4. เด็กชายขุนภัทร
ตอนแรกฉันคิดหนักเพราะมีตาหนูที่อายุเพิ่งไม่กี่เดือน กลัวว่าพาไปอยู่ที่คาเฟ่ด้วยจะทำให้รบกวนลูกค้าในเวลาตาหนูร้องไห้หรือว่างอแง แต่บัวกับเฮียไม้เอกก็บอกไม่ให้ฉันคิดมากในเรื่องนั้น สุดท้ายตั้งแต่วันนั้นฉันจึงได้กลับมามีงานประจำแบบมีเงินเดือนทำเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เรียนจบแล้วก็มีลูก บัวให้เงินเดือนฉันหมื่นสอง แต่เพราะที่คาเฟ่ไม่มีอะไรให้ทำมากฉันจึงยังสามารถรับพวกงานฝีมือมาทำด้วยได้ ส่วนตาหนู ในเวลาที่แม่ต้องพาไปทำงานด้วยก็เหมือนรู้ความไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยงอแง คนที่มานั่งอ่านหนังสือ มานั่งทำงานหรือมาสั่งกาแฟดื่มบางคนเห็นแล้วก็เข้ามาหยอกเข้ามาคุยด้วย นับว่าเป็นสีสันอีกอย่างของร้านเพราะเหมือนเจ้าชินจังคิ้วดกของฉันจะอารมณ์ขันต้อนรับทุกคนที่เข้ามาหาเก่งเป็นพิเศษ
ส่วนบัวก็แวะเวียนมาหาทุกครั้งที่มีเวลา มาแต่ละครั้งก็มีของฝากมาให้ตาชินของฉันตลอด บัวกับเฮียไม้เอกเอ็นดูตาชินจังมากๆ เพราะทั้งสองอยากจะมีลูกแต่ยังไม่มีเสียทีจนเริ่มสิ้นหวัง หลังจากนั้นฉันกับบัวก็เริ่มสนิทกันไปโดยปริยาย ที่สำคัญ เมื่อไม่นานมานี้บัวยังได้แนะนำอาชีพเกี่ยวกับพวกงานเขียนงานพิสูจน์อักษรให้ฉันอีกด้วย
อย่างที่บอกเอาไว้ คือบัวเป็นลูกสาวเจ้าของโรงพิมพ์ รู้จักกับนักเขียนนิยายหลายคนทั้งมีชื่อเสียงและนักเขียนธรรมดาทั่วไป บัวแนะนำให้ฉันเขียนนิยายขาย ทั้งยังแนะนำนักเขียนดังๆ หลายคนว่าฉันเก่งภาษาไทยเหมาะกับการจ้างพิสูจน์อักษร และนั่นก็เป็นก้าวแรกที่ทำให้ฉันได้เปิดโลกอีกใบและได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วงการนี้ได้เกือบหนึ่งปี จากที่เคยทำงานหลายอย่างแต่ยังได้เงินไม่พอใช้แทบต้องร้องไห้ทุกเดือน สถานะทางการเงินก็เริ่มดีขึ้น ฉันไม่ถึงกับรวยภายในพริบตา แต่ก็ไม่ได้ลำบากเท่ากับตอนแรก
จากที่เคยเช่าห้องเดือนละสามพัน อดมื้อกินมื้อ เพื่อให้ลูกได้กินอิ่มนอนหลับและได้ส่งเงินกลับบ้านไปให้แม่ให้น้องทุกเดือนก็สามารถย้ายไปเช่าหอพักที่ใหญ่กว่าเดิม ราคาสูงขึ้นกว่าเดิม แต่สภาพแวดล้อมเหมาะกับการเลี้ยงลูกน้อยได้ดีมากกว่า ได้ส่งให้แม่ให้น้องมากขึ้น และไม่ต้องอดมื้อกินมื้อเหมือนกับแต่ก่อน เสริมกับเงินเดือนที่คาเฟ่ของบัวก็ยังพอมีเหลือฝากเข้าบัญชีเก็บไว้ให้ลูกเรียนและไว้ใช้ในเวลาที่มีความจำเป็นในอนาคตอีกพอสมควร
ที่มีวันนี้ได้ คนที่ฉันจะไม่ลืมบุญคุณที่สุดไม่ว่าฉันจะไปอยู่ที่ไหนก็คือยายบัวกับเฮียไม้เอก ถ้าเราไม่ได้เจอกันอีกครั้ง ตอนนี้ฉันก็อาจจะยังขายหมูปิ้งและทำงานพิเศษหลายอย่างจนตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินเลี้ยงลูกอยู่ที่ไหนสักที่ ที่สำคัญฉันจะไม่โทษและไม่นึกเสียดายโอกาสที่ฉันเคยพลาดไปในตอนนั้นอีกแล้ว ตอนนี้ฉันมีความสุขที่สุดกับสิ่งที่ทำ สำคัญที่สุดคือมีความสุขที่สุดกับการมีชินอยู่ด้วยตรงนี้
"ว่าไงจ๊ะว่าที่คุณแม่"ฉันทักทายคนปลายสายซึ่งกำลังยิ้มหน้าบานอยู่ในหน้าจอ
ใช่แล้วล่ะ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเพื่อนที่อยากมีลูกมาตลอดสามปีนับตั้งแต่แต่งงานก็ได้ฟังข่าวดีจากปากคุณหมอเรื่องการตั้งครรภ์ ตอนนี้เธอกำลังมีเจ้าก้อนมาเกิดในท้อง นั่นทำให้ทั้งเธอทั้งเฮียไม้เอกรวมทั้งพ่อแม่ของเธอดีใจที่สุด
บัวกับสามีของเธอรักกันมาก เฮียไม้เป็นผู้ชายตลกแต่ก็กลัวเมียสุดๆ บัวชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ บัวอยากได้อะไรอยากทำอะไรเฮียก็เต็มใจทำให้ทุกอย่าง ฉันคิดว่าถ้าวันที่บัวคลอดเจ้าหนูออกมาวันไหนครอบครัวของเธอก็จะกลายเป็นครอบครัวสุขสันต์ที่สุดอีกครอบครัวหนึ่ง
"ว่าจะโทรไปถามเรื่องที่แกจะกลับบ้านตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เฮียก็อ้วกไม่หยุดเลย เพิ่งหลับไปเมื่อกี้ฉันเลยเพิ่งมีเวลาโทรไป"
"ว่าที่คุณพ่อแพ้ท้องแทนเมีย เคยอ่านเจอแต่ในนิยาย เพิ่งได้มาเห็นจริงๆ ก็คราวนี้"ฉันพูดกลั้วขำ ในขณะที่บัวก็ยิ้มไม่หุบ
"เฮียมันแพ้ท้องแทนแบบนี้ ถ้าคนที่สองฉันแพ้ท้องเองฉันเอามันตายแน่..."
"เมียอย่าใจร้ายกับเฮีย!!!"
เสียงเฮียไม้เอกร้องสอดเข้ามา ฉันหลุดขำ ทั้งนึกเอ็นดูแล้วก็สงสาร
"นอนไปเลยเฮีย บัวจะคุยกับเพื่อน"
"คร้าบ"
"เฮียอยู่ในโอวาทขนาดนี้ ถ้ามีลูกสิบคนก็คงจะแพ้ท้องแทนแกไปอีกสิบครั้ง"
"ฮ่าๆ ขอให้มันจริง ว่าแต่แกเตรียมของที่จะกลับบ้านหมดยัง"
"เสร็จแล้ว เหลือแค่ต้องส่งงานพิสูจน์อักษรอีกหนึ่งงาน ว่าจะทำให้เสร็จภายในคืนนี้ พรุ่งนี้จะได้ไปขึ้นเครื่องกลับบ้านอย่างสบายใจ"
"แล้วหลานชายคิ้วดกของฉันล่ะ คืนนี้คงดีใจจนนอนไม่หลับเลยมั้งเนี่ยที่จะได้กลับไปหาคุณยาย แถมยังจะได้อยู่ด้วยตั้งหนึ่งอาทิตย์"
"อาบัวพูดกับชินเหยอครับ"
เจ้าคิ้วดกเหมือนจะรู้สรรพนามที่พวกผู้ใหญ่ใช้เรียกตัวเอง เขาลุกจากพื้นตรงที่ดูทีวีเดินมาหาฉันแล้วปีนขึ้นมานั่งบนตัก
"ชินคิดตึ๋งอาบัวจังเยย"
"แหมๆ ปากหวานเชียวนะเจ้าคิ้วดกของอาบัว เดี๋ยวกลับจากเซี่ยงไฮ้คราวนี้อาบัวจะซื้อขนมไปฝาก"
"แม่ขิมบอกว่าอาบัวจะมีน้องน้อยมาวิ่งเย่นกับชินด้วย ชินอยากเย่นกับน้องแย้ว"
"อยากได้เพื่อนมาซนด้วยกันเหรอครับลูกชาย"ฉันแซวยิ้มๆ พร้อมยกมือขึ้นผีผมนุ่มของเขาไปด้วย
"ชินยักมีน้องมาวิ่งเย่นด้วย แต่ชินก็จะยังเป็นเด็กดีของคูมแม่เหมือนเดิม"
เจ้าเด็กพูดเก่งทั้งที่อายุเพิ่งจะสามขวบ พูดแล้วก็พลิกตัวกลับมากอดซุกใบหน้าเข้าที่ไหล่ฉัน เวลาที่ฉันทำงานนางก็มักจะเล่นเงียบๆ ของนาง ส่วนเวลาที่ฉันว่างอย่างเช่นตอนนี้ที่คุยกับบัวนางก็จะชอบปีนขึ้นมานั่งบนตักแล้วออดอ้อนแบบนี้กับฉันตลอด นั่นมันทำให้ฉันที่บางทีอาจจะเหนื่อยๆ เครียดๆ จากงานเป็นต้องอารมณ์ดีและก็หายเหนื่อยได้ในทุกครั้ง
"อ้อนเป็นแมวเลยนะเจ้าคิ้วดก มันเขี้ยวแทน"บัวส่งเสียงมันเขี้ยวออกมาในสาย
"เดี๋ยวก็มีของตัวเองให้มันเขี้ยวแล้วล่ะ"
"กว่าจะมีคงต้องมันเขี้ยวผัวที่แพ้ท้องแล้วอ้อนเป็นลูกน้อยไปก่อน แกทำงานอยู่ฉันไม่กวนแล้วนะ รีบทำให้เสร็จจะได้รีบพาเจ้าคิ้วดกนอนแต่หัววัน ไว้ค่อยคุยกันอีกครั้งก็ได้"
"โอเคแก"
"อาบัวจะวางแล้วนะสุดหล่อ ส่งจุ๊บอาบัวหน่อยสิ"
บัวว่าแล้ว เจ้าเด็กน้อยที่ซุกใบหน้าอยู่บนไหล่ฉันก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วหันไปมองที่จอมือถือ จากนั้นก็ยกสามนิ้วขึ้นแตะที่ปากตัวเองแล้วเอาไปแตะที่หน้าจอเหมือนที่เคยทำ ส่วนคนปลายสายก็ถูกใจนักที่บอกอะไรเจ้าเด็กคิ้วดกก็ทำเป็นหมด
เมื่อบัววางสายไปแล้ว ชินจังจอมแก่นก็หันหน้ากลับมาเงยหน้ามองฉัน
"มองหน้าแม่แบบนี้อยากได้อะไรครับ"ฉันถามพร้อมจิ้มแก้มป่อง
"ยักให้คูมแม่หายเหนื่อยเย็วๆ เมื่อไหย่ชินจะโตสักทีนะ ชินยักยีบโตแย้วไปเป็นนายก พาคูมแม่เที่ยวยอบโยกให้หายเหนื่อยเยย"
ประโยคที่ทำให้ฉันขำทั้งน้ำตา...
ชินจังชอบดูสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ป่าและสารคดีเกี่ยวกับเรื่องภูมิศาสตร์ต่างๆ เขาบอกว่าเขาชอบที่ที่วิวสวยๆ อยากไปเที่ยวรอบโลก แต่ไอ้ที่บอกว่าอยากเป็นนายกนี่ไปเอาความคิดนี้มาแต่ไหน มันเกี่ยวอะไรกันกับเที่ยวรอบโลกนะลูกชายฉัน เอ็นดูไม่ไหว...
แต่เวลาได้ยินลูกพูดเหมือนเป็นห่วงและเข้าใจว่าฉันเหนื่อยแบบนี้ทีไร ฉันอยากจะบอกว่ามันเป็นอะไรที่ฮีลใจคนเป็นแม่อย่างฉันมากๆ หลังจากได้ยินแบบนี้ความเหนื่อยความท้ออะไรต่างๆ คือสูญสลายหายไปหมดเลย อยากขอบคุณทุกอย่างจริงๆ ที่ส่งลูกชายคนนี้มาเกิดกับฉัน อยากขอบคุณเหมือนกันที่ในวันนั้นเลือกเก็บเขาไว้ เจ้าเด็กน้อยชินจังคิ้วดก เด็กชายขุนภัทร ประเสริฐกุล ผู้ชายที่ทำให้ฉันตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเสียง ผู้ชายที่ยิ่งอยู่ด้วยยิ่งทำให้รู้สึกหลงรักมากขึ้นทุกวัน...