EP5:ผู้ชายในอุดมคติ

1805 คำ
ตอนที่ 5 : ผู้ชายในอุดมคติ 11.00 PM. (ห้าทุ่ม) @ผับหรูใจกลางเมือง  หญิงสาวร่างบางเดินเข้ามาในผับท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม สายตาของหนุ่มๆหลายคนจ้องมองความสวยของแก้มใสกันตาเป็นมัน ด้วยการสวมใส่ชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีดำความสั้นเหนือเข่า ใบหน้าหวานถูกแปลงโฉมด้วยเครื่องสำอางที่แก้มใสบรรจงแต่งด้วยความสามารถของตัวเองให้เป็นสาวเฉี่ยวเผ็ดดุให้เหมาะกับสาวท่องราตรี ต้นขาขาวเนียนอวดโฉมให้กับผู้คนมากหน้าหลายตาถึงแม้ภายในผับดังจะมีแสงไฟสลัวก็ตาม ยิ่งเสริมส้นสูงระดับพอดีกับตัวเองยิ่งเสริมให้หญิงสาวดูสูงโปร่งและเป็นสง่า องค์ประกอบทุกอย่างลงตัวจนลบล้างภาพสาวออฟฟิศในตอนกลางวันที่หัวฟูไปได้อย่างสิ้นเชิง ริมฝีปากบางที่ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงอมชมพูระบายยิ้มให้กับบรรดาเพื่อนๆที่มารออยู่ก่อนแล้ว กว่าที่ฉันจะตัดสินใจก้าวขาออกจากบ้านก็ลังเลอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยที่หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนทำให้ความขี้เกียจครอบงำ แต่ก็ถูกโทรจิกจากรุ่นพี่คนสนิทและเพื่อนสาวคนสนิทอยู่ทุกห้านาที สุดท้ายก็จำยอมแปลงโฉมตัวเองและออกจากบ้าน พ่อแม่ของฉันไม่บ่นเรื่องเที่ยวกลางคืน มีแต่เป็นห่วงซะมากกว่า เพราะทั้งสองคนรู้ดีว่าฉันไม่ใช่เด็กเหลวไหล รู้จักหน้าที่ของตัวเอง “นั่นคือคนที่ไม่พร้อมออกจากบ้านและคนที่เราโทรจิกหรือเปล่าพี่ฝน” เฟิร์นถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นแก้มใสเดินมา ปกติถ้าอยู่ออฟฟิศแก้มใสจะใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงไม่ก็กระโปรงตามสไตล์สาวออฟฟิศ แต่พอวันนี้เห็นเพื่อนใส่เดรสเกาะอกรัดรูปโชว์เนื้อหนังมังสาก็อดที่จะแซวไม่ได้ “ไม่ได้แต่งอะไรเยอะจริงๆน้องสาวฉัน แต่เรียกแขกตั้งแต่ประตูทางเข้าจนถึงโต๊ะเลย” “หยุดแซวกันได้แล้วทั้งเฟิร์นทั้งพี่ฝนเลย ดูสิกินอิ่มๆมามีพุงหมาน้อยยื่นไม่ค่อยมั่นใจเลย” มือบางลูบหน้าท้องน้อยๆของตัวเองต้องใช้ความสามารถในการแขม่วตั้งแต่เดินเข้ามา “ถ้านี่เรียกพุงแล้วของเราเรียกอะไรละแก้ม” เฟิร์นโชว์พุงของตัวเองตามสไตล์สาวตุ้ยนุ้ยเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนได้ไม่น้อย “วันนี้น้องแก้มสวยมากเลยครับ ไม่ค่อยได้เห็นลุคนี้ เอาจริงๆเหมาะกับนางแบบของบริษัทเราเหมือนกันนะ แฟชั่นโชว์ครั้งหน้าพี่จะเสนอชื่อเราให้บอสพิจารณา” ชายหนุ่มที่ทำงานเห็นความสวยของน้องที่ร่วมงานด้วยก็อดที่จะเอ่ยปากชมไม่ได้ “อย่าเลยค่ะพี่ ขอแก้มทำตำแหน่งเดียวพอค่ะ แค่นี้หัวก็ฟูแล้ว ไหนจะคิดคอนเทนท์การตลาด จัดอีเว้นท์งานแฟชั่นโชว์ คุยกับลูกค้าต่างๆ ก็แทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้วค่ะ” ฉันต้องรีบปฏิเสธ อีกอย่างถ้าให้ฉันไปเดินแบบชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำขนาดนั้น มีหวังอายขายขี้หน้าคนทั้งงานแน่ และนางแบบที่มาเดินให้กับแบรนด์ก็มีแต่คนดังๆ ส่วนความสูงระหว่างฉันกับนางแบบก็ห่างกันอยู่ไม่น้อย สาวตัวเล็กส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร ไม่สามารถไปเทียบกับนางแบบระดับโลกที่สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบอัพได้อย่างแน่นอน “ฮัลโหล...มาผับค่ะ ไม่ได้เปิดประชุมเสวนา มาสนุกกันเถอะ วันนี้พี่ฝนเลี้ยงไม่อั้น” หนึ่งในสาวออฟฟิศแผนกเดียวกันพูดขึ้น “จริงค่ะ...มาสนุกกันดีกว่า” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย และหยิบแก้วเหล้าสีสันสดใสมาดื่ม เสียงเพลงในผับเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับเหล้าสีสันสดใสที่ฉันพึ่งดื่มเข้าไป ใครจะคิดว่าสีสันสดใสอย่างกับลูกกวาดจะทำให้ภายในร่างกายร้อนรุ่มได้ถึงขนาดนี้ หลายคนแยกย้ายกันไปสนุกตามประสาของคนที่ได้ปลดปล่อยหลังจากทำงานกันมาเหนื่อยๆ โต๊ะของฉันมีแค่พี่ฝนและเฟิร์นที่ยืนโยกตามจังหวะเพลงยังคงเกาะกลุ่มกันไว้ ตื้ด..ตรื้ดด... “มาๆ มาสนุกกัน” เสียงดีเจในผับปลุกเร้าให้ทุกคนสนุกสนานพร้อมกับมิกซ์เพลงที่ดุเดือด จนหลายคนอดใจไม่ไหวต้องลุกมาออกลวดลาย “ว้าว...ไม่คิดว่าดีเจที่พวกเราชอบจะมาวันนี้ด้วย” “เมายับแน่นอน เพลงก็มัน เหล้าก็ฟรี” เฟิร์นโยกย้ายพร้อมกับกระดกเหล้าเข้าปาก “เมาให้ยับ แล้วไปอ๊วกหน้าผับ” ฉันพูดจบก็หยิบแก้วเหล้าแก้วที่สองกระดกลงคออึกใหญ่และหมดแก้วในคราวเดียว ฉันไม่ใช้ผู้หญิงคออ่อนที่น็อคตั้งแต่แก้วแรก แต่ก็ไม่แข็งแกร่งที่ถึงขั้นดื่มแล้วไม่เมา แค่รู้ลิมิตตัวเอง “ไม่อยากมาเท่าไหร่ บอกกินข้าวแล้วง่วง” ฝนเอ่ยแซวน้องสาวคนสนิท “เพลงมันได้ค่ะพี่ฝน ดูยัยเฟิร์นสิ ก่อนแก้มมาโดนไปกี่แก้วแล้ว” สายตาหวานเริ่มหยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ส่งไปที่เพื่อนสาวที่ออกลายเต้นอย่างเมามัน ความอ้วนไม่เป็นอุปสรรคมีแต่ความพลิ้วไหว “ขอไม่ตอบว่ากี่แก้ว แต่เตรียมหามกลับบ้านได้เลย” ฝนพูดอย่างยิ้มๆพลางส่ายหัวเล็กน้อย ฉันได้แต่ยิ้มและสนุกสนานไปพร้อมกับทุกคน เสียงเพลงดังกระหึ่มตลอดเวลาแทบไม่มีช่องว่างให้คุยกัน แสงไฟสาดส่องหลากหลายสียิ่งเพิ่มบรรยากาศ เหล้ารสหวานอมขมแก้วแล้วแก้วเล่าถูกส่งเข้าปาก ใบหน้าหวานเริ่มโปรยเสน่ห์ให้กับคนที่ไม่รู้จักโดยไม่รู้ตัว เอวบางร่างน้อยขยับเขยื้อนตามสไตล์ยิ่งยั่วยวนให้กับสายตาหนุ่มๆ สองชั่วโมงผ่านไป “สวัสดีครับคนสวย...พอดีผมมาคนเดียวเลยอยากหาเพื่อนสนุกด้วย ถ้าไม่รังเกียจผมขอร่วมเต้นกับคนสวยด้วยได้ไหมครับ” หนุ่มหล่อผิวขาวสูงโปร่งราวกับนายแบบเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่หมายปองด้วยรอยยิ้ม และก้มลงไปพูดที่หูของเธอเพราะเสียงเพลงดังเกินกว่าจะคุยกับแบบปกติได้ ราวกับคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังพลอดรักกัน “ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ชอบเต้นกับคนแปลกหน้า” ฉันมีสติมากพอที่จะไม่โอนอ่อนไปกับคำพูดนุ่มลึกชวนให้สาวหลงใหล และเขยิบตัวออกห่าง เพราะตอนที่ผู้ชายคนนี้ก้มเข้ามาพูดที่ข้างหูมันเร็วเกินกว่าที่ฉันจะไหวตัวทัน “สักเพลงสองเพลงเพื่อทำความรู้จักกันเฉยๆก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อกัน เอาไว้รอบหน้าถ้าเจอกันอีกค่อยแนะนำตัวกันจริงจัง และนั่นผมจะถือว่าเป็นพรหมลิขิต ดวงตากลมโตมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่เล่นด้วย คำพูดของผู้ชายคนนี้ทำเอาเหล้าแทบพุ่งออกมาไม่ใช่เพราะเมาจนพะอืดพะอมแต่คำพูดชั่งเลี่ยนเกินคำบรรยาย “พอดีเพื่อนหนูมีผัวแล้วค่ะพี่... ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าพี่อยากเต้นมาเต้นกับหนูดีกว่า” เฟิร์นที่เห็นว่ามีผู้ชายเข้ามาวอแวแก้มใสก็รีบเข้าพูดขึ้น และพยายามรั้งแขนชายหนุ่มให้ไปเต้นกับเธอ “เฮ้ย...ไม่ดีกว่าครับ” ชายหนุ่มร่างสูงร้องอุทานเสียงหลง เพียงแค่สาวตุ้ยนุ้ยกระชากแขนนิดเดียวตัวก็ปลิวไปหาเธอ และรีบปฏิเสธอย่างลนลาน “เต้นกับน้องสาวพี่ได้นะคะ พอดีช่วงนี้น้องสาวพี่กำลังเหงาอยู่พอดี” ฝนพูดเสริม พร้อมกับกลั้นขำและชำเลืองมองแก้มใส “อ่อ...พอดีผมว่าจะกลับแล้ว ยังไงขอตัวนะครับ” ชายหนุ่มแกะมือของสาวตุ้ยนุ้ยออกจากวงแขนและรีบเบี่ยงตัวไปทันที สายตาของทั้งสามคนมองปฏิกิริยาของผู้ชายคนนั้นพลางระเบิดหัวเราะออกมา การกระทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เลยทำให้ทั้งสามคนรู้ใจกันโดยที่อีกคนไม่ต้องขอความช่วยเหลือ “ขอบคุณทั้งสองคนมากเลย” ฉันพูดด้วยความซาบซึ้งใจ “เฮ้อ...มีเพื่อนสวยก็เหนื่อยหน่อยนะ” เฟิร์นพูดขึ้นพลางอมยิ้ม “พี่ชินแล้วล่ะ ไปไหนก็จ้องจะมีหนุ่มเข้ามาขายขนมจีบ ไม่งั้นเราคงไม่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยขนาดนี้หรอกเนอะ แต่จะว่าไปเมื่อไหร่จะเปิดใจให้หนุ่มๆมาวิ่งบ้างล่ะแก้มใส พี่อยากเห็นหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นจังเลย” “แก้มยังอยากอยู่กับพ่อแม่ไปอีกนานๆเลยค่ะ ยังอยากอ้อนพ่อแม่มากกว่าอ้อนแฟน ยังอยากกลับไปกินข้าวที่บ้านทุกวัน ยังไม่มีความรู้สึกพวกนั้นเลยจริงๆ” ฉันตอบพี่ฝนไปตามตรง แต่ลึกๆแล้วถ้าเจอคนที่เพอร์เฟคเหมือนบอสพายุ วันนั้นฉันก็อยากเปิดใจ แต่แปลกที่ฉันยังไม่เจอผู้ชายแบบเขาสักคน ฉันแค่ปลื้มเขาในการทำงานและการวางตัว แต่คงไม่อาจเอื้อมไปยืนอยู่เคียงข้าง เลยยกให้เจ้านายหนุ่มเป็นสเปกผู้ชายในฝันก็เท่านั้น อยู่ๆจังหวะเพลงสนุกก็แปลเปลี่ยนเป็นจังหวะที่ช้าลง นักท่องราตรีหลายคนรู้ดีว่าใกล้ถึงเวลาผับปิด หลายคู่ยืนกอดคอกันโยกย้ายไปตามเสียงเพลง คู่รักชายหนุ่มหญิงสาวแลกรสจูบกันเป็นเรื่องปกติ และไฟสลัวๆก็เปิดสว่างมากกว่าเดิม “ทำไมแก้มหน้าแดงขนาดนั้น ดื่มไปเยอะเหรอ” ฉันรีบจับหน้าอันร้อนผ่าวของตัวเอง ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าฉันกำลังคิดถึงผู้ชายในอุดมคติของตัวเอง ไม่คิดว่าหน้าจะแดงจนเพื่อนสังเกตเห็น ประจวบเหมาะกับแสงไฟในผับสว่างขึ้น ไม่งั้นก็คงไม่โดนทักจนทำตัวไม่ถูกขนาดนี้ “อะ...เอ่อ...ใช่ ใช่ แก้มดื่มเยอะไปนิด สงสัยต้องหยุดแล้วล่ะ เดี๋ยวกลับบ้านไม่ไหว นี่ก็ผับใกล้ปิดแล้ว เราออกกันไปก่อนไหม ไม่งั้นพอผับปิดคนจะเยอะ” ฉันต้องเบี่ยงประเด็นให้สนใจไปทางอื่นแทนเมื่อทั้งคู่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของฉัน และเหมือนโชคเข้าข้างหรือฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดก็ไม่สามารถรู้ได้ที่ทั้งสองคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันในคำพูดของฉัน ทำให้เราทั้งสามคนเดินออกกันมาก่อน ส่วนเพื่อนคนอื่นยังคงอยู่ต่อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม