บทที่8. ไม่อาจลืมได้

1419 คำ
แม้จะได้พบกันเพียงครั้งในเดียวในคืนเดือนมืดแต่เขาก็ไม่อาจลืมใบหน้านี้ได้เลย “ท่านหญิงเมอริอาร์ นี่คือแม่ทัพอูเซอร์คาเรและยังเป็นพระอนุชาขององค์ฟาโรห์เนเฟอร์คาเร”  มเหสีอังค์เนสแนะนำหญิงสาวให้รู้จักกับชายหนุ่ม         ใบหน้าหวานที่แต้มแต่งสีสันแบบสตรีอียิปต์ชั้นสูงตะลึงงันไปจนแทบจะลืมหายใจ แต่ก็ฝืนทำใจแข็งหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เคียงข้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจไม่ต่างจากหญิงสาวนัก            เมอริอาร์ไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรในสถานการณ์ไม่คาดคิดนี้ ทำไมเขาถึงมายืนอยู่ตรงนี้ แม้ลึกๆ เธอจะดีใจที่เขายังมีชีวิตอยู่  แต่สิ่งที่ตามมาเล่า เขาจะเอาชีวิตเธอในฐานะนักโทษที่ลอบทำร้ายเขาหรือเปล่า           “ท่านหญิงเมอริอาร์คือว่าเจ้าสาวของกระหม่อม” อูเซอร์คาเรพึมพำถามราวกับฝันไป “เจ้าสาว! ท่านพูดถึงสิ่งใดท่านแม่ทัพ!” เมอริอาร์ตวัดตามองราวกับเสือสาวแต่กลับสร้างรอยยิ้มที่ใบหน้าของอูเซอร์คาเร หญิงสาวร้อนผ่าวทั่วใบหน้าจนต้องหันไปทางพระมเหสี “นี่มันเรื่องอะไรเพคะ” “เมอริอาร์...” องค์ฟาโรห์ทรงเอ่ยด้วยสุรเสียงอ่อนโยน “ความภักดีและการเสียสละของเจ้า ข้าซาบซึ้งยิ่งนักแต่เจ้ายังเยาว์เกินไป         เจ้าควรมีชีวิตของเจ้า ข้าปรึกษากับมเหสีของข้าและเห็นดีว่าจะยกเจ้าให้เป็นภรรยาของอนุชาแห่งข้านั่นก็คืออูเซอร์คาเร” “เจ้าจะมีศักดิ์และศรีไม่น้อยกว่าผู้ใดและจะทำให้แผ่นดินอียิปต์มั่นคงเป็นยิ่งขึ้น” “หม่อมฉัน หม่อมฉัน” เมอริอาร์หันไปทางอูเซอร์คาเรที่ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ‘ปฏิเสธซิ ท่านต้องปฏิเสธ! ปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้’ “กระหม่อมยินดีรับท่านหญิงเมอริอาร์เป็นภรรยาพ่ะย่ะค่ะ” เมอริอาร์อ้าปากจะค้านแต่ไม่มีเสียงออกมาจากลำคอ และต้องตกใจเมื่อมือเล็กๆ ถูกฉวยขึ้นกุมไว้แล้วบีบแน่นจนเธอทำอะไรไม่ถูก ดวงตาของชายหนุ่มจ้องเขม็งทำให้เธอหวาดกลัวไม่กล้าที่จะเอ่ยสิ่งที่ใจคิด หรือว่าเขาต้องการจะแก้แค้นเธอคืนที่เธอทำร้ายเขา  “ถ้าเจ้าทั้งสองมิขัดข้องเราจะจัดพิธีแต่งงานให้ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า” “เจ็ดวันข้างหน้า?” เมอริอาร์ส่ายหน้าไปมาอย่างสับสัน “สามวัน” อูเซอร์คาเรต่อรอง “ถ้าองค์ฟาโรห์และพระมเหสีจะเมตตาก็ขอให้จัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า” “ข้าไม่คิดว่าน้องชายข้าจะใจร้อนเพียงนี้”    ฟาโรห์ทรงสรวลขึ้น “ได้อีกสามวันข้างหน้าข้าจัดพิธีแต่งงานให้เจ้าทั้งสอง” “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” อูเซอร์คาเรกระชับมือเล็กๆ ที่เย็นเฉียบแน่น “ขอบพระทัยสำหรับของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้” อูเซอร์คาเรก้มศีรษะให้ทั้งสองพระองค์แล้วดึงข้อมือเล็กๆ ของเมอริอาร์ให้เดินตามมานั่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ อาหารมากมายถูกนำมาวางไว้ให้ทั้งสองแต่เมอริอาร์กลับไม่รู้สึกอยากกินเลยแม้แต่น้อย          “สองคนนั่นรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า” ฟาโรห์กระซิบถามมเหสี “ไม่ทราบซิเพคะ” มเหสีอังค์เนสเองก็งุนงงไม่น้อย “แต่พวกเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้” “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ดีซิ”  องค์ฟาโรห์ทรงตรัสขึ้น “ข้าอยากเห็นอูเซอร์คาเรมีความสุขเสียที” “เรื่องนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องสร้างเองเพคะ” มเหสีอังค์เนสสรวลขึ้น “หม่อมฉันว่าเราคิดเรื่องพิธีแต่งงานให้พวกเขาดีกว่าเพคะ” “คงต้องเป็นเช่นนั้น” ฟาโรห์เนเฟอร์คาเรทอดพระเนตรมองหนุ่มสาวทั้งสองที่นั่งเคียงข้างกัน เมอริอาร์นั่งอย่างกระสับกระส่ายจิตใจว้าวุ้นสับสนไปหมด แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วแต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ หญิงสาวมององุ่นลูกหนึ่งที่ถูกยื่นมาให้ตรงหน้า เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้างุนงงและสับสน “กินอะไรสักหน่อยซิ” “ท่านจะห่วงข้าทำไม” เธอเชิดหน้าขึ้นแล้วกัดเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง “ทำไมเมื่อครู่ท่านไม่ปฏิเสธหรือไม่ก็ทูลองค์ฟาโรห์ว่าข้าทำร้าย อุ๊บ!” อูเซอร์คาเรส่งองุ่นผลนั้นเข้าปากที่กำลังอ้าพูดของเมอริอาร์ หญิงสาวเผลอเคี้ยวอย่างไม่ตั้งใจ เธอผงะไปทันทีแต่ปลายนิ้วแข็งแกร่งที่ยังอ้อยอิ่งที่ริมฝีปากทำให้ต้องหลบตาและเบือนหน้าหนี แต่ก็ต้องยอมรับว่าองุ่นหวานนักและทำให้เธออยากทานอาหารขึ้นมา       “ข้าต้องบอกก่อนว่าไม่ทราบว่าเจ้าสาวของข้าคือเจ้า” แม่ทัพหนุ่มสารภาพแล้วเลื่อนจานเนื้อแกะย่างให้เมอริอาร์  “แต่ข้าคิดว่านี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดทั้งสำหรับข้าและเจ้ารวมถึงทุกชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเรา” “ท่านไม่มีวันเข้าใจข้าหรอก”  หญิงสาวพยายามขยับตัวออกห่างแต่ก็ไม่สามารถไปได้ไกลนัก เธอยังรู้สึกถึงไออุ่นจากเรือนกายของชายหนุ่มแผ่กระจายมากระทบเธอจนแทบจะเป็นไข้      “ข้าคิดว่าข้าเข้าใจ” น้ำเสียงนุ่มนวลลอยอยู่ใกล้เนียนแก้มของหญิงสาว ยิ่งมองใกล้ๆ เขายิ่งรู้สึกว่าเธอมีความงามที่แตกต่างจากเซราเนียนัก           “ข้าไม่เชื่อท่านหรอก ท่านหลอกลวงพี่สาวข้าเช่นไรข้าจำได้เป็นอย่างดี” “ถ้าเราจะพูดเรื่องนี้กันที่นี่คงไม่เหมาะ” อูเซอร์คาเรลุกขึ้นยืนแล้วฉวยข้อมือเล็กๆ ของเธอให้ลุกขึ้นตามเขาด้วย “เราต้องคุยกัน” “ข้าไม่อยากคุยอะไรกับท่านทั้งนั้น” เธอพยายามจะขืนตัวไว้แต่ร่างสูงใหญ่กลับรั้งเอวเธอมาจนชิดแนบอกกว้าง   “อย่าทำอะไรให้ฟาโรห์ทรงกริ้ว”   อูเซอร์คาเรกระซิบชิดมุมปาก “นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้าเท่านั้นแต่เป็นทุกชีวิตในเผ่าของเจ้าต่างหาก” คำพูดของอูเซอร์คาเรทำให้เมอริอาร์ไม่อาจขัดขืนได้ เธอจำใจต้องเดินตามร่างสูงใหญ่ออกมาจากงานเลี้ยง ในส่วนลึกเธอกลับโล่งใจที่ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางสายตาใคร่รู้หลายคู่ อูเซอร์คาเรเดินนำมาที่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ห่างจากวังหลวงไม่ไกลนักและยังมีเสียงเพลงแว่วลอยมา “ท่านพาข้ามาทำอะไรที่นี่” หญิงสาวกอดกายเพื่อปลอบใจตัวเอง “ท่านคงไม่คิดจะฝั่งข้าไว้ริมน้ำไนล์ใช่ไหม” “ถ้าเลือกได้คงอยากฝั่งความแค้นในใจเจ้าต่างหาก” มือใหญ่รั้งเอวบางมาแนบชิดใช้มืออีกข้างจับปลายคางน้อยๆ ให้เชิดหน้าขึ้นมองเขา “เจ้าจะโกรธเกลียดข้าเพียงใดเป็นเรื่องที่เจ้าทำได้เต็มที่ แต่เจ้าต้องแต่งงานกับข้าเพื่อให้เหล่าเสนาบดีไว้ใจชนเผ่าของเจ้า” ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดเรือนแก้มทำให้หญิงสาวมึนงง แต่ทุกถ้อยคำของเขาช่างต้องย้ำ ‘หน้าที่’ ที่เธอแบกมันไว้จนหนักอึ้ง “ข้ารู้ว่าจะต้องเจออะไร แต่ข้าก็ขอให้ท่านรับรู้เช่นกันว่าข้าจะชิงชังท่านไปจนตราบลมหายใจสุดท้ายของข้า!” อูเซอร์คาเรมองริมฝีปากอิ่มที่เม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง ร่างบางที่แนบชิดไม่สั่นระริกอีกแล้วเขาเผลอยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกว่าเธอกล้าแกร่งเพราะความโกรธแค้นที่มีต่อเขา ดวงตาสีเขียวจ้องมองราวกับมีเปลวเพลิงเต้นระริก กลิ่นหอมราวดอกไม้ป่ารายล้อมหญิงสาวราวร่ายเวทมนต์ เขาโน้มหน้าลงทาบริมฝีปากลงประกบกับริมฝีปากที่เม้มอยู่   ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างอย่างตกใจ แต่เมื่อถูกริมฝีปากสวยได้รูปคลอเคลียอย่างเรียกร้อง เธอก็เผลอไผลเปิดรับให้เรียวลิ้นของเขาแทรกเข้ามาในโพรงปาก ชายหนุ่มโอบรั้งร่างบางมาแนบชิดยิ่งขึ้นเมื่อบดจุมพิตลงอย่างลึกล้ำจนหญิงสาวครางในลำคออย่างไม่รู้ตัว สองขาของเธอแทบไร้แรงจนต้องขยุ้มสาบเสื้อของเขาไว้เพื่อพยุงตัวเอง       
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม