ตอนที่ 21 สองผู้อาวุโสสกุลเกา

1705 คำ
เกากังเยว่เดินนำพ่อบ้านเฉียนมายังเรือนหลัก และนั่งลงบนเก้าอี้กลางโถงด้านหน้าที่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับต้อนรับแขก เวลานี้่มีเพียงตนกับเกาหานซิ่นน้องชายลำดับที่สามพำนักอยู่ในจวนเท่านั้น แต่เกาหานซิ่นออกไปดูแลกิจการการค้าอยู่ภายนอก ตนจึงอยู่ในจวนเพื่อคอยบริหารงานภายใน ส่วนพี่ชายคนโตเกาจางเหว่ยเวลานี้รั้งตำแหน่งอยู่ในสังกัดสำนักมหาเสนาบดี ทำหน้าที่คัดกรองคนที่มีความสามารถเป็นเลิศทางด้านต่าง ๆ และแนะนำให้กับมหาเสนาบดีเพื่อคัดเลือกเข้าเป็นข้าราชสำนัก จึงต้องออกเดินทางไปหลายเมืองเพื่อเฟ้นหาผู้มีความสามารถ นานครั้งจึงจะกลับมาที่เมืองเจี้ยน เกากังเยว่พิจารณาชายหนุ่มผู้กำลังเดินตามบ่าวรับใช้มาจากศาลารับรองอย่างตื่นตะลึง ใบหน้าของผู้ที่มาละม้ายคล้ายคลึงน้องชายเกาเหว่ยหลงที่หายไปถึงเก้าส่วน มีเพียงบุคลิกที่มั่นคงแววตาแน่วแน่สงบนิ่งเท่านั้นที่แตกต่างจากเกาเหว่ยหลงน้องชายคนเล็ก “หลานคารวะท่านลุงรอง” เกาซ่งอวิ้นสอบถามจากบ่าวรับใช้แล้วว่าเวลานี้ในจวนนอกจากนายท่านผู้เฒ่าฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งก็คือท่านปู่ท่านย่าของตน ก็มีเพียงเกากังเยว่ท่านลุงรองอยู่ที่นี่เท่านั้น อายุของบุรุษเบื้องหน้าย่อมไม่ใช่ท่านปู่ ฉะนั้นก็ต้องเป็นท่านลุงที่จะออกมารอพบตน เกากังเยว่ลอบกลืนน้ำลายอย่างสั่นสะท้าน สมแล้วที่พ่อบ้านเฉียนจะเสียอาการไปถึงเพียงนั้น ไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือแววตาชายหนุ่มผู้นี้ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนกับเกาเหว่ยหลงราวกับเป็นคนเดียวกัน “เจ้ามีนามว่ากระไร” น้ำเสียงของเกากังเยว่อ่อนโยนจนถึงที่สุด อดคิดไม่ได้ว่าคนเบื้องหน้าคือน้องชายแท้ๆ ที่เพิ่งกลับมาหลังจากหายหน้าไป 19 ปี “หลานเกาซ่งอวิ้น บัดนี้อายุ 17 ปีแล้ว เดินทางมาจากเมืองซุ่นโจวขอรับ” “ซุ่นโจวหรือ? ไหนลองเล่าเรื่องราวของเจ้ามาให้ข้าฟังสิ” นี่เป็นคนแรกที่มาอ้างว่าเกาเหว่ยหลงหายหน้าจากสกุลเกาไปอยู่ที่ซุ่นโจว ส่วนใหญ่ทุกคนที่มาแอบอ้างมักจะอ้างถึงเมืองหลวงหรือหัวเมืองใหญ่ๆ และกล่าวว่าเกาเหว่ยหลงไปทำการค้าอยู่ในเมืองใหญ่เหล่านั้น แต่ซุ่นโจวไม่ใช่เมืองที่มีการค้าขายคับคั่งแต่กลับเป็นเมืองเกษตรกรรมเสียมากกว่า นิสัยขี้เล่นและได้รับการประคบประหงมจากทุกคนในสกุลเกาในฐานะคุณชายคนเล็กสุดในจวน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเกาเหว่ยหลงจะเดินทางไปอยู่ในเมืองที่ยึดอาชีพเกษตรกรรม ใช้ชีวิตชาวไร่ชาวนาลำบากลำบนแน่นอน เกากังเยว่ตั้งคำถามมากมายที่เป็นลักษณะเฉพาะของน้องชายและน้องสะใภ้ การดำเนินชีวิตของพวกเขาในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาและชายหนุ่มสามารถตอบคำถามได้ชัดเจนถูกต้องทุกประการ “หลานชาย มิใช่ว่าข้าตั้งข้อรังเกียจเจ้า แต่หลายปีที่ผ่านมามีคนไม่น้อยที่มาแอบอ้างว่าเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวของเกาเหว่ยหลงเพื่อเข้าร่วมสกุลเกา ทุกคนต่างก็ถือป้ายวิญญาณของเกาเหว่ยหลงและลู่เหม่ยเจินเช่นเดียวกัน ข้ายังไม่อาจวางใจได้สนิทถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเจ้า” เกากังเยว่มองชายหนุ่มด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ กล่าวตามจริงแม้หากเกาซ่งอวิ้นผู้นี้จะโกหกหลอกลวง เขาก็อยากจะรับชายหนุ่มมาอยู่ในจวนใจแทบขาด แต่จวนสกุลเกายังมีบิดามารดา มีพี่น้องที่ไม่อาจทนกับการโป้ปดเช่นนี้ได้ เรื่องราวความรักของเกาเหว่ยหลงและลู่เหม่ยเจินที่ถูกมารดากีดกันผู้คนในเมืองเจี้ยนล้วนรับรู้และเป็นเรื่องที่ถูกนำไปซุบซิบนินทาอย่างกว้างขวาง รูปพรรณสัณฐานของคนทั้งคู่ก็มีคนรับรู้ ดังนั้นจึงไม่แปลกหากเกาซ่งอวิ้นจะศึกษาและวางแผนมาอย่างดีในการตอบคำถาม “นายท่านรอง ข้าอยากให้ท่านลองทดสอบหลานชายผู้นี้อีกสักครั้งเถิดขอรับ” พ่อบ้านเฉียนรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่อยากปล่อยเกาซ่งอวิ้นออกไปจากจวน “ทดสอบอย่างไร ข้าตั้งคำถามกับเขาไปไม่น้อยแล้ว แต่นั่นก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ตัวเขาก็ไม่มีหลักฐานอื่นมาอธิบายได้นอกจากคำพูดเท่านั้น" “ท่านไม่มีคำถามเพิ่มเติม แต่ข้าเชื่อว่านายท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าย่อมจับพิรุธเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างแน่นอนขอรับ” เกากังเยว่เหลือบตามองไปทางเรือนพักของบิดามารดาวัยชราด้วยความลังเลใจ คนทั้งสองเจ็บช้ำเสียใจกับเรื่องราวของเกาเหว่ยหลงมานาน ทุกครั้งที่มีคนมาแอบอ้างแสดงตนว่าเป็นบุตรของเกาเหว่ยหลงที่เสียชีวิตไปแล้ว บิดามารดาก็จะพานโศกเศร้าจนล้มป่วยไปเกือบทุกครั้ง เกาจางเหว่ยพี่ชายใหญ่จึงได้ออกคำสั่งไม่ให้ผู้ใดต้อนรับกลุ่มคนที่มาแอบอ้างเช่นนี้อีก เขาหันไปมองเกาซ่งอวิ้นอีกครั้ง ร่างของชายหนุ่มยังคงยืนสงบนิ่งไม่หวั่นไหวราวกับต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากมั่นคง แววตาที่ไม่ได้หวาดกลัวความผิดทั้งยังคงจ้องมองตนกลับมาอย่างไม่กลัวเกรง “ได้ พ่อบ้านเฉียนไปเชิญท่านพ่อท่านแม่มา!” สองนายใหญ่แห่งสกุลเกามีบ่าวรับใช้ประคองเดินมาถึงห้องโถงหลัก ทันทีที่เกาจิ้งนายท่านผู้เฒ่าที่มีอาการหลงๆ ลืมๆ พูดจาวกวนไม่รู้เรื่องในบางครั้งได้เห็นใบหน้าของเกาซ่งอวิ้น เขาก็รีบสลัดมือบ่าวรับใช้ออกวิ่งไปหยิบเถาเพี่ยน (1) ในจานสามสี่ชิ้นนำไปส่งให้ชายหนุ่ม “หลงเอ๋อร์ไปเล่นซุกซนที่ใดมาอีกเล่า เดี๋ยวพี่ชายเจ้าก็ตามมาดุเอาอีกหรอก รีบกินขนมเสียก่อนอย่าปล่อยให้ท้องหิว” ชายชราป้อนขนมใส่ปากเกาซ่งอวิ้นชิ้นหนึ่งท่าทางเอาอกเอาใจ บุตรชายคนเล็กก็เป็นเสียอย่างนี้ชอบหนีการเรียนไปเที่ยวเล่น จนบางครั้งถูกพี่ชายและพี่สาวลงโทษไม่ให้กินขนม เขาต้องรีบให้บุตรชายได้กินขนมเข้าไปก่อนอีกเดี๋ยวพวกพี่ๆ คงจะตามมาจับตัวเกาเหว่ยหลงเป็นแน่ เกาซ่งอวิ้นเหลือบตาไปมองพ่อบ้านเฉียนที่น้ำตาไหลอาบสองแก้มเหี่ยวย่น เข้าใจแล้วว่าเวลานี้ท่านปู่ของตนคงจะชรามากจนหลงลืมและเข้าใจว่าตนคือบิดา “ขอบคุณท่านพ่อ” ชายหนุ่มอ้าปากรับขนมแผ่นบางมาเคี้ยวกิน ปล่อยให้ชายชราลูบศีรษะและป้อนขนมในมืออีกหลายแผ่นจนหมด “นายท่านมานั่งลงก่อนเถิดขอรับ คุณชายยังมีธุระต้องพูดคุยกับฮูหยินอยู่” พ่อบ้านเฉียนเดินมากล่อมให้เกาจิ้งกลับไปนั่งที่เก้าอี้ อีกทางก็ส่งสายตาไปให้บ่าวรับใช้นำน้ำชาไปส่งให้เกาซ่งอวิ้นได้ดื่ม ตลอดเวลาไม่ว่าจะสายตาของเกาจิ้ง เกากังเยว่ พ่อบ้านและบ่าวรับใช้เก่าแก่ที่ได้เห็นใบหน้าของเกาซ่งอวิ้น ทุกคนล้วนแต่ทิ้งแววตาห่วงหาอาทรณ์อย่างไม่ปกปิด มีเพียงดวงตาเยือกเย็นของฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นเพียงผู้เดียว ที่ยังมองภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน “หลานเกาซ่งอวิ้น คารวะท่านปู่ท่านย่าขอรับ” เกาซ่งอวิ้นจัดการเช็ดปากเช็ดมือ จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วตรงมาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้อาวุโสทั้งสอง “นี่หรือคือเรื่องที่เจ้าให้พ่อบ้านเฉียนไปเชิญข้ากับท่านพ่อเจ้าออกมากังเยว่” ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นเอ่ยเสียงเย็นเนิบนาบไม่นำพากับคำน้อมคารวะของชายหนุ่ม “ท่านแม่ หลานชายผู้นี้พิเศษกว่าคนอื่น ๆ ท่านก็รู้อยู่แก่ใจ ท่านลองทดสอบเขาสักเล็กน้อยเถิดขอรับ หากเขาเป็นหลานชายของเราจริงๆ เล่า หากน้องเล็กเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ เล่าขอรับ” เกากังเยว่กัดฟันขอร้องผู้เป็นมารดา เขารู้ดีว่ามารดาเป็นคนที่ใจแข็งที่สุด แต่เขาก็เคยเห็นมารดาแอบไปร่ำไห้อยู่บ่อยครั้ง นางเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุดกับการจากไปของเกาเหว่ยหลงเช่นกัน เกาซ่งอวิ้นรู้จากเกาเหว่ยหลงอยู่แล้ว ว่าเหตุการณ์ที่ทำให้บิดาตัดสินใจหนีออกจากจวนไปพร้อมกับมารดา มีต้นสายปลายเหตุมาจากท่านย่าที่รังเกียจมารดาของตน ปฏิกิริยาของนายหญิงผู้เฒ่าเสิ่นเวลานี้ ตนเองคาดเดาว่า คงเป็นเพราะท่านย่ายังคงตั้งท่ารังเกียจมารดาลู่เหม่ยเจินและโทษว่าเป็นเพราะนางจึงทำให้เกาเหว่ยหลงหนีไป ดูแล้วตนที่มีเลือดของลู่เหม่ยเจินอยู่ครึ่งหนึ่ง คงจะไม่เป็นที่ต้อนรับของท่านย่าเสียแล้วกระมัง “ท่านย่า ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหลอกลวงท่าน ข้าไม่เหลือผู้ใดในชีวิตอีกแล้วจึงตั้งใจมากราบท่านปู่ท่านย่า ท่านลุงท่านป้าสักครั้ง หากเป็นการสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับท่านหลานต้องขออภัย แต่ก่อนที่หลานจะจากไป มีคำพูดหนึ่งที่ท่านแม่ติดค้างท่านมาตลอด นางเสียใจมากที่ไม่ได้ไขความกระจ่างในข้อนี้ เวลานี้ข้าขอกล่าวแทนนางเถิดขอรับ” (1) เถาเพี่ยน เป็นขนมที่ทำจากข้าวเหนียว วอลนัท น้ำตาล น้ำผึ้งกุหลาบ ทำออกมาลักษณะเป็นแผ่นบางๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม