เมื่อเริ่มรู้สึกตัวก็รีบลุกขึ้นนั่งโดยไม่งัวเงีย มองไปที่ที่จุดที่ชายคนนั้นนอน ทว่าพบกลับความว่างเปล่า กองไฟที่เคยลุกโชนตลอดทั้งคืนก็มีทีท่าจะดับมอดลงเร็ว ๆ นี้
บรรยากาศรอบข้างวังเวง ไร้เสียงของสิงสาราสัตว์ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนพวกแมลงยังร้องส่งเสียงระงมทั่วผืนป่า
ใบหน้าฉันเริ่มซีดเผือด ใจหวิวลอยละล่อง… ฉันถูกทิ้ง!
ฉันนั่งเอาไม้เขี่ยกองไฟไปเรื่อย ๆ พลางชะเง้อมองหาเขาอย่างมีความหวังและแล้วเขาก็กลับมา ฉันลุกขึ้นทิ้งทุกอย่างในมือวิ่งเท้าเปล่าโผเข้ากอดดีใจสุดขีดจนน้ำตาเล็ด
เขาเห็นเธอพุ่งตรงมาหาก็เข้าใจว่าเธอคงเห็นปลาที่เขาเพิ่งจับมาเมื่อกี้ เธอคงหิวเหมือนเมื่อคืนเป็นแน่ แต่เธอกับพุ่งเข้าใส่เขาและโอบกอดเสมือนคู่สามีภรรยา
“นึกว่าทิ้งกันซะแล้ว” ฉันโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หน้าซุกกับแผงอกอันเปลือยเปล่าอย่างลืมตัว
“นายไปไหนมา?” ฉันเงยหน้าถามน้ำตายังคงคลอเบ้า
“จับปลาเหรอ?” มองไปที่หอกแหลมด้ามเมื่อวานที่ใช้แทงปลา
เขายกตาข่ายใส่ปลาขึ้นให้ดู จากนั้นจึงเดินนำแต่เมื่อเห็นว่าเธอคนนั้นก้าวขาตามมาไม่ทัน เขาจึงลดแรงฝีเท้าให้ช้าลง จนกระทั่งเธอเดินขนาบข้าง
“นายจับมากี่ตัว?” ฉันพยายามพูดคุยเพื่อให้บรรยากาศไม่อึดอัด อีกอย่างฉันต้องพยายามผูกมิตรกับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันรู้แน่ ๆ แล้วว่าเขานี่แหละที่พึ่งเดียวของฉัน ฉันจะไว้ใจเขา!
หลังจากยิงคำถามออกไปฉันก็ตอบคำถามของตัวเอง “เยอะกว่าเมื่อวานอีก ขอสี่ตัวนะ” ยกนิ้วเพื่อทำสัญลักษณ์
เมื่อปลาสุกเขาก็วางมันพักไว้บนใบไม้ขนาดใหญ่ ใหญ่พอที่จะวางปลาได้ทั้งหมด
“ขอบใจนะ แล้วนายชื่ออะไร? มีชื่อไหม? ฉันชื่อธารรัก เรียกธารเฉย ๆ ก็ได้นะ”
“...”
“เข้าใจหรือเปล่าเนี่ย? ธาร ธารรัก ธารที่แปลว่าน้ำ” ฉันเน้นคำและชี้เข้าหาตัวพร้อมอธิบายความหมายของชื่อ จากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“หินเมื่อวานที่นายใช้จุดไฟน่ะมันคือหินอะไร? ก่อนหน้านี้ฉันก็ลองพยายามจะใช้หินจุดก็แต่ไม่ได้สักที ว่าแต่ที่นายจุดได้เป็นเพราะหินดำ ๆ หน้าตาประหลาดนั่นใช่ไหม?”
“...อวัช”
“หืม?” จู่ ๆ เขาก็เอ่ยคำออกมา ฉันจึงหยุดการสนทนาฝ่ายเดียวและหันไปจ้องเขาและรอเขาเอ่ยอีกครั้ง
“อวัช” เขาชี้เข้าหาตัวเอง ‘อวัช’ คือชื่อของเขา
ฉันยิ้มกว้างยิ้มดีใจ ต่อไปนี้ฉันและเขา เราสองคนจะสื่อสารกันรู้เรื่อง
“อวัช ธารรัก” ชี้ไปที่เขาสลับกับตัวเอง
“อวัช ไม่มีโทษ ไม่มีที่ติ” เขาอธิบายความหมายชื่อของตัวเองบ้างแต่เธอกลับเข้าใจผิดเป็นอย่างอื่น
“รู้แล้วน่า ฉันไว้ใจนาย นายไม่มีพิษมีภัยไม่ใช้คนไม่ดี ส่วนไอ้ที่ว่าไม่มีที่ติก็...” ใช้สายตาสำรวจร่างกายความบึกบึน กล้ามเป็นมัด ๆ “แน่นดีจริง ๆ” ใช้มือลูบไร้ต้นแขนของเขา
อวัชสะดุ้งเล็กน้อย เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองเธอตาปริบ ๆ แววตาสั่นไหว เลือดฝาดบริเวณแก้มค่อย ๆ เด่นชัดขึ้น อวัชตัวแข็งทื่อกลับหันหลังเร่งฝีเท้าเดินกลับไปเก็บของเตรียมตัวออกเดินทางต่อไป
“อ้าว ไปไหน...รอฉันด้วย”
ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้เขาคคลาดสายตาไปอีกเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะเลี้ยวซ้าย ฉันก็จะตามไปทางซ้าย หรือเลี้ยวขวา ฉันก็จะตามไปทางขวา มุดน้ำเข้าถ้ำ ฉันก็จะตามเกาะยิ่งกว่าปลิง ในระหว่างที่เดินตามหลังอวัชสายตาจึงไปจับจ้องผ้านุ่งห่มส่วนล่างของเขา มันคือหนังของเสือ การที่เขาใส่มันแปลว่าเขาต้องเคยสู้กับสัตว์ดุร้ายชนิดนี้และเอาชนะมัน
แข็งแกร่ง!
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วอวัชยังคงเดินไปเรื่อย ๆ และตอนนี้ฉันก็เริ่มที่จะหมดแรงเดินต่อ ฉันอยากนั่งพักสักแป๊บก็ยังดี
“นาย! อวัช!” ฉันใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่วิ่งไปให้ทันเขา จับมือรั้งเขาเอาไว้ให้หยุดอยู่กับที่ “พักได้ไหม? ฉันเหนื่อย”
อวัชมองธารรัก เธอโค้งตัวลงมือทั้งสองค้ำจับเข่า เสียงหายใจเหนื่อยหอบดังฟืดฟาด เขามองรอบบริเวณเพื่อหาจุดที่สามารถนั่งพักได้ ข้างหน้าอีกไม่เกินยี่สิบเมตรมีท่อนไม้นอนตายอยู่ “พักนั่น”
ฉันพยักหน้าจากนั้นพยายามฝืนสังขารลากตัวเองไปให้ถึงและหย่อนก้นนั่ง ความปวดเมื่อยบริเวณต้นขาน่องขาค่อย ๆ จางหายไป ขณะที่กำลังนั่งสบายใจอยู่นั้นรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังจ้องมองมาทางนี้และหันไปตามความรู้สึกลางสังหรณ์ ขนหัวขนตัวลุกก็ซู่เมื่อสายตาพลันไปจ้องกับนัยน์ตาสีเหลืองทอง
“เสือ!!” ร้องดังลั่นไปทั่ว ฝูงนกที่กำลังนอนสงบอยู่ในรังต่างพากันแตกตื่นบินหนีไปตั้งหลัก แววตาของฉันสั่นระริกหวาดหวั่นหวาดกลัวสุดขีด ร่างกายขยับอัตโนมัติตามสัญชาตญาณอีกครั้ง ความเร็วของฝีเท้ายิ่งกว่านักกรีฑากีฬาโอลิมปิกผสมกับปีนเขา
ขณะนี้ฉันนั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ สองมือโอบกอดลำต้นไว้แน่น เหล่มองเสือโคร่งลายพาดกลอนตัวใหญ่มหึมาแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าแห่งนี้เป็นอย่างมาก
มันแหงนหน้ามองคนแปลกหน้ากลิ่นไม่คุ้นชินด้วยแววตาใสซื่อ?
“มะ...มองทำไม ไปไกล ๆ เลยนะ” เสียงที่เปล่งออกมาแทบเป็นลมไม่มีเสียง โชคดีที่ไอ้ตัวข้างล่างมันไม่ใช่เสือดาว ไม่อย่างงั้นมันคงปีนขึ้นมางาบฉันเข้าท้องเป็นอาหารรสเลิศมื้อเที่ยงแล้วแน่ ๆ
ฉันที่กำลังเกาะเป็นลูกลิงอย่างอนาถใจอยู่นั้น เทพบุตรขี่ม้าขาวก็ปรากฏตัวขึ้น
“อวัชช่วยด้วย!” ร้องตะโกนด้วยความดีใจอย่างหลงลืมตัว
เสือตัวใหญ่ตอบรับเสียงของฉัน มันร้องขู่คำราม เหลียวหลังหันไปจ้องอาหารรสเลิศอีกชิ้น มันกระโจนเข้าใส่อย่างจัง!
“ระวัง!” ฉันเบิกตากว้างโพลงร้องเตือนก่อนจะหลับตาปี๋ ไม่รอดแน่ ๆ นายนั่นโดนขย้ำคอแหง ๆ ไม่สิ เขาเคยสู้กับเสือนี่น่ะ ครั้งนี้เขาคงเอาชนะมันได้อีกแน่นอน เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็เริ่มสบายใจ แต่ทำไมถึงไร้เสียงการต่อสู้ใดใด
ฉันค่อย ๆ หรี่ตามองด้วยหัวใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ แต่แล้วภาพที่เห็นตรงหน้ากลับกลายเป็นว่าอวัชกำลังนั่งย่อลูบหัวเสือใหญ่ด้วยความเอ็นดูและมันเองก็คลอเคลียซุกไซร้เขาเช่นกัน มันหงายท้องล้มตึงเอาแผ่นหลังถูกลิ้งไปมากับพื้นหญ้า ส่วนอวัชนั้นก็กำลังจกพุงเจ้านั่นอย่างไร้ความเกรงกลัว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ภาพที่ฉันเห็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไร!
อวัชแหงนหน้ามองธารรัก เขากวักมือเรียกให้เธอลงมาข้างล่าง
ฉันส่ายหน้ารัว ๆ แขนและขาเกาะรัดลำต้นแน่นขึ้นไปอีก ลงให้โง่สิ นั่นเสือเลยนะ
“มันไม่กัดหรอก” เขาบอกเธอด้วยสีหน้าและเสียงที่เรียบเฉย ทำไมเธอต้องกลัวเจ้านี้ด้วย มันออกจะน่ารักเสียขนาดนี้
แน่สิ! มันไม่กัดแต่มันจะเขมือบ!!
“ไม่ต้องกลัว” เขาพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ
“นั่นเสือเลยนะ ต้องกลัวสิ!”
เขาเหลือบมองเธอบนฟ้าและหันไปคุยกับสัตว์ขนสั้นลายสีเหลืองสลับดำ ลูบหน้ามันอย่างเบามือ “ตัวเล็กนั่นธารรัก ธารที่แปลว่าน้ำ” เขาแนะนำเธอให้กับมันพร้อมกับอธิบายความหมายของชื่อเหมือนที่เธอเคยอธิบายให้เขาฟังไม่ผิดเพี้ยน สิ้นเสียงของเขาตัวเล็กก็คำรามขึ้นอีกครั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาบอกกับเธอ
“ไอ้ตัวนั้นมันมีชื่อด้วยเหรอ!? แล้ว...แล้วยินดีที่ได้รู้จักคืออะไร!!”
“ตัวเล็กบอก” อวัชตอบหน้าตายราวกับว่ามันเป็นเรื่องปรกติ
“นะ นายเป็นอะไรกับมัน มันถึงต้องเชื่อฟังที่นายบอกด้วยเล่า!”
“เพื่อน”
เพื่อนเนี่ยนะ? เพื่อนที่ถลกหนังเพื่อนของเพื่อนไปทำเสื้อผ้าเนี่ยนะ!! เขามีเพื่อนเป็นเสือ แถมไอ้เสือตัวโตด้านล่างนั้นดันมีชื่อว่า ‘ตัวเล็ก’ ให้ตายยังไงวันนี้ฉันก็ไม่ยอมลงไปแน่ ๆ ไม่ลงเด็ดขาด
อ่าวเห้ย! แล้วนั้นเขาจะไปไหนนั่น ทำไมเดินไปทางนั้น “ไปไหน?” ตะโกนถามอย่างหวั่นใจ
“หาอาหาร”
“อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ! ไม่เอานะ” เบ้ปาก น้ำเสียงออดอ้อนและจ้องเขาอย่างอ้อนวอน
“ไม่ทิ้ง” เขาบอกเธอ แต่เมื่อเห็นว่าเธอกำลังกังวลใจจึงเดินกลับไปยังใต้ต้นไม้ที่เธอห้อยอยู่ด้านบนและบอกกับเพื่อนสี่ขา “ตัวเล็ก ฝากดูแลธารด้วยนะ จะไปหาอาหาร” เขาฝากฝังเพื่อนคู่หูที่ไว้ใจที่สุดให้อยู่คอยดูแลเธอคนนั้น
เพียงเท่านี้เธอน่าจะสบายใจขึ้นมาบ้าง