาไว้แล้วเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
เกือบรุ่งสางถังเยียนก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก เขาเห็นว่ามีผ้าห่มคลุมร่างตนกับน้องเล็กเอาไว้ส่วนพี่ใหญ่ก็นอนพวกเขาอยู่ เด็กชายตะลีตะลานผุดลุกขึ้นยืน ดันร่างจ้อยของถังฮุ่ยหลินให้เข้าไปใกล้พี่สาวใหญ่แล้วดึงผ้าห่มไปคลุมร่างถังจื่อรั่วเอาไว้คนเดียว
เมื่อคืนก่อนนอนเขาจำได้ว่าพี่ใหญ่นอนตรงกลาง แล้วสั่งให้ตนกับน้องสาวกอดนางเอาไว้เพราะนางหนาวมาก ไม่รู้ตอนไหนที่ตนกลับมานอนอยู่ตรงกลาง ซ้ำร้ายยังฉวยเอาผ้าห่มมาใช้กันสองคนปล่อยให้พี่สาวต้องนอนหนาวเพียงลำพังเข้าอีก
เด็กชายสูดน้ำมูกน้ำตาอย่างยากเย็น ฝืนอดทนกับความหนาวที่สัมผัสร่างเล็ก เดินหาเศษไม้แห้งมาก่อไฟให้สตรีสองคน
ตั้งแต่ได้รับหน้าที่ในการก่อไฟหุงหาอาหารเอง ถังเยียนก็ขโมยหินเหล็กไฟสำหรับจุดไฟมาจากครัวสกุลเกามาติดตัวไว้ตลอดเวลา การก่อฟืนไฟจึงเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นมากในเวลานี้
“ท่านน้า ท่านลุง” เด็กชายเดินกอดอกตะโกนเรียกหาหลัวซิ่นกับคนขับรถม้าอยู่นอกวัดร้าง เวลานี้พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เด็กชายมองเห็นพื้นที่รอบด้านได้อย่างแจ่มชัด แต่เขากลับมองไม่เห็นเกวียนวัวกับผู้อาวุโสสองคนเลย
เด็กชายวิ่งวนรอบวัดร้างหลายรอบจนเหนื่อยหอบ เริ่มรู้ตัวแล้วว่าพวกตนถูกทิ้งเอาไว้กลางทาง แล้วเมืองซุ่นโจวไปทางใด พี่เขยอยู่ที่ไหน? เด็กน้อยร่ำไห้ออกมาอย่างอดไม่อยู่
“น้องรอง กลับเข้ามาก่อนเร็ว” ถังจื่อรั่วตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นถังเยียนแล้ว นางเห็นว่าเด็กชายก่อไฟใส่กระถางดินเผาแตกหักทิ้งไว้ให้นางและถังฮุ่ยหลิน น้ำตาของถังจื่อรั่วก็พลันไหลออกมาเป็นสาย
ร่างเดิมคิดถึงแต่เรื่องตัวเอง ไม่เคยมีน้ำใจรักใคร่สองพี่น้องตัวน้อยคู่นี้แม้แต่นิด หนำซ้ำยังมีความคิดรังเกียจที่เด็กสองคนต้องมามีส่วนแบ่งในความรักและทรัพย์สมบัติของบิดามารดาอีกด้วยซ้ำ แต่ดูสิ่งที่ถังเยียนทำเสียก่อน ทุกลมหายใจของเด็กชายมองเห็นพี่สาวเป็นดังมารดา ทนมองเห็นถังจื่อรั่วเหงื่อหยดยังแทบไม่ไหว
“พี่ใหญ่ พวกเขาหายไปไหนไม่รู้ขอรับ” ถังเยียนปาดน้ำตาทิ้ง พี่สาวสั่งให้เขาเป็นเด็กเข้มแข็งต้องดูแลพี่สาวและน้องสาว เขาไม่อาจร่ำไห้ต่อหน้านาง
“ฮุ่ยหลินตื่นได้แล้ว” เด็กชายปราดเข้าไปปลุกน้องเล็กก่อน น้องสามกำลังห่มผ้าอยู่ ผ้าห่มผืนนี้มีไว้สำหรับพี่ใหญ่คนเดียวเท่านั้น!
ถังฮุ่ยหลินได้ยินเสียงเรียกจากพี่ชาย นางรีบลุกขึ้นนั่งหน้าตางัวเงีย ดวงตายังไม่ทันลืมขึ้นเต็มตื่น แต่จิตใต้สำนึกยังเดินหอบผ้าไปหาพี่ใหญ่ ส่งผ้าห่มให้นาง
“มานี่ทั้งสองคนเลย” ถังจื่อรั่วดีงร่างน้องสองคนมาใกล้ ใช้ผ้าห่มคลุมร่างเล็กแล้วบังคับให้เด็กทั้งสองนั่งลงข้างกองไฟในกระถาง
ถังเยียนเงยหน้ามองตามร่างพี่สาวไปด้วยความงุนงง พี่ใหญ่เป็นฝ่ายเดินมาจูงมือพวกเขาเองเนี่ยนะ! ทุกครั้งมีแต่เขากับน้องสาวที่ต้องเข้าไปพยุงแขนพี่สาวคนละข้าง
ถังจื่อรั่วเดินสำรวจภายในวัดร้าง นางมองเห็นตะกร้าบรรจุแผ่นแป้งย่างที่ยังหลงเหลืออยู่ตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อเปิดผ้าที่ห่อคลุมเอาไว้ยังพบว่ายังมีทั้งแผ่นแป้งและน้ำหลงเหลืออยู่อีก
“อย่างน้อยยายป้านั่นก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง” เด็กสาวบ่นงึมงัม
แท้จริงแล้ว นางหลัวซิ่นหลอกลวงพี่ชายว่าเกาซ่งอวิ้นรู้เรื่องการนำคู่หมายของนางมาทิ้งไว้ที่นี่ เพราะหากไม่ยืนยันเช่นนั้นพี่ชายนางก็ยังไม่กล้าตัดใจทิ้งคู่หมายของเกาซ่งอวิ้นที่อาจจะได้เป็นขุนนางในภายหน้า
รวมทั้งยังกล่อมเขาอีกว่าเด็กสามคนแข็งแรงราวกับวัวกับม้า ไม่นานก็ย่อมหาทางกลับไปที่หมู่บ้านหนิงป่อได้เอง เพียงแค่เวลานั้นนางก็จะกลายเป็นสตรีที่หนีตามบุรุษไปแล้วหลายวัน ไม่อาจแต่งงานกับเกาซ่งอวิ้นได้อีกต่อไป
ก่อนนางจะจากไปยังแสร้งทำเป็นเอาใจใส่เด็กสามคน โดยทิ้งแป้งย่างที่เหลือ 10 กว่าชิ้นพร้อมกับน้ำดื่มวางไว้ให้สามพี่น้องสกุลถัง เพื่อให้พี่ชายมั่นใจว่าเด็กจะไม่อดอาหารหมดแรงจนเดินหาคนมาช่วยไม่ได้อีก
แต่ทั้งหมดนี้ถังจื่อรั่วคนเดิมไม่ได้ล่วงรู้แม้แต่น้อย นางได้ยินเพียงว่าเกาซ่งอวิ้นรู้เห็นเป็นใจในการกระทำครั้งนี้ และยังถ่ายทอดความทรงจำอันเลวร้ายมาถึงจางจื่อรั่วอีกด้วย