บทที่11. ความวุ่นวายรอบข้าง

1408 คำ
ดวงตาสีเขียวมองไปที่นอกหน้าต่างด้วยความแปลกใจ แสงทองยังไม่แต้มขอบฟ้าแต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวายรอบข้าง “ดีเหลือเกินที่ท่านหญิงหลับสนิทเช่นนี้” เจย์นาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มโล่งอกแล้วตบมือเรียกนางกำนัลอีกสามสี่คนเข้ามาสมทบ “หม่อมฉันกลัวท่านหญิงจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ” เสียงหัวเราะคิกคักของบรรดานางกำนัลสาวทำให้เมอริอาร์ทำสีหน้าไม่ถูก “ข้าไม่เห็นมีเรื่องใดให้ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับนี่” “แต่ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่จะได้แต่งงานก็จะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับนี่เจ้าคะ” เจย์นาทำหน้าล้อ “เอาเถิดเจ้าคะ เร่งลงจากเตียงแล้วเตรียมตัวกันดีกว่า” “ไยต้องเรื่องมากนัก ท่านแม่ทัพอูเซอร์คาเรสละตำแหน่งเจ้าชายแห่งอียิปต์แล้ว ข้าก็ไม่ต้องทำพิธีวุ่นวายอย่างที่ราชสำนักกำหนดมิใช่หรือ”  “แต่องค์ฟาโรห์ต้องการให้สมเกียรติท่านแม่ทัพและท่านหญิงนี่เพคะ” เจย์นาดึงหญิงสาวลงมาจากเตียง  มือเรียวช่วยปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอออกเพื่อที่จะได้อาบน้ำชำระร่างกายให้ผุดผ่อง เมอริอาร์ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับบรรดานางกำนัลที่เข้าใจไปว่าเธอคงยินดีกับวิวาห์ครั้งนี้นัก เธอไม่พบหน้าชายหนุ่มอีกเลยตั้งแต่ที่เขาถามเธอ ‘เรื่องนั้น’ ช่างไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย และซ้ำร้ายเธอยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมพี่สาวของเธอถึงได้หลงรักเขามากมายถึงขนาดยอมมอบชีวิตให้ได้ คนที่เห็นแก่ตัวแบบนี้น่ามอบหัวใจให้ตรงไหน ที่ผ่านมาเธอเคยคิดว่าเขาเป็นคนดีเลิศเลอแต่ในความเป็นจริงเขาก็แค่ปีศาจร้ายตนหนึ่งที่อยู่ในคราบเทพบุตรเท่านั้น         ‘อีกเพียงสองราตรีข้าก็จะรู้ว่าเจ้าพูดจริงหรือไม่ และเมื่อถึงเวลานั้นข้าจะประกาศความเป็นเจ้าของเจ้าให้บุรุษทุกคนรู้’ รสสัมผัสจากริมฝีปากได้รูปที่ฉกจูบอย่างรวดเร็ว ยังคงติดที่ริมฝีปากอิ่มของหญิงสาว เมอริอาร์ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตนเองอย่างเผลอไผล       เขาจะทำอย่างที่พูดหรือเปล่านะ ยิ่งคิดใบหน้าหวานยิ่งแดงจัด เธอพยายามปัดความคิด ‘เรื่องนั้น’ ออกไปจากสมอง  แต่มันก็แสนยากเย็นในเมื่อลมหายใจร้อนๆ ของเขายังวนเวียนในกายเธอ จนร่างกายร้อนผ่าวทุกครั้งที่คิดถึง แม้ว่าจะถูกเลี้ยงดูในฐานะบุตรีของหัวหน้าเผ่าเธอก็เรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงและชาย แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ‘เรื่องนั้น’ และไม่คิดว่าเขาจะกล้าเอ่ยปากได้หน้าตาเฉยแบบนั้น มีหลายเรื่องมากเกินกว่าที่เธอจะคิดค้นหาคำตอบได้   ทำไมเขาไม่จับเธอขังคุกโทษฐานที่คิดเอาชีวิตเขา ทำไมเขาตอบรับการแต่งงานกับเธออย่างรวดเร็ว ทำไมเขาทำเหมือนไม่ปรารถนาทั้งที่สัมผัสเธออย่างเร่าร้อน ทำไม ทำไม และทำไม? “ท่านหญิงช่างงดงามเหลือเกินเพคะ”         เมอริอาร์ตื่นจากภวังค์แล้วมองเงาตัวเองในกระจก    แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจากเด็กสาวที่มาจากชนเผ่าในทะเลทรายถูกเนรมิตให้แลดูสง่างามได้เพียงนี้ แสงสว่างจากพระอาทิตย์ได้เผยร่างที่งดงามปรากฏต่อสายตาทุกคน ดวงตาสีเขียวดุจมรกตแจ่มชัดถูกแต้มวาดด้วยโคลช์ทาตาสีดำเพิ่มความเย้ายวนเครื่องประดับศีรษะ สร้อยคอ กำไรรวมกระทั้งสร้อยข้อเท้าก็เป็นทองคำส่งแสงระยับจับตานางกำนัลช่วยพรมน้ำหอมเพิ่มให้เธออีก       แม้คราแรกเธอจะรู้สึกฉุนจมูกอยู่บ้างแต่พอครู่หนึ่งผ่านไปกลิ่นหอมนั้นก็อ่อนจางและละมุ่นคลอเคลียเรือนร่าง เมอริอาร์ตกตะลึงภาพตนเองไปชั่วขณะแต่เมื่อคิดว่าคนที่ควรเข้าพิธีแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นควรจะเป็นเซราเนีย-พี่สาวของเธอเอง หัวใจดวงน้อยก็ปวดร้าวขึ้นมา “ท่านหญิงเพคะ มาโมคนสนิทของแม่ทัพอูเซอร์คาเรขอเข้าพบเพคะ” เจย์นารายงานหลังจากมีนางกำนัลคนหนึ่งเข้ามากระซิบบอก “เชิญเขาเข้ามาเถิด” เมอริอาร์พยักหน้ารับ ครู่หนึ่งชายหนุ่มร่างบึกบึนก็เดินเข้ามาและทำความเคารพเธอ “มีธุระอันใดหรือนำข่าวใดมาแจ้งแก่ข้ารึ” มาโมมองไปยังนางกำนัลที่อยู่ใกล้ๆ เมอริอาร์หันไปสั่งกับเจย์นาให้ทุกคนออกไปก่อนเหลือเพียงเธอและคนติดตามของท่านแม่ทัพเท่านั้น “ว่าธุระของเจ้ามาเถิด” “ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าการที่กระหม่อมมาครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับท่านแม่ทัพ” เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย “แต่กระหม่อมต้องการความช่วยเหลือจากท่านหญิง” “เรื่องใดกัน” เธอมองเขาอย่างสงสัย “กระหม่อมไม่ทราบว่าท่านหญิงทราบหรือไม่  ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ท่านแม่ทัพถูกลอบทำร้าย” มาโมมองเห็นเมอริอาร์ส่ายหน้าช้าๆ เขาจึงเอ่ยต่อ “เพราะการเดินทางอย่างเร่งรีบกระทบกระเทือนบาดแผลของท่านแม่ทัพทำให้บาดแผลมีอาการอักเสบ กระหม่อมอยากขอร้องให้ท่านหญิงช่วยพยุงท่านแม่ทัพอย่าให้ผู้ใดสังเกตเห็นว่าท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บ” “ทำไมเราไม่เลื่อนพิธีออกไปก่อน” หญิงสาวถามอย่างหงุดหงิด นี่เขาอยากแกล้งเธอมากขนาดนี้เชียวหรือ “แม้ท่านแม่ทัพจะสละตำแหน่งเจ้าชายแห่งอียิปต์ไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นแม่ทัพสูงสุดผู้คุมกองกำลังทหารทั้งหมด หากมีผู้ใดล่วงรู้ว่าท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บอาจจะมีการฉวยโอกาสนี้โจมตีอียิปต์ได้” “ข้าเข้าใจแล้ว แล้วข้าจะพยุงท่านแม่ทัพยังไงมิให้ผู้ใดรู้” “โอบเอวท่านแม่ทัพหลวมๆ ก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” “โอบ…เอว” เธอไม่อยากจะแตะต้องตัวเขาด้วยซ้ำ นี่ต้องโอบเอวตลอดพิธีเลยหรือ? ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้น่าจะแทงให้ตายให้รู้แล้วรู้รอดไป “กระหม่อมขอความเมตตาจากท่านหญิง” มาโมคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วจนเมอริอาร์ตกใจถอยหลังไปครึ่งก้าว “เอาละๆ ข้ารู้แล้ว เจ้าลุกขึ้นเถิด” เมอริอาร์ถอนหายใจหนักๆ “เจ้าออกไปได้แล้ว” มาโมลุกขึ้นและก้มศีรษะให้อีกครั้งก่อนถอยหลังออกไป เจย์นาก้าวเข้ามาเมื่อเห็นมาโมออกไปแล้ว ดวงตาสดใสมีแววคำถามแต่เมอริอาร์ส่ายหน้าปฏิเสธที่จะพูด “ได้เวลาแล้วใช่ไหม” “เพคะท่านหญิง” ‘ได้เวลาที่อิสรภาพของข้าจะหมดลงแล้วซิ’ เมอริอาร์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หญิงสาวก้าวออกไปโดยมีนางกำนัลนำทาง บุรุษร่างสูงโปร่งแต่งกายเต็มยศแสนสง่างามยืนนิ่งราวกับหุ่นสลักดุจเทพเจ้า ลมหายใจของหญิงสาวขาดห้วงไปชั่วขณะ แต่เท้าก็ก้าวเข้าไปใกล้จนเมื่อมือใหญ่แตะหลังมือเธอเบาๆ จึงเรียกสติของเธอกลับมา “ไม่นานนักหรอกเดี๋ยวทุกอย่างก็เสร็จแล้ว” “ท่านหมายถึงเรื่องใดกัน” หญิงสาวเชิดหน้าอย่างท้าทาย “พิธีแต่งงานหรืออิสรภาพระหว่างเราทั้งสอง” “ข้าเพิ่งคิดถึงประเด็นหลังตอนที่เจ้าพูดนี่แหละ” อูเซอร์คาเรหัวเราะในลำคอ เขายอมรับว่าเมอริอาร์สวยและงดงามกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก แม้เธอจะเป็นน้องสาวของเซราเนียและมีใบหน้าละม้ายคล้ายกัน แต่ความแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยวในแววตานั้นแตกต่างกันมาก “แล้วท่านจะรู้ว่าท่านคิดผิดที่ไม่จับข้าขังคุก” “หรือไม่ก็เป็นฝ่ายเจ้าที่เสียใจที่ไม่ฆ่าข้าให้ตายด้วยกริชนั่น” อูเซอร์คาเรเดินนำหญิงสาวเพื่อเข้าพิธีแต่งงาน เมื่ออยู่ต่อพระพักตร์ฟาโรห์เนเฟอร์คาเรและพระมเหสีอังค์เนสทำให้ทั้งคู่ยุติสงครามระหว่างกัน เมอริอาร์สังเกตเห็นใบหน้าคมเข้มต้องกัดฟันแน่นทุกครั้งที่ก้าวเดินทำให้เธอนึกถึงคำพูดของมาโม มือน้อยๆ ยกขึ้นโอบเอวหนา อูเซอร์คาเรปรายตามองเจ้าสาวของตนแล้วต้องกลั้นหัวเราะ สีหน้านิ่งเฉยทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ก็ปากสวยๆ บอกว่าเกลียดแต่ก็ห่วงใยเขา บางที…สถานการณ์นี้อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็เป็นได้.
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม