6. โรงพยาบาลนี้...
"คูมแม่จะพาชินขี่มอไซค์เหยอครับ"
เจ้าคิ้วดกเงยหน้าขึ้นมาถามฉัน ฉันนึกเป็นห่วงลูก แต่ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากขี่มอเตอร์ไซค์ บ้านอยู่ห่างจากโรงพยาบาลในเมืองเกือบยี่สิบกิโลเมตร อีกทั้งบ้านยังลึกเข้ามาในหมู่บ้านไม่ได้ติดกับถนนใหญ่ที่อาจจะมีรถโดยสารหรือรถบัสแล่นผ่าน
"ชินนั่งมอเตอร์ไซค์ได้ไหมลูก"
"ชินยักนั่งมอไซค์ครับคูมแม่"เจ้าเด็กน้อยบอกพร้อมฉีกยิ้ม จากนั้นก็วิ่งไปยังมอเตอร์ไซค์ของเขตที่จอดทิ้งไว้ ในนั้นมีหมวกกันน็อคแบบครึ่งใบห้อยเอาไว้ด้วย
"ชินใส่หมวกกันน็อคนะลูก"ฉันหยิบหมวกกันน็อคมาสวมให้ลูก
"แย้วคูมแม่ย่ะครับ"
"แม่ไม่เป็นไร ไปกันเถอะครับ"
ว่าแล้วฉันก็อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นนั่งบนเบาะ จากนั้นก็ก้าวขึ้นนั่งด้านหน้าแล้วติดสตาร์ท
"ชินกอดแม่แน่นๆ นะลูก เดี๋ยวตก"ฉันหันกลับไปบอกลูกด้วยความเป็นห่วง ชินตอบรับพร้อมกระชับวงแขนที่กอดเอวฉัน จากนั้นฉันจึงบิดมอเตอร์ไซค์ออกไปจากบ้าน ระหว่างนั้นเห็นรถสี่ประตูคันหนึ่งขับเลี้ยวออกมาจากประตูรั้วบ้านข้างๆ ฉันชะลอรถเพื่อให้รถสี่ประตูคันนั้นขับผ่านไปก่อน แต่แล้วรถคันนั้นก็ขับมาจอดตรงหน้า ในขณะที่คนในรถก็ลดกระจกลงมาเรียกถาม
"จะไปโรงพยาบาลเหรอ..."
เป็นผู้ชายในชุดข้าราชการสีกากีที่เรียกถามฉัน ฉันทำหน้างงก่อนจะพยักหน้าตอบเขาไปหนึ่งที
"จำพี่ได้ไหม พี่โต๋ หลานชายยายสาวที่อยู่ข้างบ้าน"
"อ๋อๆ พี่โต๋ จำได้แล้วค่ะ"
"พี่กำลังจะไปราชการในเมือง ถ้าเราจะไปโรงพยาบาลก็พาลูกมาขึ้นรถไปกับพี่ดีกว่า พาเด็กนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปในเมืองมันอันตราย"
เมื่อพี่โต๋บอกแบบนั้นฉันจึงหันกลับไปดูหน้าลูกชาย ซึ่งยังนั่งกอดเอวของฉันไว้แน่น ตอนนี้ใบหน้าเนียนใสของเขาเริ่มมีเม็ดเหงื่อซึมไหลออกมาเพราะอยู่กลางแดด ฉันรู้ว่าเจ้าคิ้วดกร้อนมากแต่ก็ยังฉีกยิ้มให้ฉันเหมือนไม่เป็นอะไร ตอนนั้นฉันสงสารลูกมากๆ
"ไปขึ้นรถกับลุงโต๋กันลูก"
ฉันจอดรถแล้วรีบถอดหมวกกันน็อคออกมาจากศีรษะเขา จากนั้นก็อุ้มเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปขึ้นรถกับพี่โต๋ จริงๆ ก็รู้สึกเกรงใจ เกรงใจมากๆ ที่ต้องมาวุ่นวายด้วยตั้งแต่วันแรกที่กลับมาบ้าน แต่นาทีนี้ฉันต้องเก็บความเกรงใจนั้นเอาไว้ก่อน เอาไว้วันหลังฉันจะหาทางตอบแทนน้ำใจพี่เขาแล้วกัน ตอนนี้ความปลอดภัยของลูกและการไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดสำคัญมากกว่า
ฉันนั่งรถมากับพี่โต๋ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงโรงพยาบาลในตัวจังหวัด ตึกฉุกเฉินชั้นสิบที่แม่มาเข้าคือตึกใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ส่วนอีกตึกหนึ่งที่อยู่ข้างกันและฉันแทบไม่กล้าหันหน้าไปมองคือตึกที่พ่อฉันเคยเสียชีวิตในนั้นเมื่อเจ็ดถึงแปดปีก่อน ทุกครั้งที่ฉันหันไปมองมันอดทำให้ฉันคิดถึงพ่อและคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ เหตุการณ์ที่ฉันเสียใจและร้องไห้หนักที่สุดตั้งแต่เกิดมา
"เขต แม่เป็นยังไงบ้าง"
ฉันอุ้มชินออกไปจากลิฟต์ เห็นเขตแดนนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องคนเดียว ไม่มีญาติคนไข้คนอื่นนั่งอยู่ข้างๆ
"พี่..."
เขตแดนลุกจากเก้าอี้มาสวมกอดฉัน ดูทรงว่าตาน้องชายของฉันจะร้องไห้เพราะเป็นห่วงแม่ สภาพขอบตาคือแดงไม่ไหว แม้มันจะเป็นผู้ชาย แต่ฉันก็ไม่แปลกใจที่มันจะร้องไห้เหมือนกับผู้หญิง
"แม่ยังนอนไม่ได้สติเลยพี่ พยาบาลบอกให้ญาติคนไข้ทุกคนออกมาจากห้อง ให้เข้าไปอีกทีตอนสิบเอ็ดโมง"
"เขาบอกไหมว่าแม่เป็นโรคอะไร"
"หมอที่โรงพยาบาลอำเภอบอกว่าท่อน้ำดีอุดตัน แต่วันนี้จะมีหมอใหญ่จากที่นี่มาตรวจแล้วจะส่งเอกซเรย์อีกรอบ แม่จะเป็นอะไรมากไหมพี่ ฉันไม่เคยเห็นแม่ป่วยมาก่อน วันนี้อยู่ดีๆ แม่ก็ปวดท้องร้องโอดโอยแล้วหมดสติไปเลย ฉันกลัวจนทำอะไรแทบไม่ถูกเลยพี่"
"ไม่เป็นไรหรอก แม่ต้องไม่เป็นไรสิ ถึงมือหมอแล้ว หมอช่วยแม่ได้อยู่แล้ว"
ถึงฉันจะช่วยปลอบใจน้องชายไปอย่างนั้น แต่ฉันนี่สิที่โคตรคิดมาก ฉันกลัวจะเสียแม่ไปเหมือนเคยเสียพ่อไปแล้วหนึ่งครั้ง...
"แล้วนี่แกทานอะไรมาหรือยัง"
"หึ..."เขตส่ายหัวแล้วก็ผละตัวออกไปจากฉัน
"แล้วพี่กับหลานฉันทานอะไรกันมาหรือยัง"
"พี่กับชินทานบนเครื่องมาบ้างแล้ว แกลงไปหาอะไรทานก่อนไป เดี๋ยวพี่กับชินจะอยู่ตรงนี้เอง"ฉันบอกแล้วหยิบเงินจากกระเป๋าสตางค์ออกมาให้น้อง ตอนแรกเขตเหมือนจะยังห่วงแม่จนไม่อยากไปไหน แต่เพราะเสียงท้องร้องประท้วงอย่างหนักฉันจึงได้บังคับให้รีบไปทาน
หลังจากเขตลงไปไม่นาน ญาติคนไข้คนอื่นก็เริ่มทยอยขึ้นมานั่งรอกันที่หน้าห้อง ตอนนี้สิบโมงกว่า เขตบอกว่าเขาให้ญาติเข้าไปเยี่ยมได้ช่วงสิบเอ็ดโมง ดังนั้นฉันคงจะใกล้ได้เจอแม่แล้ว
"ชินเหนื่อยไหมลูก"ฉันก้มถามลูกซึ่งนั่งบนตักมาได้สักพัก เจ้าคิ้วดกส่ายหน้าไปมาแต่ตาก็เคลิ้มจะหลับลงไปเต็มที
"ง่วงเหรอลูก"
"ไม่ง่วงครับ"
โกหกไม่เนียนเลยลูกชายฉัน...
"อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวแม่โทรบอกน้าเขตซื้อขึ้นมาให้"
"ชินจะยอกินพร้อมคูมแม่"
คำตอบนั้นทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้ ฉันจิ้มนิ้วลงบนปลายจมูกน้อยๆ ด้วยความมันเขี้ยว
"ลูกชายน่ารักจัง"
ป้าที่นั่งข้างๆ หันมาบอกฉัน เจ้าคิ้วดกเมื่อได้ยินว่ามีคนชมก็หันไปแจกยิ้มให้ป้าคนนั้นแทบจะทันที
"ขอบคูมคร้าบคูมป้าคนฉ๋วย"
"โอ้โห รู้จักชมคนอื่นเป็นซะด้วย น่ารักจัง อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย"ป้าคนนั้นถามต่อ ส่วนคนอื่นๆ ก็เริ่มหันมาสนใจอยากคุยกับเขา
"อายุฉามขวบครับ"เจ้าคิ้วดกบอกพร้อมชูสามนิ้วขึ้นมายืนยัน ฉันที่อุ้มนางไว้บนตักก็ได้ยิ้มไปด้วยอีกหลายนาที กระทั่งมีพยาบาลมาเปิดประตูให้ญาติเข้าไปหาคนไข้ได้
"ตึกฉุกเฉินไม่อนุญาตให้พาเด็กเข้าไปในห้องคนไข้นะคะ..."
พยาบาลที่ยืนอยู่ที่หน้าห้องบอกในตอนที่ฉันกำลังอุ้มชินเดินไปเพื่อจะเข้าห้อง ตอนนั้นฉันคือเหวอรับประทาน ไม่รู้จะทำยังไง จะปล่อยลูกไว้คนเดียวข้างนอกก็ไม่ได้ เขตก็ยังไม่ขึ้นมาจากทานข้าว
"พี่..."
เสียงเขตแดนที่ดังอยู่ทางด้านหลัง ทำให้ฉันหันกลับไปมองด้วยความโล่งใจ
"เขต พยาบาลบอกว่าไม่ให้พาเด็กเข้าไปในห้อง"
"ใช่พี่ งั้นพี่เข้าไปหาแม่เถอะ ให้ชินอยู่รอกับฉันที่หน้าห้องก็ได้ ชินมาอยู่กับน้ามา"
เขตว่าแล้วก็อุ้มเจ้าตัวเล็กไปจากแขนฉัน ตอนแรกฉันก็นึกห่วงเพราะตั้งแต่เกิดมาชินก็ไม่เคยได้อยู่กับน้าหรือแม้แต่แม่ของฉันสักครั้ง เขาเคยคุยแบบเห็นหน้ากันแค่ในโทรศัพท์ ฉันกลัวลูกจะงอแงหาและทำให้เขตต้องลำบากด้วย
"ชินอยู่รอกับน้าเขตได้ไหมลูก"
"ชินอยู่กับน้าเขตฉุดหย่อได้ครับ"
ชมไปแบบนั้นคนเป็นน้าก็เขินจนหน้าแดงไปเลยสิคะ เพราะปากหวานแบบนี้ไงถึงเข้ากับใครก็ได้ทั้งนั้น เห็นแบบนี้ฉันค่อยวางใจ
"ญาติคุณนวลฤดีหรือเปล่าคะ"
พยาบาลหน้าเด็กคนหนึ่งเดินออกมาถามฉันที่ยังอยู่ที่หน้าห้อง ฉันขานรับ
"ญาติคุณนวลฤดี คนไข้ฟื้นแล้วนะคะ"
"อ๋อๆ ค่ะ"ฉันตอบพยาบาลแล้วรีบตามเธอเข้าไปในห้อง
"เมื่อกี้คุณหมอเพิ่งเข้ามาตรวจ คุณหมอต้องรีบลงไปผ่าตัด แต่อีกหน่อยจะมีหมอเวรชื่อคุณหมอพิพัฒน์ หมอที่ใส่เสื้อสีขาว ตัวสูงๆ ตาตี๋ๆ และก็ใส่แว่นมาคุยแทน อีกสักหนึ่งชั่วโมงจะพาคนไข้ลงไปเอกซเรย์ที่ห้องเอกซเรย์ด้านล่าง ตอนนี้ญาติไปซื้อน้ำมาให้คนไข้ดื่มสองขวดนะคะ ดื่มแล้วให้กลั้นปัสสาวะจนกว่าคนไข้จะเอกซเรย์เสร็จเลยนะ"
พยาบาลบอกแล้วก็เดินเร็วๆ ไปดูคนไข้เตียงอื่น ส่วนฉันก็เดินเข้าไปดูแม่ซึ่งนอนมองฉันพร้อมกับยิ้มให้
"แม่คะ..."
"ขิม...มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่"แม่ถามฉันด้วยเสียงสั่นเทา
"แม่เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บไหม"ฉันเข้าไปจับมือถามแม่ด้วยความเป็นห่วง เพิ่งสังเกตเห็นใกล้ๆ ว่าแม่ตัวเหลืองและตาเหลืองมาก
"ไม่ค่อยเจ็บแล้วแหละ แล้วหลานแม่มาด้วยไหม"
"มาค่ะ อยู่กับเขตด้านนอก เขาไม่ให้เด็กเข้ามา"
"ก็เลยต้องลำบากไปหมดเลย"
"ไม่ได้ลำบากอะไรเลยค่ะ"
"แล้วเขาบอกหรือยังว่าแม่เป็นอะไร จะได้กลับบ้านตอนไหน"