ตอนที่5 เพื่อน
ไร่อัศวพงษ์
**… (สองวันต่อมา) **
รถยนต์ญี่ปุ่นสีขาวกลางเก่ากลางใหม่ที่ยังอยู่ในสภาพดี เพราะเจ้าของดูแลมันราวกับทารกน้อยๆ เนื่องด้วยเป็นสมบัติที่บิดาทิ้งเอาไว้ให้ แล่นเข้ามาจอดหน้าเรือนไม้ทรงไทยหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางไร่ อันเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานของไร่อัศวพงษ์ นอกจากนั้นแล้วยังเป็นที่พำนักของเจ้าของไร่แห่งนี้ไปด้วยในตัว
ชายหนุ่มผิวขาวจัดท่าทางเจ้าสำอางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกรีดจนกลีบโง้ง สวมกางเกงสแล็คสีดำ รองเท้าหนังสีเดียวกันขัดเงามันขลับเปิดประตูก้าวลงมาจากรถ เดินทอดน่องตามทางเดินที่โรยด้วยหินกรวดหลากสี รอดซุ้มดอกเฟื้องฟ้าสีชมพูแซมขาวเข้ามาในบริเวณบ้านอย่างคนคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะ..คุณหมอ มาแต่เช้าเชียวมาหาคุณอัลฟาร์โน่หรือคะ” นางขวัญอุษาแม่บ้านเก่าแก่ของไร่อัศวพงษ์กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มซึ่งเคยเป็นแขกประจำแวะเวียนมาบ่อยครั้งในฐานะเพื่อนลูกชายเจ้าของไร่พ่วงด้วยคุณหมอประจำตระกูลของเจ้าของไร่แห่งนี้มาหลายชั่วคน
“หวัดดีครับป้าขวัญ แล้วนี่เจ้านายของป้าตื่นรึยังครับ” ชายหนุ่มผู้เป็นแขกยิ้มละมุนพร้อมยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
“ตื่นแล้วค่ะคุณหมอเอ่อ… คุณหมอค่ะไม่ทราบว่าตอนนี้อาการของคุณดารินทร์เธอเป็นยังไงบ้างคะ ป้ากับพวกคนงานในไร่เป็นห่วงเธอมาก ไม่รู้เวรกรรมอะไรคนดีๆ อย่างคุณดารินทร์ท่านถึงต้องมาประสบพบเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ก็ไม่รู้” แม่บ้านสูงวัยถอนใจยืดยาวสีหน้าโศกสลดเมื่อกล่าวถึงนายหญิงของนาง
“ตอนนี้คุณป้าดารินทร์ท่านพ้นขีดอันตรายแล้วครับป้าขวัญฝากบอกพวกคนงานในไร่ด้วยนะครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง” พอหมอหนุ่มพูดให้คลายกังวลคนถามก็มีสีหน้าดีขึ้นพร้อมกับยกมือท่วมหัว
“สาธุ คุณพระคุณเจ้าคุมครองแท้ๆ เชียว”
“ใช่ครับป้าขวัญคุณป้าดารินทร์ท่านเป็นคนดี คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอกครับ” หมอหนุ่มพูดเสริม
“ค่ะจริงอย่างที่คุณหมอพูด แหมเกือบลืมไป เชิญคุณหมอที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าจะไปเรียนคุณอัลฟาร์โน่ให้ว่าคุณหมอมาหา ว่าแต่คุณหมอจะรับน้ำเปล่าหรือกาแฟร้อนๆ สักแก้วดีคะ”
“ผมขอเป็นน้ำเปล่าแล้วกันครับป้าขวัญพอดีเพิ่งทานกาแฟก่อนออกมานี่เอง”
“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” ขวัญอุษาเดินเลี่ยงออกไปยังครัวโดยปล่อยให้แขกประจะเดินไปยังห้องรับแขกเอง ซึ่งฝ่ายหลังเข้านอกออกในจนรู้เส้นทางในบ้านเป็นอย่างดี นางนำน้ำเย็นมาเลี้ยงแขกแล้วเดินไปเรียนเจ้าของบ้านซึ่งพักอยู่ชั้นบนของเรือนไทยหลังใหญ่ให้ทราบถึงการมาเยือนของเพื่อนเก่าสมัยเด็ก
ผ่านไปครู่ใหญ่
“อ้าว… ไอ้หมอมาแต่เช้าเชียว” อัลฟาร์โน่กล่าวทักทายแล้วเดินตรงไปยังห้องรับแขกของบ้าน มองแขกผู้มาเยือนนั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง ทรงผมเรียบแปล้ที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตกับชุดเสื้อผ้าที่รีดซะเรียบกริบล้วนเป็นเอกลักษณ์ของเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันนาน ธีระดนย์นั่งรออยู่ด้วยอิริยาบถสบายๆ ยิ้มตอบคำทักทายของเพื่อน ก่อนจะมีสีหน้ากังวลเมื่อนึกย้อนถึงสาเหตุที่ทำให้เพื่อนต้องเดินทางกลับมาอย่างกะทันหันแบบนี้
นายแพทย์ ธีระดนย์ ศิรบริพัทธิ์
คุณหมอหนุ่มอนาคตไกลรับหน้าที่หมอประจำตระกูลของอัลฟาร์โน่แทน นายแพทย์ ธีระเดช ศิรบริพัทธิ์ บิดาที่เสียชีวิตไปด้วยโรคชราเมื่อหลายปีก่อน ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันบวกกับความสำพันธ์ที่มีมายาวนานของสองตระกูล ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองสนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังอายุน้อยซ้ำยังเคยเรียนเคยเล่นมาด้วยกัน ก่อนที่อัลฟาร์โน่จะแยกย้ายไปเรียนต่อยังต่างประเทศเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว
“ไม่ได้ซิ ได้ข่าวลูกชายเจ้าของไร่ไร่อัศวพงษ์กลับมาแล้วอย่างนี้ ฉันคงต้องรีบกลับมาดูหน้าหน่อยล่ะ”
นายแพทย์หนุ่มเย้าเพื่อนอย่างอารมณ์ดี เพราะมันก็นานแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้ ครั้งล่าสุดนี่ก็เกือบคงจะปีที่แล้วนั่นกระมังที่อัลฟาร์โน่กลับมาเยี่ยมมารดาที่ไร่แห่งนี้ เนื่องจากงานที่ต้องสืบสารต่อธุรกิจของบิดาที่มีอยู่มากมายในสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าธุรกิจโรงแรม กาสิโน หรือแม้แต่เรือเดินสมุทรก็คงทำให้ลูกชายเจ้าของไร่แทบจะปลีกตัวกลับมาที่นี่ได้ไม่บ่อยนัก
“ดีใจที่เจอแกวะไอ้หมอ” มาเฟียหนุ่มเดินเข้าไปโอบไหล่เพื่อนหนุ่มที่ไม่ได้เจอกันนาน พลางตบไหล่เพื่อนหนักๆ ให้หายคิดถึง เนื่องด้วยธีระดนย์เป็นแพทย์ประจำตระกูล และคือเพื่อนในวัยเด็กที่เขาสนิทที่สุด
“แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าฉันกลับมาเยี่ยมบ้านตามปกติเหมือนทุกครั้ง”