บทที่3(50%)

1355 คำ
บทที่ 3 ค่าแรงของเสี่ยวหว่า ผ่านมาอีกเจ็ดวันนอกจากซาลาเปา หมั่นโถว ขนมจีบไส้ต่าง ๆ แล้วเผยหว่านอียังไปได้สูตรเกี๊ยวปลาและเกี๊ยวปูจากนางจางซื่ออีกด้วย ส่วนพื้นดินรกร้างก็เริ่มโล่งเตียนไปเกือบจะหมด ทางด้านรั้วบ้านก็เริ่มจะล้อมมิดชิดไปมากแล้ว ในใจของเผยหว่านอีนั้นที่คิดเอาไว้ก่อนสิ่งอื่นก็คือซ่อมแซมบ้านทั้งประตูหน้าต่างรวมไปถึงหลังคา กับจัดการทำรั้วบ้านให้แข็งแรงแน่นหนา เพราะหากนางออกไปขายของนางเฉียวซื่อผู้เป็นมารดาต้องอยู่ลำพังภัยร้ายอาจมาถึงตัวหญิงชราโดยมิทันระวัง ถึงจะผูกมิตรไว้ทั่วหมู่บ้านเหิงเตี่ยนแห่งนี้แล้วก็ตาม แต่ทว่ารู้หน้ายากจะรู้ใจนางจึงไม่เคยวางใจผู้ใดทั้งสิ้นนอกจากคนในครอบครัวของตนเองเท่านั้น “หมดไปไม่น้อยแล้วกระมังหว่านหว่าน” ไหนจะซ่อมแซมหลังคาที่มีรูรั่ว ไหนจะซ่อมประตูหน้าต่างตลอดจนล้อมรั้วรอบขอบชิด แล้วยังจ้างคนงานมาถางที่รกร้างเพื่อทำเป็นสวนผัก และแบ่งส่วนไปทำนาปลูกข้าว ซึ่งการปลูกข้าวที่สุ่ยโจวคือการหยอดเมล็ดข้าวลงดินรอให้ฝนตกข้าวจึงขึ้นแล้วชาวนาจึงค่อยมาถอนหญ้าดูแลนาข้าวต่อไปจวบจนเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวนั่นเลย แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายย่อมมากมายดังที่มารดาเอ่ยถาม “เพื่อความปลอดภัยเจ้าค่ะท่านแม่ จ่ายมากหน่อยแต่แลกกับชีวิตพวกเรา ก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้วกับที่จ่ายไป ท่านแม่อย่าคิดมากเลยทุกสิ่งยกให้หว่านหว่านคิดแทนเถิด” หญิงสาวเอ่ยกับมารดาแล้วบีบมือของท่าน เผยหว่านอีนั้นเลือกใช้จ่ายเงินให้เกิดประโยชน์อย่างถึงที่สุด ซึ่งหกวันต่อมาทั้งบ้านและรั้วก็แข็งแรงดิบดีแล้วเพราะเงินมากหน่อยทุกสิ่งล้วนไร้อุปสรรค์ เผยหว่านอีจึงเข้ามาปรึกษากับนางเฉียวซื่อด้วยเห็นว่านี่ก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว เห็นทีนางจะต้องออกไปขายของที่แผงได้แล้วซึ่งนอกจากจะมีขนมจีบ หมั่นโถว ซาลาเปา เกี๊ยวไส้ต่างกับขนมกุยช่ายแล้ว หญิงสาวยังคิดจะทดลองทำ ‘ผัดไทย’ สูตรของคุณยายของ ‘เดือนจรัส’ นั่นก็เพราะนางบังเอิญเจอกับ ‘มะขามเปียก’ เข้าแถมตอนไปเดินท่องเที่ยวในตลาดก็พบเจอเครื่องปรุงสำหรับทำ‘ผัดไทย’ทั้งจากเส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก แล้วยังได้‘วุ้นเส้น’ที่ทำจากเมล็ดถั่วเขียว เช่นนั้นแล้วภายในมื้อค่ำดังกล่าวบ้านเรือนโดยรอบก็ได้ชิมเป็นบุญปากวาสนาลิ้นกันถ้วนหน้าเพราะหญิงสาวต้องการทดลองฝีมือนั่นเอง “ฝีมือของนางเผยซื่อนี่ช่างเป็นสวรรค์ประทานมาให้ทดแทนชีวิตอาภัพถูกสามีทอดทิ้งเสียเป็นแน่จึงทำสิ่งได้ก็รสชาติดียิ่งเช่นนี้อดีตสามีของนางช่างอาภัพนักที่ทอดทิ้งนางเผยซื่อเช่นนี้” ชาวบ้านที่ได้ชิมอาหารต่าง ๆ จากฝีไม้ลายมือของเผยหว่านอีมาเป็นเดือน และทราบว่าชีวิตของสามคนหนึ่งเด็กหญิงหนึ่งหญิงชราตาบอดและหนึ่งสตรีหม้ายสามีหย่านั้นดวงชะตาแสนอาภัพยิ่งนักแต่ที่อาภัพกว่ากลับเป็นอดีตสามีผู้นั้น ด้วยเผยหว่านอีรวมไปถึงนางเฉียวซื่อไม่เคยปกปิดอดีตว่าก่อนมาอยู่ที่แห่งนี้นั้นพวกตนต้องผ่านอันใดมาบ้าง และนางยังมีผ้าผูกศีรษะอันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวหนานฉู่ว่าเผยหว่านอีนั้นกลับกลายเป็น ‘หญิงหม้าย’ ตั้งแต่อายุยังน้อยจนผู้คนต่างพากันเสียดายในความงดงาม ความสามารถของนาง แต่ก็สมน้ำหน้าอดีตสามีของนางเผยซื่อไม่น้อย “อาหารมื้อเช้าและมื้อเที่ยงข้าเตรียมเอาไว้ให้ท่านแม่แล้วนะเจ้าคะ” ก่อนออกไปขายของวันแรกเผยหว่านอีทำอาหารเตรียมเอาไว้ให้มารดาที่ดวงตาในยามกลางวันนั้นพอจะมองเห็นเลือนรางอยู่บ้าง ก่อนจะนำอาหารเหล่านั้นจัดใส่ตู้กับข้าวที่หญิงสาวทำเอาไว้กันตัวแมลงวันมาวางไข่ในอาหาร มารดาสายตาเห็นเพียงเลือนรางย่อมไม่เห็นไข่ของแมลงวัน หากกินลงไปคงได้ท้องเสียเป็นแน่ นางย่อมต้องระวังเอาไว้ก่อน “มิต้องห่วงข้าหรอก ท่านป้าจางกับท่านป้ารุ่ยพอตกสายเล็กน้อยก็ชอบแวะมานั่งคุยกับข้าแล้ว เจ้าเองกับหว่าหวาเถิดวันนี้เปิดร้านวันแรกแม่ขออวยพรให้การค้าของเจ้าขายดิบขายดีเจริญรุ่งเรืองนะหว่านหว่าน” คำอวยพรใดเล่าจะดีเท่าคำอวยพรของมารดา เผยหว่านอีคุกเข่าลงไปโขกศีรษะกับพื้นที่ปลายเท้าของมารดาขอบคุณจากใจจริง เผยหว่าหวาเห็นมารดานั้นทำกับท่านยายเช่นนั้นเด็กหญิงที่ตื่นเต้นสำหรับวันแรกที่จะได้เป็น ‘แม่ค้าตัวน้อย’ สมใจหลังจากเตรียมตัวมาเสียหลายสิบวันจึงคุกเข่าลงไปและทำเลียนแบบมารดาเช่นกัน ปลายยามอิ๋นสองแม่ลูกแซ่เผยต่างก็ช่วยกันเข็นรถเข็นสองล้อที่เล็กกว่ารถลากเทียมวัวเทียมกระบือราวครึ่งหนึ่งตรงไปยังแผงในตลาดสุ่ยโจวที่นางได้เช่าและเพิ่งจ่ายค่าเช่าระยะยาวเป็นเวลาหกเดือนไปแล้วช้าๆ กว่าจะถึงก็เข้าต้นยามเหม่าพอดี ช่วยกันจัดร้านอีกครึ่งชั่วยามก็พร้อมที่จะขาย ซาลาเปานึ่งร้อน ๆ ขนมจีบ เกี๊ยวปลา เกี๊ยวปู และเกี๊ยวหมูก็หอมกรุ่นฟุ้งกำจายเรียกลูกค้าให้เข้ามาเรื่อย ๆ ส่วนผัดไทยนั้นหญิงสาวห่อใส่ใบบัวแล้วเรียกชื่ออาหารดังกล่าวว่า ‘ก๋วยเตี๋ยวผัดทรงเครื่อง’ ซึ่งสะดวกต่อการซื้อไปกินตามท้องไร่ท้องนา เหล่าคนในหมู่บ้านเหิงเตี่ยนที่เคยชิมมาก่อนหน้านี้ต่างก็แวะมาอุดหนุนสองแม่ลูกไปคนละห่อสองห่อ ส่วนซาลาเปา ขนมจีบ และหมั่นโถวรวมไปถึงเกี๊ยวไส้ต่าง ๆ ก็ขายได้เรื่อย ๆ สำหรับวันแรกขายหมดเกลี้ยงภายในปลายยามเฉินก็นับว่าไปเลวเลยทีเดียว “ไปซื้อข้าวของกันเสี่ยวหว่า” หลังจากเก็บกวาดร้านจนสะอาดเอี่ยม เกี๊ยวปลาหนึ่งห่อก็ถูกนำไปฝากให้แก่เถ้าแก่ร้านขายสมุนไพร ‘เสวียน’ อย่างต้องการ ‘ผูกใจ’ คนสูงวัยด้วยอาหารที่นางทำขาย คนเรามีน้อยย่อมให้ตามกำลังนั่นจึงทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดู สิ่งเหล่านี้อดีตคุณยายของเดือนจรัสเคยสั่งสอนเด็กสาวมานับจากจำความได้ เถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ยนั้นได้เกี๊ยวไส้ปลาและผัดไทยทั้งสองก็ดีอกดีใจจะจ่ายเงินให้เผยหว่านอีก็เร่งปฏิเสธทันควัน ดังนั้นท่านทั้งสองจึงหันไปให้เงินเล็กน้อยเป็นกำลังใจให้แก่เด็กหญิงแก้มกลมใสเป็นพวงสีของลูกท้อน่ารักน่าชัง จนสองสามีภรรยาที่ยังไม่มีหลานสักคนอดใจจะจับเอากายเล็กของเด็กหญิงมาโอบอุ้มฟัดจุมพิตพวงแก้มด้วยความชอบใจ “อาหว่านจะไปซื้อของเจ้าก็ไปเถิด ปล่อยหว่าหวาเอาไว้กับพวกข้าที่ร้านนี่แหละ” เถ้าแก่เนี้ยเสวียนบอกขอตัวเด็กหญิงเอาไว้กับนาง ปล่อยให้คนเป็นมารดาได้ไปจับจ่ายซื้อข้าวของที่จะทำขายในวันพรุ่งนี้ต่อไป เมื่อเห็นเช่นนั้นเผยหว่านอีที่เห็นบุตรสาวร้อนจนพวงแก้มแดงเรื่อจึงคิดฝากเผยหว่าหวาเอาไว้ที่ร้านขายสมุนไพรเสวียนไปก่อน จากนั้นนางค่อยเร่งไปจับจ่ายข้าวของให้เสร็จจะได้กลับมารับบุตรสาวกลับบ้าน แล้วพอใกล้ยามอู่เผยหว่านอีก็ซื้อข้าวของเสร็จตามที่คาดเอาไว้ก็กลับมายังร้านขายยาสมุนไพรอีกครั้งเพื่อรับบุตรสาวกลับบ้านไปพร้อมกัน “ต้องลำบากเถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ยเสวียนแล้วเจ้าค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม