บทที่6
จู่จุ๊บกันค่ะ
วันต่อมา
ฉันตื่นแต่เข้าเพื่อมาดูหนูอิงอิงแต่พอเปิดประตูมาก็เจอคุณธาดาเปิดประตูห้องข้างๆ กันพอดี นี่ห้องฉันกับเขามีกำแพงกั้นอยู่งั้นเหรอ บุญของฉันจริงๆ ได้นอนใกล้ๆ ผู้บริหาร ไม่ได้ๆ เขามีครอบครัวแล้ววิเวียน
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณธาดา"
"อืม อรุณสวัสดิ์ อิงอิงรออยู่ในห้องก็เดี๋ยวสายๆ แม่บ้านจะมาทำความสะอาด คุณก็พาอิงอิงลงไปเล่นข้างล่างก่อนก็ได้ แต่ห้ามเล่นน้ำนะอิงอิงแพ้คลอรีน"
"ค่ะ"
ฉันเข้ามาในห้องก็เห็นหนูอิงอิงนอนหลับอยู่ที่โซฟา นี่คุณธาดาไม่อาบน้ำให้ก่อนหรือไง แต่เอาเถอะเพื่อเงินอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้นแหละ
"ทำไมมานอนตรงนี้คะ เอ๊ะ! ตัวร้อนจี๋เลยคุณธาดานะคุณธาดา!!" ฉันรีบหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้หนูอิงอิงก่อนจะไลน์ไปบอกคุณธาดา
"พี่วิเวียนอิงอิงปวดหัวค่ะ"
"รอแป๊บนึงนะคะเดี๋ยวคุณหมอมาค่ะ"
ไม่นานเลขาของคุณธาดาก็พาคุณหมอหนุ่มสุดหล่อเข้ามาดูอาการของหนูอิงอิง แต่ก็มีเด็กน้อยอีกคนตามมาด้วย แต่ดูเด็กคนนี้จะเป็นเด็กใจเอาแต่ใจ คนนี้หรือเปล่าที่ชื่อหนูไอริ
"คุณวิเวียนครับ อันนี้เป็นยาลดไข้ทานทุก4ชั่วโมง ถ้าตัวร้อนก็เช็ดตัวนะครับ"
"ค่ะ"
"ไอริเอาอะไรมาฝากอิงอิงคะ" หมออคินหันไปถามลูกสาวที่ถือถุงขนมนั่งกอดแขนตนอยู่ไม่ห่าง ไอริในวันนี้ดูไม่ก้าวร้าวเท่าไหร่ แต่ก็ยังทำหน้านิ่งไม่สนใจใครเหมือนเดิม
"อิงอิงไอริเอาขนมมาให้หายป่วยเร็วๆ นะ"
"ขอบใจนะไอริ"
เด็กน้อยสองคนสวมกอดกันเพื่อให้กำลังใจคุณหมออคินจึงให้หนูอิงอิงได้นอนพักแล้วเรียกฉันไปคุยถึงเรื่องราวของหนูอิงอิง เธอถูกคุณมาพามาส่งให้คุณธาดาเลี้ยงโดยที่ไม่มีการคุยหรือปรึกษากันก่อน แถมคุณธาดาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีลูก เรื่องนี้ฉันว่าคุณแม่ของอิงอิงใจร้ายนะ ทำไม่ถูกอย่างแรง แต่แบบนี้ก็แสดงว่าคุณธาดาโสดสินะ โสดที่แปลว่าไม่มีใครอะ
“เฮียอาจจะเป็นคนที่จู้จี่มาก แต่เฮียเป็นคนใจนี้ดีนะ” อคินทำหน้าตายิ้มกริ่มมองสาวน้อยตรงหน้าที่พยายามเก็บรอยยิ้มจนหน้าแดงแบบนี้น่าสนุกกลับไปวางแผนกับเฮียคีดีกว่า
“ค่ะ”
“ผมฝากดูแลหลานผมด้วยแล้วกันถ้ามีอะไรฉุกเฉินให้คนพาไปที่โรงพยาบาลได้เลยแล้วแจ้งชื่อผม นี่นามบัตร”
“ขอบคุณค่ะ”
อีกด้าน
ไอรินั่งป้อนขนมให้อิงอิงด้วยความเป็นห่วงเธอถูกคุณแม่ขู่เอาไว้ว่าจะส่งเธอไปอยู่ญี่ปุ่นกับคุณทวดโอตะแล้วยังโดนเฮียเพลิงกับเฮียอัคนีสั่งสอนเรื่องนิสัยเกเรจนเธอต้องจำยอมรับโทษทุกอย่าง ไม่ว่าสองหนุ่มจะสั่งอะไรเธอก็ต้องทำถ้าไม่ทำก็จะไม่มีใครเล่นด้วย
“อิงอิงคนนั้นเป็นคุณแม่ของอิงอิงเหรอ”
“ไม่ใช่ๆ พี่วิเวียนเป็นพี่เลี้ยงของอิงอิงเอง”
“อืม”
“แต่อิงอิงอยากให้พี่วิเวียนเป็นแฟนของคุณป๊านะ คุณป๊าจะได้ให้พี่วิเวียนอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย”
“ต้องให้ทั้งสองจุ๊บกันแล้วก็หักขากันอะ เรื่องของผู้ใหญ่เด็กวัยรุ่น5ขวบอย่างพวกเราอย่าไปยุ่งเลย ไอริกลับก่อนดีกว่าหายเร็วๆ นะ”
“อื้ม เดี๋ยวอิงอิงหายแล้วจะขอคุณป๊าไปหานะ”
“อืม”
สิ่งที่ไอริพูดออกมาทำให้อิงอิงต้องเก็บมาคิด ถ้าอยากให้ทั้งสองคนรักกันต้องจุ๊บกันงั้นเหรอ อิงอิงหยิบไอแพดขึ้นมาแล้วค้นหาด้วยระบบเสียงหาวิธีจุ๊บกันจนไปเจอรูปคุณพ่อกับคุณแม่หอมแก้มลูกพร้อมกัน
“ต้องจู่จุ๊บกันสินะ เฮ้ออหัวจะปวด”
ช่วงบ่ายอิงอิงตื่นขึ้นมาก็เจอป๊าของเธอกำลังนั่งทำงานอยู่เธอจึงลุกขึ้นมามองหาพี่เลี้ยงที่กำลังพับเสื้อผ้าของเธออยู่ไม่ไกล ทั้งสองคนไม่ได้ไปไหนแต่อยู่ดูแลเธอด้วยกันในห้องนอนขนาดใหญ่ของธาดา
“ป๊าขา...”
“เป็นยังไงบ้างคะ หายปวดหัวหรือยัง” ธาดารีบเดินมาจับตัวลูกสาวแต่ตัวเธอไม่ร้อนแล้วจึงให้วิเวียนเตรียมมื้อกลางวันให้ลูกสาว
“ป๊ากับพี่วิเวียนป้อนข้าวอิงอิงได้ไหมคะ”
ผู้ใหญ่ทั้งสองคนถึงกับขมวดคิ้วทันที ธาดาจึงพยักหน้าแล้วลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู ถึงเวลาทานข้าวอิงอิงก็พยายามหาจังหวะที่จะจัดการเรื่องแผนของตัวเองจนสีหน้าเธอแสดงออกถึงความไม่สบายใจ วิเวียนจึงต้องถามไถ่อาการของเธอด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรคะทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ”
“มีอะไรหรือเปล่าลูก”
“พี่วิเวียนกับป๊าหอมแก้มอิงอิงพร้อมกันได้ไหมคะ” อิงอิงรีบก้มหน้าลงเหมือนจะร้องไห้แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองกับตกใจที่เด็กวัย5ขวบมาขอร้องอะไรแบบนี้
“ทำไมต้องหอมแก้มพร้อมกันคะ อิงอิงคิดถึงคุณแม่เหรอคะ”
“ค่ะ”
ธาดาถอนหายใจออกมาแล้วยอมทำตามที่ลูกสาวขอร้อง เธอทำแก้มป่องรอจังหวะที่ทั้งสองคนยื่นใบหน้าเข้ามาหาเธอจากนั้นเธอก็รีบทรุดตัวลงแล้วลงจากเก้าอี้วิ่งกลับเข้าห้องไป
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือผู้ใหญ่ทั้งสองคนประกบริมฝีปากเข้าหากัน เหมือนเวลามันหยุดเดินทันทีเมื่อทั้งสองสบตากัน ลมหายใจประสานกันเป็นหนึ่งเดียว
“อุ๊ย!!” เลขาของธาดารีบปิดตาตัวเองแล้วเดินออกจากห้องแต่ก็ไม่ลืมเอาเอกสารวางเอาไว้ วิเวียนจึงรีบลุกออกมาตั้งสติไม่ต่างจากธาดาที่มองไปที่ประตูห้องทำงานที่ถูกแง้มเอาไว้พร้อมกับดวงตาแป๋วแหววที่แอบดูอยู่
“อิงอิงออกมาหาป๊าเดี๋ยวนี้เลย!”