บทนำ(100%)

1540 คำ
เธอ...นางสาวเดือนจรัส เทวารักษา อายุเพิ่งสิบหกปีได้ไม่เท่าไหร่ เมื่อสามเดือนก่อนระหว่างติดตามบิดากับมารดาไปทำงานที่ต่างจังหวัดแล้วรถก็เกิดอุบัติเหตุ บิดากับมารดาของเธอเสียชีวิตพร้อมกันในที่เกิดเหตุทันที ส่วนเธอนั้นบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายกลายเป็นคนป่วยอัมพาตตั้งแต่ลำคอลงไปจนถึงปลายเท้า แต่เพราะเงินชดเชยกับเงินประกันต่าง ๆ มากมาย คุณลุงผู้เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของบิดาเลยเข้ามาขอเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเธอซึ่งมีอายุเพียงสิบหกปีแถมยังพิการไม่สามารถดูแลตนเองได้จึงต้องมีคนดูแลใกล้ชิด ทว่าพอสามเดือนผ่านไปคนเป็นลุงนั้นยกหน้าที่ให้ป้าสะใภ้ดูแลเดือนจรัสแทนตนเองส่วนเขาก็กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้านบ้าง หากแต่คนเป็นคุณป้าสะใภ้ทนเช็ดฉี่ เช็ดอึ อาบน้ำ และเปลี่ยนแพมเพิร์สให้เธอไม่ไหว นานเข้าก็ปล่อยปละละเลยจนเธอเป็นแผลกดทับและสุดท้ายก็ติดเชื้อแต่กลับไร้คนเหลียวแล เธอจึงตายลงอย่างน่าอนาถในสภาพแผลมีหนอนชอนไชทั้งที่นางนั้นยังหายใจอยู่ นึกมาถึงตรงนี้เด็กสาวก็น้ำตาไหลรินคิดว่าที่ตายจากมานั้นถือว่าพ้นทุกข์หมดเวรหมดกรรมไปเสียที แล้วตอนนี้เล่า? เธอหลับตาคิดทบทวนถึงอดีตของร่างกายนี้ ‘เผยหว่านอี’ บุตรีของเผยไท่เว่ยลำดับที่หก พออายุสิบห้าปีก็ถูกจับแต่งงานออกไปกับแม่ทัพ ‘เจียงซู่’ ไปพร้อมกับพี่สาวฝาแฝดอย่างไร้ปากไร้เสียงถึงไม่ยินดีแต่ยากจะคัดค้านความต้องการของบิดาและพี่ชายไปได้ แต่ผ่านไปสามปีบิดาของนางตายจาก พี่ชายคนโตจึงเป็นผู้สืบทอดดูแลสกุลเผยต่อไปส่วนนางแต่งงานแล้วจึงเหมือนตัดขาดกันไป อีกทั้งยังโชคร้ายแม้ว่าสามีหน้าที่เจริญก้าวหน้าก็จริงแต่เขารูปงามจนไปถูกตาต้องใจ ‘องค์หญิงใหญ่โอวหยาง’ เข้าและสามีรวมถึงญาติของฝ่ายสามีก็ล้วนยินดีปรีดาอย่างยิ่งแต่หากยังมีนางยังเป็นฮูหยินอยู่องค์หญิงโอวหยางแต่งเข้ามาก็เป็นได้เพียงอนุภรรยาเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่าฮ่องเต้ย่อมไม่มีวันยอมให้ธิดาของตนต้องตกต่ำไปถึงเพียงนั้นเป็นแน่จึงแน่นอนว่าสามีและญาติสกุลเจียงย่อมไม่มีวันเลือกตนเองที่เป็นเพียงบุตรีในเผยไท่เว่ยอยู่แล้ว หรือต่อให้ไม่ใช่สกุลเจียงแต่เป็นสกุลอื่นก็คงไม่มีผู้ใดเลือกจะเก็บนางที่โดยทอดทิ้งโอกาสจะได้เป็นราชบุตรเขยเป็นแน่เช่นไรเผยหว่านอีนั้นนางก็เป็นเพียงสตรีธรรมดาจึงถูกหย่าขาดแล้วส่งออกจากเมืองหลวง ไม่สิการกระทำของสามีผู้นั้นมันต้องเรียกว่าขับไล่นางกับลูกสาวของเขาและแม่ยายตาบอดมาไกลถึงชายแดนของหนานฉู่จึงจะถูกต้องมากกว่า กระนั้นก็ยังโชคดีที่มารดาของสามียกที่ดินสิบหมู่กับบ้านหนึ่งหลังที่แคว้นสุ่ยโจวแคว้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวงของหนานฉู่นับพันลี้พร้อมเงินอีกสามพันตำลึงเงินให้แก่นางมาเริ่มต้นชีวิตใหม่บวกกับมีสินเดิมเมื่อครั้งแรกแต่งงานทั้งของนางและของพี่สาวจึงมากพอให้ได้พอมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เพราะตลอดชีวิตเคยสบายมากกว่าลำบาก ครั้นต้องมาตกระกำลำบากเดินทางรอนแรมจากเมืองหลวงร่วมสองเดือน ทั้งที่ร่างกายของเผยหว่านอีนั้นไม่ปกติดีนักจึงเจ็บป่วยสุดท้ายก็ตายลง แล้วจะด้วยเหตุใดเดือนจรัสก็สุดจะทราบได้ว่าทำไมตนเองจึงข้ามภพข้ามมิติมาอยู่ในร่างของหญิงหม้ายเช่นเผยหว่านอีสตรีแสนอาภัพคนนี้ไปได้?... ภพชาติเก่านางพิการตายทั้งเป็นก็ผ่านมาแล้ว ดังนั้นหากคิดให้ดีร่างกายนี้ยังมีมือมีเท้าครบ สมองก็มี ทั้งยังมีบ้านกับที่ดิน แล้วก็มีเงินติดตัวอยู่บ้าง ดังนั้นต่อไปนี้เผยหว่านอีก็คือนาง และนางก็คือเผยหว่านอี มีแค่ลูกสาวตัวน้อยกับมารดาผู้พิการตาบอดย่อมไม่เกินความสามารถ ส่วนผัวเก่าเฮงซวยได้ดีแล้วลืมภรรยาที่อีกฝ่ายไม่พึงใจก็อย่าไปใส่ใจมันอีก นับจากนี้ไปนางจะขอสู้! ...สู้ในฐานะหญิงหม้ายลูกติดมันนี่แหละ!... บอกแก่ตนเองเช่นนั้นเสร็จสาวน้อยที่บัดนี้กลายมาเป็นมารดาลูกติดก็จึงลุกขึ้นจากเตียงนอนเก็บพับผ้าห่มและเครื่องนอนจนเรียบร้อย ถึงจะยังมีอาการมึนหัวเล็กน้อยอาจเป็นเพราะร่างนี้เป็นไข้จนตาย ซึ่งก็ตรงกันกับกายเดิมที่ตายลงเพราะพิษจากแผลกดทับหรือเปล่านะเธอจึงมาอยู่ในร่างนี้ก็เป็นไปได้อยู่บ้างแต่ไม่นานก็จางหาย ก้าวแรกที่พ้นออกมาจากห้องนอนเก่าโทรม อากาศหนาวที่พัดมาปะทะกายจนเดือนจรัสหรือบัดนี้ก็คือ ‘เผยหว่านอี’ หญิงหม้ายสามีหย่าให้รู้สึกหนาวสะท้านจนนางต้องยกแขนขึ้นมากอดอกของตนเองจนแน่น ภาพด้านนอกมีเพียงแต่บ้านสภาพเก่าโทรม ที่หากถึงหน้าฝนเกรงว่าจะหาช่องหลบสายฝนมิได้เสียเป็นแน่ ถูกหย่าขาดแล้วขับไล่ออกจากเมืองก็ว่าย่ำแย่แล้ว ทว่านี่เขากลับขับไล่นางและบุตรสาวของเขาโดยแท้มาไกลถึงชายแดนทางเหนือเช่นนี้ ต้องเป็นบุรุษประเภทใดกันนะ?แต่จะอย่างไรบัดนี้นางก็ไม่คิดอยากจะย้อนกลับไปหาบุรุษผู้นั้นแน่ๆ “หว่านหวานเจ้าตื่นเสียที” เสียงของสตรีวัยห้าสิบกว่าหนาวดังขึ้นมาพร้อมกับที่เด็กหญิงวัยสี่ขวบจับที่จูงมือของหญิงชราหรือก็คือ ‘ท่านยาย’ ที่มีดวงตาบอดแต่ไม่สนิทนักเดินเข้ามาจากภายนอกบ้าน หรืออันที่จริงมันคือ ‘กระท่อม’ กลางทุ่งหญ้ากว้างที่คงยากจะตัดเอามากินได้ เพราะนางกับลูกและมารดาตาพิการนั้นมิใช่วัวหรือควายจึงจะได้กินต้นหญ้าแทนข้าวปลาอาหารไปได้ แต่คาดว่าฝ่ายมารดาของอดีตสามีนั้นคงเข้าใจผิดไปแล้วในเมื่ออดีตนั้นเผยหว่านอีคนเก่าไม่มีปากไม่มีเสียงตลอดสามหนาวที่แต่งเข้าไปเป็น ‘ฮูหยินรองเผย’ นั่นเอง “เจ้าค่ะท่านแม่” นางตอบมารดาหรือนาง ‘เฉียวซื่อ’ ออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นเดิม ถึงจะแหบแห้งไปมากเพราะนางนอนเจ็บป่วย และตายจากไปเป็นครู่ใหญ่ย่อมไม่แปลกที่จะเสียงเปลี่ยนไป ทว่าสิ่งที่นางติดใจส่งสัยยากจะจางหายไปได้โดยง่ายจนวนเวียนถามอยู่ในใจไม่หยุกก็คือที่แท้นางข้ามภพมาอยู่สถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร? หากสุดท้ายถามจนเพลียใจกลับไร้คำตอบกลับมาหญิงสาวจึงติดใจเพราะต่อให้นางจะไม่ทราบถึงที่มาและที่ไปแต่พอได้ข้ามมาแล้วนางจะต้องอยู่ต่อไปให้ได้เพียงเท่านั้น เดือนจรัสหรือเผยหว่านอีมองตรงไปที่เด็กหญิงสี่ขวบหนึ่งคนกับคนแก่ตาบอดอีกหนึ่งคนด้วยสายตาลำบากใจอย่างยิ่ง สามชีวิตกับ ‘กระท่อม’ ใกล้จะพัง พร้อมที่ดินรกร้างสิบหมู่ นางจะพาทุกคนอยู่รอดไปอย่างไรดีต่างหากเล่า? คำถามเหล่านั้นวนเวียนอยู่ภายในใจมาแทนที่คำถามแรกที่ลืมตาฟื้นจากความตายนับแล้วคงอาจเกินสิบรอบนับจากที่นางตัดใจเลิกอาลัยอาวรณ์กับชีวิตเดิมซึ่งที่ตัดใจได้ง่ายดายนักก็เพราะชีวิตเก่ามันแสนจะทุกข์ทรมานเกินกว่าที่เด็กสาวอายุเพียงสิบหกจะทานทนไหวพอบัดนี้มีชีวิตใหม่พร้อมร่างที่สมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้งแต่นอนว่าตนเองย่อมต้องตื่นเต้นดีใจมากกว่าเสียใจอาลัยอาวรณ์ชีวิตเก่าชาติภพเก่าอยู่แล้ว บัดนี้นางคือ ‘เผยหว่านอี’ ผู้นี้แล้ว นับว่าสวรรค์เมตตานางอีกครั้ง ได้ชีวิตใหม่แล้ว ได้ร่างกายใหม่ นางก็คงต้องเดินหน้าเพียงเท่านั้น ทว่ายามนี้ท้องเริ่มหิวก็ต้องหาของมากินให้อิ่มท้องเสียก่อนเป็นอย่างแรกก่อนท้องอิ่มสมองของนางจึงแล่น “หว่าหวาเจ้าพาท่านยายไปนั่งรอก่อนเถิด ท่านแม่จะไปดูในห้องครัวเสียหน่อยว่ามีสิ่งใดพอจะให้พวกเราทำกินเป็นมื้อเที่ยงกันได้บ้าง” คนเราท้องจะต้องอิ่มจึงจะมีพลังทั้งร่างกายและสมอง เด็กสาวในร่างของหญิงหม้ายลูกติดหนึ่งคนทำให้นางได้คิดว่าก่อนอื่นต้องหุงหาอาหารกินให้อิ่มท้องเสียก่อนจึงจะมีแรงกายแรงสมองไว้สู้ชีวิตต่อไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม