บทที่ 5อาถรรพ์ลานเกียร์

1289 คำ
“ปล่อยสักทีเปิดเทอมวันแรกใครเขาสอนกันว่ะเรียนทั้งวันกูพึ่งเจอวิชาจารย์คนนี้แหละ” เรย์บ่นอย่างเหนื่อยหน่ายหลังจากอาจารย์วิชาสุดท้ายปล่อยนิสิตเพราะหมดเวลาแล้ว “กูเห็นด้วยจะบ้าตายแถมสอนน่าเบื่อชิบหาย” ริมฝีปากบางชมพูระเรื่อสีสวยด้วยลิปกลอสอดจะบ่นตามเพื่อนชายออกไปไม่ได้เวลาหลายชั่วโมงทำให้เพื่อนในกลุ่มได้โอกาสคุยกันมากขึ้นโดยเฉพาะเรย์และไซซีที่เป็นคนคุยเก่งด้วยกันทั้งคู่ทำให้สองคนนี้เอ่ยเรียกกันมึงกูจนติดปาก “ไม่งั้นรุ่นพี่จะเรียกอาจารย์แม่สุดโหดหรอนอกจากจะสอนนานน่าเบื่อแล้วยังดุอีก” อิลเสริมขึ้นมาเพราะล่าสุดพวกเขาไปกินเหล้ากับรุ่นพี่โรงเรียนเก่ามาแล้วพวกรุ่นที่เคยเรียนกับจารย์คนนี้มาเล่าให้ฟังอีกที “แล้วนี่วันนี้รุ่นนี้เรียกปี1ทั้งหมดไปรวมกันที่ลานกิจกรรมคณะด้วยนะ”ไซซีพึ่งนึกขึ้นได้เพราะได้ยินเพื่อนในห้องเรียนคุยกันว่ามีกิจกรรมต่อ “แกรู้ได้ไงซี”ฉันเอ่ยถามขึ้นมาแบบงงๆ เพราะในห้องเรียนแทบไม่ได้คุยกับเพื่อนคนอื่นเลย “ฉันได้ยินเพื่อนในห้องคุยกันแล้วนี้เขามีกลุ่มไลน์แจ้งกิจกรรมด้วยนะ เดี๋ยวฉันดึงพวกแกเข้ากลุ่ม” “โห แกไปมีไลน์กลุ่มตอนไหนเนี่ยน” “ก็ตอนแกไปเข้าห้องน้ำไงเพื่อนผู้หญิงในห้องเลยบอกให้ฉันเข้ากลุ่มไว้”ไซซีอธิบายเพราะตอนที่แอดฉันไปเข้าห้องน้ำ “เคงั้นดึงฉันเข้าเลย”ยัยซีเลยจัดการดึงเพื่อนทุกคนเข้ากลุ่มปี 1 เพราะพวกฉัน 6 คนได้แอดไลน์ตั้งกลุ่มกันไว้แล้วเรียบร้อยเผื่อนัดกันไปกินเหล้า โอ๊ะ! ล้อเล่น มีหวังเฮียด่าตายเลย “ไปลานกิจกรรมเลยไหม”อิลบอกเพราะใกล้เวลานัดแล้วเดี๋ยวโดนทำโทษที่รู้เพราะถามรุ่นพี่มาแล้ว ฮ่าๆๆๆ เอ้อ ได้การว่ะ! จริงๆ ที่บ้านฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนะที่ฉันกับยัยซีมาเรียนคณะวิศวะเพราะคณะนี้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดหินทั้งเรียนและกิจกรรมแต่พวกฉันมันดื้อก็อยากเรียน ขนาดพวกนี้ขู่เรื่องการรับน้องหนักนู่นนี่ฉันก็ไม่สนจริงๆ ฉันควรจะไปเรียนบริหารนะจบมาจะได้มาช่วยครอบครัวดูแลธุรกิจแต่ว่าในอนาคตไม่แน่นอนถูกไหมไม่แน่ฉันอาจจะไปเปิดอู๋ซ่อมรถกับยัยซีก็ได้ใครจะไปรู้ พลั่ก!!! อร๊าย จะล้มแล้วเพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินเลยเผลอสะดุดหินโง่ๆ ที่ลานเกียร์ซะงั้นหรือว่าจะเป็นอาถรรพ์ที่เขาว่ากันว่าถ้าสะดุดลานเกียร์จะได้เป็นเมียวิศวะ! ฟึบ! “ระวังหน่อยสิ” เสียงนุ่มทุ้มพร้อมกับลมหายใจร้อนที่เป่ารินรดหน้าฉันในระยะประชิดจนทำให้ฉันเผลอกั้นหายใจ ตึกตัก!ตึกตัก เสียงหัวใจฉันเต้นแรงมากเป็นสายฟ้าที่เข้ามากอดเอวฉันไว้และดึงเข้าหาตัวกันไม่ให้ฉันล้มหน้าแหกตามแรงโน้มท่วงโลก อ่า เขินจังนี้หน้าเราอยู่ใกล้กันมากๆ ฉันหลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตาเขา แปะ “เหม่ออีกแล้ว” ฉันสะดุ้งแล้วเอี่ยวตัวออกจากอ้อมก่อนเขาอย่างรวดเร็วเพราะความเจ็บแปลบที่สายฟ้าเคาะหน้าผากฉันด้วยแรงไม่เบานัก “มันเจ็บนะ” ริมฝีปากบางบ่นอุบอิบ “ช่วงนี้เป็นไรชอบเหม่อจัง”สายฟ้าเอ่ยถาม “ปะ..เปล่า ไม่มีไร” เอ๊ะช่วงนี้ฉันเหม่อบ่อยจนสายฟ้าสังเกตุได้เลยหรอ ฮือ “กุ๊กกิ๊กกันตลอด สองคนนี้” ผลัก!! “เฮ้ย!แซวแค่นี้ตบเลยหรอว่ะ” เรย์โวยวายหลังจากพูดอะไรไร้สาระเลยโดนสายฟ้าโบกไปทีนึง “สมน้ำหน้า” “อ้าว ซินเซียใจร้ายอ่ะแทนที่จะมาปลอบใจเรย์” เรย์พูดเสียงกระเง้ากระงอดใส่ฉัน แต่มันก็สมควรใครบอกให้หมอนี้พูดจาไร้สาระก่อนล่ะ “มึงเลิกแซวแบบนี้สักทีกูกับเซียเป็นเพื่อนกัน” สายฟ้าพูดขึ้นอย่างมีอารมณ์โกรธนิดๆ เพราะเขากับซินเซียเป็นเพื่อนกันมานานไม่มีทางที่จะมีความรู้สึกอื่นมากกว่าเพื่อน!! คำพูดของเขาตอกย้ำชัดเจนว่าเป็นแค่เพื่อนไม่มีทางมีความรู้สึกมากกว่านั้นรู้ทั้งรู้แต่ก็ยังตัดใจไม่ได้สักทีเหมือนฉันเป็นพวกชอบความเจ็บปวดยิ่งเจ็บยิ่งชอบแต่อย่างน้อยตอนนี้เขายังไม่มีใครฉันแค่ขอมองเขาแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน เมื่อไหร่ที่เขามีคนที่ชอบฉันอาจตัดใจได้ เฮ้อ! “ซิน เป็นไรป่าว”ยัยซีวิ่งเข้ามาดูพร้อมจับฉันหมุนไปมาเพราะเป็นห่วง “ไม่เป็นไรแก ฟ้ามารับไว้ทันไม่งั้นหน้าแหก ฮ่าๆ” “ดีแล้วไม่เป็นไรทีหลังอย่าซุ่มซ่ามอีกนะ” ลานกิจกรรมคณะวิศวะ 17.00 น้องๆ ที่มาแล้วเข้าแถวตรงนี้เลย โยธา ไฟฟ้า เครื่องกล ทางนี้ครับ!! ก้าวเท้าเข้าไปบริเวณลานเกียร์ก็ได้ยินเสียงรุ่นพี่พูดใส่ไมค์ให้น้องๆ ที่มาใหม่ไปเข้าแถวตามคณะตัวเองในบริเวณนั้นมีทั้งเสียงรุ่นพี่รุ่นน้องดังวุ่นวายกันไปหมดพวกฉันเลยเดินไปฝั่งขวาของลานกิจกรรมที่ทางรุ่นพี่เขาบอกไว้เดินเข้ามาบริเวณนี้ก็เริ่มเห็นเพื่อนๆ ที่คุ้นหน้าคุ้นตาตอนเรียนเซคเดียวกันอยู่อย่างประปราย! “พวกเธอที่เรียนด้วยกันนี้มาเข้าแถวตรงนี้เร็ว” เสียงนุ่มเอ่ยเรียกพวกฉันที่กำลังหาแถวอยู่เนื่องจากบริเวณมีทั้งไฟฟ้า โยธา แถมไม่มีป้ายบอกสาขาพวกฉันเลยต้องสแกนหน้าคนจากแถวอยู่ว่าสาขาฉันเขานั่งไหนกัน “ยืนทำหน้าโง่อะไรคะน้อง รีบหาที่น้องสิ” เสียงสูงแหลมที่เหมือนจะคุ้นก็ไม่คุ้นเหมือนเคยได้ยินมาจากไหนทำให้ฉันกับยัยซีหันขวับไปตามเสียงพร้อมกัน เฮ้ย! นั้นมันยัยสองคนที่เจอร้านชาบูนี้!! “วันนี้วันซวยอะไรเนี่ย” ยัยซีพูดเสียงเบาให้ได้ยินแค่ฉันพร้อมชักสีหน้าเมื่อรู้ว่าเป็นเสียงใครฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอพวกนั้นที่นี่แถมชุดที่ใส่ยังเป็นชุดนักศึกษาคลุมทับด้วยช็อปสีแดงเลือดหมูดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นพี่วิศวะแต่ไม่รู้ว่าปีไหน “ซวยตั้งแต่เจอครั้งแรกแล้ว” “ดูพวกยัยนั้นทำตาจิกใส่เราดิ” “วันนี้เราน่าจะโดนเล่นแน่เลยว่ะซี”ฉันหันไปบอกยัยซีอย่างที่คิดไว้ว่าพวกนั้นไม่มีทางปล่อยโอกาสในการเอาคืนพวกฉันแน่!! “เงียบ!!” ฉันสะดุ้งตกใจเสียงตะโกนจากด้านหลังแถวเลยหันขวับไปมองพร้อมเสียงที่ดังจอแจเริ่มเงียบลงเมื่อมีเสียงตะโกนสั่งให้เงียบกลุ่มคนที่เข้ามาใหม่แต่งกายด้วยเสื้อคอปกสีแดงเลือดหมูปักโลโก้คณะกับกางเกงยีนส์ถูกระเบียบ (กางเกงยีนส์ที่ไม่ขาดเข่าหรือขาดบริเวณอื่น) หน้าผากถูกผ้าคาดสีแดงเลือดหมูสกรีนเป็นตัวเลขสีขาวไว้เลื่อนไปมองหน้าตาแต่ละคนที่ทำหน้าตาดุดันสายตามองตรงไปข้างหน้าเดาไม่ยากเลยว่าบุคคลที่เข้ามาในลานเกียร์แห่งนี้คือ พี่ว๊าก! นอกจากลานเกียร์ก็ต้องพี่ว๊ากคณะวิศวะที่ขึ้นชื่อเรื่องการรับน้องที่โหดหินเนี่ยแหละ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม