ตอนที่9 เหยื่อล่อ
วันรุ่งขึ้นสื่อเกือบทุกประเภทโหมประโคมข่าวใหญ่ในหัวข้อข่าวบอกถึงมาเฟียในคราบนักธุรกิจ
หมื่นล้านนายราฟาร์เอล เรย์ญ่า ชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ถูกตำรวจสากลบุกเข้าจับกุมในข้อหาค้าอาวุธสงครามและยาเสพติด หลังมีพลเมืองดีส่งข้อมูลหลักฐานให้กับทางเจ้าหน้าที่ รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลาปานรูปสลัก ก่อนจะกลับมานิ่งเฉยดังเดิม
“ทำงานดีมากเดย์ แกช่วยสืบต่อให้ทีว่าไอ้คนที่รับคำสั่งจากมันที่เมืองไทยเป็นใคร ฉันต้องการถอนรากถอนโคนให้หมด” อัลฟาร์โน่บอกปลายสายด้วยเสียงเข้มงวด
“ครับนาย เรากำลังจะได้ข้อมูลลูกน้องราฟาร์เอลที่อยู่ประเทศไทยในอีกไม่ช้าครับ” เสียงจากปลายสายดังขึ้น รับคำสั่งหนักแน่น
“อืม ระวังตัวด้วยล่ะ มีอะไรรีบติดต่อกลับมาทันที”
“ครับนาย” สิ้นสุดการสนทนาอัลฟาร์โน่หันมาหาไซมอร์นที่ยืนประสานมืออยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของผู้เป็นนายใหญ่ด้วยอาการสงบนิ่ง ใบหน้าของมาเฟียหนุ่มฉายแววพอใจกับผลงานของลูกน้องฝีมือดีของตนเอง ก่อนจะรับลูกน้องแต่
ละคนเข้ามาร่วมงานเขามักจะพิถีพิถันในการคัดเลือกเสมอ ด้วยแต่ละย่างก้าวของถนนสายนี้เต็มไปด้วยอันตรายอยู่
รอบด้าน
“ไซมอร์น ฉันอยากให้นายไปดูแลงานที่สวิตเซอร์แลนด์ให้ฉันระหว่างที่ฉันพักอยู่เมืองไทยนี่ นายมันเป็นลูกน้องฝีมือดีที่สุดของฉัน นอกจากนายแล้วเนี่ยฉันยังนึกไม่ออกว่าจะพอไว้ใจใครให้ทำหน้าที่นี้แทนได้อย่างหมดห่วง ฉันจะจัดการพวกศัตรูที่นี่ด้วยตัวเอง”
“เอ่อ…ครับ” ไซมอร์นเงยหน้ามองเจ้านายหนุ่ม สายตายเจือความวิตกกังวล แต่ก็ได้เพียงพยักหน้ารับคำสั่งอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะเขารู้ดีว่าการตัดสินใจของบุรุษที่ชื่อ อัลฟาร์โน่ เด วาคอร์ป ไม่เคยมีใครเปลี่ยนแปลงได้ แม้ในใจจะนึกเป็นห่วงเจ้านายมากก็ตามที หากข่าวที่ทางการจับตัวหัวหน้าอย่างราฟาร์เอลได้ ก็ย่อมทำให้เกิดความระส่ำระสายกับพรรคพวกที่เหลือไม่น้อยกว่าที่พวกมันจะกลับมาตั้งลำรับมือกับเจ้านายของเขาได้อีกครั้งก็คงใช้เวลาพอสมควร
“เจ้านายอยู่ทางนี้ก็ระวังตัวด้วยนะครับ ผมทราบมาว่าพวกมันอยู่ใต้จมูกพวกเรานี่เอง ผมจะรีบจัดการงานทางโน้นแล้วกลับมาช่วยนะครับนาย” มาเฟียหนุ่มหัวเราะร่วนกับท่าทีร้อนใจของลูกน้อง
“ไปเถอะไซมอร์น ฉันจะระวังตัว” อัลฟาร์โน่โบกมือ พลางมองตามหลังลูกน้องคนสนิทที่ค้อมตัวให้เขาแล้วเปิด
ประตูเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบกริบ…
ศรัญชญา สุวิชทวงษ์หรือ เอ๋ย หญิงสาวอายุยี่สิบสี่ปีจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของรัฐบาล
ในจังหวัดเชียงใหม่ แรกเริ่มทีเดียวที่เธอมาสมัครงานในไร่นั้นนางดารินทร์มองสาวน้อยตรงหน้าด้วยความรู้สึกกังขาไม่น้อย กับตำแหน่งที่เจ้าหล่อนยื่นใบสมัครมา แต่ความที่รู้สึกถูกชะตาและเห็นแววมุ่งมั่น นางจึงให้โอกาสเธอ และศรัญชญาก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอสามารถทำงานนี้ได้ดีกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นงานในไร่การบริหารคน และไหวพริบความเฉลียวฉลาดในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในไร่ จนเป็นที่ยอมรับของนางและคนงานทุกคนในไร่อัศวพงษ์
นางดารินทร์นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยมองหน้าหญิงสาวกับบุตรชายสลับกันไปมา บางอย่างที่นางสัมผัสได้จากแวว
ตาของทั้งคู่ทำให้คนป่วยคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขกับความห่วงใยของพวกเขา พร้อมกับคาดหวังลึกๆ ในใจของนางเกี่ยวกับอนาคตความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง หลายวันมานี้อาการของนางดีขึ้นมาก จนเจ้าตัวรู้สึกอึดอัดที่ต้องนอนอยู่เฉยๆ บนเตียงคนป่วยในห้องสี่เหลี่ยมที่มองทางไหนก็มีแต่สิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยอิฐกับปูนอยากจะออกไปจากโรงพยาบาลวันหลายๆ หน เนื่องจากนางคิดถึงไร่อัศวพงษ์และบรรดาผู้คนที่นั่น
“เมื่อไหร่แม่จะออกไปจากที่นี้สักทีล่ะอัลฟาร์โน่ นอนเฉยๆ เหมือนคนเป็นง่อยอยู่แบบนี้แม่เบื่อจะแย่” ชายหนุ่มยิ้มกุมมือของมารดาบีบเบาๆ
“อีกวันสองวันน่ะครับ แต่พอออกจากโรงพยาบาลแล้วเนี่ยผมอยากให้คุณแม่ไปพักฟื้นที่สวิตเซอร์แลนด์สักเดือนสองเดือน รอให้เรื่องยุ่งๆ ทางนี้สงบแล้วค่อยกลับมานะครับคุณแม่” ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าไปมา ถึงแม้จะเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหากนางก็ยังอยากอยู่เคียงข้างลูกชายมากกว่า เพราะรู้สึกว่านานเหลือเกินแล้วที่ไม่ได้พบหน้ากันนอกจากฟังเสียงผ่านสัญญาณโทรศัพท์
“แต่แม่อยากอยู่กับลูกมากกว่านะอัลฟาร์โน่” น้ำเสียงออดอ้อนของคนเป็นแม่และการแสดงออกถึงความรักของคนทั้งสองทำให้หญิงสาวอีกคนอดน้ำตารื้นขึ้นมาไม่ได้ด้วยความคิดถึงมารดาผู้ล่วงลับของเธอ
“ผมก็อยากอยู่กับคุณแม่ครับ แต่สถานการณ์ช่วงนี้อาจไม่ค่อยปลอดภัยนัก ผมสัญญานะครับว่าหลังจากจบเรื่องวุ่นๆ นี้จะรีบเคลียร์งานและมาอยู่กับคุณแม่สักเดือนสองเดือนให้เบื่อกันไปข้างหนึ่งเลย”
“อย่าหลอกให้แม่ดีใจล่ะ ช่วยเป็นพยานให้ป้าด้วยนะหนูเอ๋ย ถ้าผิดคำพูดเมื่อไหร่แม่โกรธจริงๆ ด้วยนะ”
“ค่ะ… คุณป้า”
ผู้จัดการสาวพูดอ้อมแอ้ม ด้วยสายตาคมกล้าของเจ้านายคนใหม่กำลังจ้องมองเธออยู่ ซึ่งเธอเองก็ไม่คุ้นเคยนักกับการถูกอีกฝ่ายจับจ้องด้วยสายตาแปลกๆ แบบนี้ เจ้านายคนใหม่เรียกเธอมาพบและลากตัวมาเยี่ยมคนป่วยโดยที่ไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าสักคำ เธอจึงมามือเปล่าไม่มีแม้ดอกไม้สักช่อ
ตลอดทางที่ต้องนั่งมารถคันเดียวกันบรรยากาศมันชวนให้วังเวงพิลึก นานๆ เขาจะหันมาพูดคุยกับเธอสักคำเหมือนการสัมภาษณ์ซะมากกว่าการชวนคุยธรรมดาทั่วไป เวลาอยู่ใกล้ๆ เขาเธอรู้สึกประหม่าแบบที่ไม่เคยเป็นเวลาเข้าใกล้ผู้ชายคนไหน ร่างกายเขาสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มราวกับรูปสลักมีเสน่ห์แห่งบุรุษเพศแผ่ออกมาข้ามคุกคามเธออย่างร้ายกาจ เธอแทบไม่รู้ว่าควรวางมือไม้ของตัวเองเอาไว้ตรงไหนด้วยซ้ำเมื่อนั่งห่างกับเขาแต่เพียงหนึ่งช่วงแขนการสนทนากับเขาด้วยภาษาอังกฤษ ร่วมทั้งการพูดคุยของสองแม่ลูกทำให้หญิงสาวเชื่อสนิทใจว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอ ภาษาไทยคงไม่กระดิก นั่นคงเป็นเพราะเขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศกระมัง
“ระหว่างที่แม่ไม่อยู่แม่ขอฝากไร่กับพวกคนงานให้ลูกช่วยดูแลด้วยนะอัลฟาร์โน่… โดยเฉพาะหนูเอ๋ย”
อัลฟาร์โน่ย่นหัวคิ้วปรายตามองหญิงสาวที่มารดาเพิ่งจะฝากกับเขาอย่างไม่เข้าใจนัก แหละมันทำให้คนถูกมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาฉับพลันกับสายคมๆ ของเขา
“คุณป้าคะเอ๋ยดูแลตัวเองได้ค่ะ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้นะคะเอ๋ยจะทำงานอย่างสุดความสามารถค่ะและจะไม่ทำให้คุณป้าผิดหวังแน่นอน” คนที่เพิ่งถูกฝากฝังให้ดูแลร้อนตัวขึ้นมา ก็เธอดูแลตัวเองมาได้ตั้งแต่ไหนแต่แล้วไม่เห็นต้องให้ผู้ชายหน้าดุๆ ซึ่งใครต่อใครก็เรียกลับหลังว่า ‘มาเฟีย’ คนนี้มาช่วยดูแลเลยสักนิด แหละที่สำคัญท่าทางของเขาก็คงไม่อยากจะรับหน้าที่ต้องมาดูแลเธอตามที่มารดาเขาบอกสักเท่าไร
“เรื่องนั้นน่ะป้ารู้แล้วและป้าก็ไม่ได้ห่วงเรื่องการทำงานของหนูด้วย เพราะหนูเอ๋ยได้พิสูจน์ให้ป้าได้เห็นแล้วว่าหนูเหมาะสมกับตำแหน่งผู้จัดการไร่ที่ป้ามอบให้ ป้าแค่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของหนูเท่านั้น” นางดารินทร์มองหญิงสาวรุ่นลูกด้วยแววตาอ่อนโยนแฝงเอาไว้ซึ่งความรักความเอ็นดู ก่อนจะหันหน้าไปหาลูกชายที่ยืนนิ่งเอาแต่จ้องหน้าผู้จัดการสาวของนางตาไม่กระพริบ
“ว่าไงล่ะอัลฟาร์โน่ ลูกยังไม่รับปากแม่เลยนะ” มารดาสบตากับลูกชายด้วยแววตาคาดคั้นเอาคำตอบ
“ผมสัญญาครับคุณแม่ ผมจะดูแลไร่อัศวพงษ์คนงานในไร่และ… คุณหนูเอ๋ยของแม่ให้ดีที่สุด”
ศรัญชญาเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินถ้อยคำเน้นเสียงชัดเจนของเขาเมื่อเอ่ยถึงชื่อเธอเหมือนการล้อเลียน ‘คุณหนูเอ๋ย’ เมื่อกี้ พร้อมกับหันหน้าอันหล่อเหลามายักคิ้วเข้มให้เธออย่างรวนๆ อีกตะหาก ขณะที่นางดารินทร์อมยิ้มพยักหน้ามองหนุ่มสาวอย่างอารมณ์ดีและรู้สึกเบาใจเป็นอย่างมาก
“ดีมากจ้ะลูกแม่จะไปพักฟื้นที่ต่างประเทศอย่างสบายใจหายห่วง” นางดารินทร์ฉีกยิ้มกว้างใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
“เธอออกไปรอข้างนอกก่อน ฉันจะคุยกับคุณแม่ตามลำพัง”
อัลฟาร์โน่หันมาบอกผู้จัดการสาวของมารดาที่เม้มปากสีชมพูระเรื่อของตัวเองแน่นจ้องตอบเขาเหมือนไม่ค่อยพอใจที่ถูกเอ่ยปากไล่กรายๆ ด้วยน้ำเสียงขุ่น แล้วเป็นฝ่ายยอมถอนสายตาออกเอี้ยวตัวไปบอกลาคนไข้ที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ
“เอ๋ยไปรอนอกห้องนะคะคุณป้า กราบลาคุณป้าตรงนี้เลยล่ะกันรักษาสุขภาพนะคะ” ศรัญชญาประนมไหว้
“จ้ะหนูก็เหมือนกันนะ รักษาตัวดีๆ นะลูก” นางดารินทร์หันมาหาลูกชายหลังจากหญิงสาวอีกคนปิดประตูห้องลง พร้อมกับเลิกคิ้วรอฟังในสิ่งที่พ่อลูกชายตัวดีกำลังจะบอกกับนาง ด้วยความที่แม่ลูกกันทำไมนางจะไม่รู้ใจลูกชายตัวเอง มาไล่คนของนางออกไปจากห้องก็คงอยากจะซักนางเกี่ยวกับเธอนั่นแหละ…