“..../....” ฉันและเซร่ามองผู้ชายสองคนตรงหน้า ก็คือฉันจะหนีพวกเขาไม่พ้นเลยใช่ไหม เมื่อเช้าก็เพิ่งจะทะเลาะกับเฮียเรื่องนี้ไป ขืนเฮียรู้เรื่องนี้เข้ามีหวังรอบนี้ฉันไม่รอดแน่ ก็หวังว่าพี่คัสจะช่วยเงียบไว้ก็แล้วกัน
“น่าตื่นเต้นจัง” อยู่ ๆ นายเวกัสอะไรนั่นก็พูดขึ้น ตื่นเต้นบ้าบออะไรของเขา จะว่าไป ตั้งแต่มานั่งตรงนี้ สายตาของเขาก็เอาแต่จ้องน้องฉันไม่หยุด ถ้าลุกมาเขมือบได้คงทำไปแล้ว ผิดกลับยัยเซร่าที่เอาแต่ก้มหน้ากลัว ก็จะไม่ให้กลัวได้ยังไง เล่นทำตัวเหมือนโรคจิตขนาดนั้น
“ผมว่ากลับดีกว่าไหมครับ” พี่คัสเดินมาหยุดข้างโต๊ะพร้อมกับเอ่ยขึ้น ฉันเข้าใจพี่เขานะ เพราะถ้าเฮียรู้ขึ้นมาว่าฉันมาเจอกับสองคนนี้อีกเฮียคงไม่ปล่อยผ่านแน่ และตัวฉันเองอาจถูกทำโทษกักขังบริเวณเป็นเดือนเลย แต่ก็นั่นแหละ ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายมาหาเองเสียหน่อย เราสองคนแค่มาหาข้าวกิน เป็นพวกเขาสองคนต่างหากที่เข้ามาทักทายฉันกับน้องสาว ในเมื่อปฏิเสธไปแล้วพวกเขาไม่ยอมไปแล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่คัส”
“แน่ใจนะครับ” ดูพี่เขาไม่ค่อยไว้ใจสองคนนี้สักเท่าไหร่เลยนะ เอาจริง เป็นฉันก็ไม่อยากไว้ใจหรอก ยิ่งเห็นสิ่งที่เพื่อนเขาทำแล้วด้วย แค่คิดถึงก็รู้สึกขนลุกแล้ว
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวเซย์รับผิดชอบเองค่ะ” ฉันบอกพี่คัสไปตามตรง ส่วนพี่คัสก็เหลือบมองสองคนนั้นเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจแล้วกลับไปรอฉันนอกร้าน
“....” พอหันกลับมาก็เจอกับสายตาที่กำลังจ้องมองเหมือนมีคำถามอยู่ในใจ เป็นบ้าอะไรอีกถึงเอาแต่นั่งกอดอกจ้องฉันไม่ละสายตาแบบนั้น
“สั่งอาหารด้วยค่ะ” ฉันเลิกสนใจสองคนนั้นเเล้วหันไปยกมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งอาหาร กลัวเซร่าจะหิว หลังจากที่สั่งอาหารเสร็จพวกเราสี่คนก็พากันนั่งรอพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ แต่ในระหว่างที่รอฉันก็หยิบมือเธอขึ้นมากดเล่นเพื่อฆ่าเวลา แต่อยู่ ๆ มือถือของฉันก็ถูกใครบางคนดึงไป
“นี่! นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ มือถือเป็นของส่วนตัวนายไม่มีสิทธิ์มาดึงไปแบบนี้”
“.....” ทว่าเขากลับไม่สนใจ เอาแต่ก้มหน้ากดอะไรสักอย่างใส่ลงไปในมือถือของฉัน มันชักจะเกินไปมากแล้วนะ เห็นว่าไม่พูดก็ใช่ว่าจะทำอะไรกับฉันก็ได้ อย่าให้แม่ต้ององค์ลงนะ!
“ว่าแต่สาวน้อยคนนี้ชื่อ..?” ฉันขยับสายตาไปมองเพื่อนเขา เมื่อกี้เขาถามน้องสาวฉันใช่ไหม
“นายมีอะไรกับน้องสาวฉัน” ภาพที่เขาทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงสองคนเมื่อเช้ายังคงตราตรึงอยู่ในหัวฉันอยู่เลย ดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ เรื่องผู้หญิงคงมีไม่เว้นแต่ละวัน แค่คิดก็รู้สึกสงสารเมียในอนาคตแล้ว ไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงบ้างที่มีแฟนแบบนี้
“ฉันเวกัสนะ” เขาเลือกจะเมินฉันแล้วหน้าด้านไปคุยกับน้องฉันต่อ พอกันเลยสองคนนี้ ไม่แปลกที่เป็นเพื่อนกันได้
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันยังไม่ทันได้ตอบเซร่าก็ลุกพรวดพราดออกไปด้วยความรวดเร็ว น้องฉันเป็นคนอ่อนโยนใจดีก็จริง แต่เป็นคนค่อนข้างขี้อายและไม่คุยกับคนแปลกหน้า การที่ผู้ชายคนนี้จู่โจมน้องฉันไม่แปลกที่เซร่าจะกลัว ขนาดฉันที่เป็นคนสู้คนยังรู้สึกกลัวในสายตาคู่นั้นเลย มันดูเจ้าเล่ห์ยังไงชอบกล
“ไม่ยักรู้ว่ามีแฝดด้วย” เขาพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“อย่ายุ่งกับน้องฉันเด็ดขาด”
“....” เขาทำเพียงไหวไหล่ไม่ยี่หระ มันน่านักผู้ชายคนนี้ คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำตัวยังไงกับผู้หญิงก็ได้งั้นเหรอ
“ไม่เกี่ยวกับฉัน” พอหันเลื่อนสายตามาที่นายผืนป่า เขาก็รีบเอ่ยเหมือนรู้ว่าฉันกำลังจะพูดอะไร คงกลัวฉันว่าเหมือนเพื่อนเขาสินะ ก็มันจริงไหมล่ะ ปกติคนเหมือนกันมักจะคบกันได้ แล้วเขาสองคนก็น่าจะเป็นแบบนั้น
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ” สักพักพนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟพวกเรา เมื่อเซร่ากลับมาที่โต๊ะ เราทั้งสี่คนก็เริ่มลงมือทานอาหาร
ใช้เวลาในการทานมื้อเที่ยงราว ๆ ครึ่งชั่วโมงทั้งสี่ก็พากันออกจากร้านอาหาร เซลีนว่าจะพาน้องไปดูหนังแก้เบื่อ ไม่ได้สนใจชายหนุ่มสองคนด้านหลังว่าจะอยู่หรือไป ส่วนคัสยังคงทำหน้าที่ตัวเองต่อไป เขาเดินตามคนทั้งสี่ไปเงียบ ๆ ข้างกายก็มีสกายและภัสลูกน้องเวกัส เป็นลูกน้องผู้หญิงเพียงคนเดียว ทั้งยังเป็นมือขวาที่เวกัสไว้ในและเชื่อมั่นในฝีมือมากที่สุด
“พวกนายตามฉันกับน้องมาทำไม” นึกว่าแยกไปแล้วเสียอีก ไหงยังตามอยู่อีกล่ะ หรือว่างงั้นเหรอ เลยมาเดินตามคนอื่นต้อย ๆ แบบนี้
“ไอ้ผืนป่ามันบอกอยากไปด้วย”
ขวับ!
“....” เขาไปพูดตอนไหนว่าอยากไปด้วย มันคิดเองเออเองทั้งนั้น เ****นแล้วประสาทแดกว่างั้น มันไม่ใช่หรือไงที่ลากเขาตามมาด้วย บอกมันตั้งแต่เข้าไปทักสองคนนี้แล้วว่าไม่ว่าง ต้องเข้าไปดูงานที่โกดัง มันต่างหากที่ห้ามไม่ให้เขาไป อยากร่านแต่เสือกให้คนอื่นออกหน้า เหี้ยดี
ด้านเซลีนก็หันไปสบตากับผืนป่าทันที เขาหรอกเหรอที่อยากไปด้วย ไม่ใช่เพื่อนเขาหรอกใช่ไหม เพราะผืนป่าไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาเลย ก่อนหน้าเขาเอามือถือเธอไปแลกไลน์กับเบอร์ไว้ แถมยังกำชับห้ามลบเด็ดขาด ก็ไม่รู้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไรเหมือนกัน
“จริงไหมวะ”
“.....”
“ตอบสิ มึงตอบสิไอ้ผืนป่า” เวกัสเข้าไปกระซิบให้เพื่อนตอบ มันจะเงียบใส่เขาต่อหน้าสาวไม่ได้เด็ดขาด
“.....” ผืนป่ายังคงเงียบไม่ตอบ
“คืนนี้กูไปส่งของให้”
“ใช่ ฉันอยากไปด้วย” เขาตอบหญิงสาวทันทีเมื่อได้ยินข้อเสนอจากเพื่อน ดีเหมือนกัน คืนนี้เข้าจะได้เข้าร้านไปดูแลพวกลูกค้าสักหน่อย
“สัส” เวกัสพ่นคำหยาบใส่เพื่อนตัวเอง ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนทุกครั้งไอ้เวรนี่ กับเพื่อนมันยังไม่เว้น พูดจบผืนป่าก็เดินตรงไปยังโรงหนังทันที เมื่อกี้เขาได้ยินเธอกับน้องสาวคุยกันว่าจะไปดูหนังต่อ งั้นเดี๋ยววันนี้จะเลี้ยงเอง
ทั้งเซลีนและเซร่ามองหน้ากันด้วยความงุนงง ไม่รู้จะเอายังไงต่อ สุดท้ายพวกเธอก็พากันเดินตามไปอยากจำใจ เพราะเธอได้รับปากกับน้องสาวไว้แล้วว่าจะพาไปดูหนังที่ชอบ มันเข้าโรงวันนี้พอดี ด้านคัสก็ทำได้แค่ตาม แม้ในใจจะรู้สึกหวิว ๆ อยู่ก็ตาม เขากลัวว่านายจะจับได้เรื่องที่ทั้งสองมาเจอกับคนพวกนี้ เรื่องเมื่อเช้ายังไม่เคลียร์ มีเรื่องใหม่เข้ามาอีกแล้ว แล้วกว่าจะออกจากบ้านได้ คุณเซร่าต้องใช้ลูกอ้อนอยู่นานกว่าเจ้านายเขาจะยอมให้ออกมา แล้วให้เขาเป็นคนพาทั้งสองมาเดินห้าง แต่ใครจะคิดว่าจะมาเจอผืนป่ากับเพื่อนที่นี่ล่ะ ลำพังก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้ก็ลำบากใจอยู่ไม่น้อย
หน้าโรงหนัง
“นี่ของพวกนาย” เซลีนส่งตั๋วหนังสองใบให้กับผืนป่าและเพื่อนของเขา
“ทำไมที่นั่งคนละที่” เขานึกว่าที่นั่งพวกเราจะติดกันเสียอีก ทว่าของเขากับเธออยู่คนละแถว ซึ่งมันไกลกันมากด้วย อีกอย่างทำไมต้องเอาแบบนั่งธรรมดา ทั้งที่มีให้เลือกหลายแบบ
“ก็แล้วทำไมต้องนั่งด้วยกัน”
“เอามา” ผืนป่าแย่งตั๋วหนังไปจากมือเซลีน เขาตรงไปหาพนักงานด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย
“เปลี่ยนเป็นห้อง..” ผืนป่าแจ้งกับพนักงานว่าต้องการห้องแบบไหน ไม่นานก็จัดการเสร็จสิ้น เขากลับมาหาเพื่อนและหญิงสาว ยื่นตั๋วให้เวกัสและเซร่าคนละใบ ส่วนเซลีนไม่มี
“แล้วของฉันล่ะ” เซลีนถาม ทำไมทุกคนได้กันหมด ของเธอกลับไม่มี อะไรของเขาเนี่ย
“เธอนั่งกับฉัน” มือหนาเลื่อนไปจับแขนเล็กแล้วกระตุกให้เดินตามไป ทว่า..
“รบกวนปล่อยด้วยครับ” เห็นผืนป่าถึงเนื้อถึงคัสตัวก็รีบเข้าประชิดทันที ถือว่าเขาใช้ความอดทนมากในการเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ แบบนี้ เชื่อว่าถ้าเป็นเจ้านายคงไม่ลากยาวมาถึงดูหนังแน่ คนพวกนี้อาจจมกองเลือดตั้งแต่อยู่หน้าร้านอาหารแล้ว
“....” ผืนป่าส่งสายตาให้สกายเข้ามาจัดการ เขาต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้ใครมาขวาง แต่ถ้ามันยังพูดไม่รู้เรื่อง ขอไม่รับประกันเลือดบนหัวมันก็แล้วกัน
เมื่อสกายเข้ามาเคลียร์ทางให้แล้ว ทั้งสี่ก็พากันเดินเข้าไปยังด้านในโรงหนัง แม้ว่าเซลีนและเซร่าจะไม่เต็มใจนัก แต่ตอนนี้เธอสองคนไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากตามไปเงียบ ๆ ก็ดูสิ่งที่ทั้งสองทำกับหญิงสาวสิ เล่นกุมมือไว้แน่นขนาดนั้นใครมันจะหนีไปได้ล่ะ
“ว่าแต่พวกเราจะไปดูหนังอะไรกันวะ” คนที่ไม่ชอบทำเรื่องแบบนี้เอ่ยถามทั้งสาม นิสัยส่วนตัวของเวกัสปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ทว่าครั้งนี้ที่ยอมก็เพราะสาวน้อยข้างกายคนนี้ยังไงล่ะ เขารู้สึกชอบอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเจอรักแรกพบยังไงก็ไม่รู้
“บะ บาร์บี้ค่ะ” เป็นเซร่าที่ตอบเขา
“สัสเอ๊ยเสียงโคตรหวาน” ก่อนหน้านั้นก็พอจะได้ยินเธอคุยกับพี่สาวอยู่บ้าง แต่ก็ยังฟังไม่ค่อยชัดสักเท่าไหร่ พอได้ยินเต็ม ๆ สองหูแบบนี้แล้ว มันทำให้เขาอยากได้ยินมากกว่านี้อีก เสียงเธอมันหวานจนทำให้เขาอยากรู้ว่าส่วนอื่นจะหวานเหมือนเสียงเธอหรือเปล่า แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอบอกว่าดูอะไรนะ
“บาร์บี้?”
“ใช่ค่ะ” เป็นเรื่องที่เธออยากดูมานานแล้ว ไหน ๆ วันนี้ก็ได้ออกข้างนอกแล้วเลยมาดู ก็ไม่คิดว่าจะมีคนอื่นมาด้วยนอกเหนือจากเธอกับพี่สาวสองคน แต่พวกเขาเป็นคนตามมาเองนี่เธอไม่ได้บังคับเสียหน่อย
“ให้ตายเถอะ นี่กูต้องดูบาร์บี้จริง ๆ เหรอวะ”
“หุบปากแล้วเดิน” ผืนป่าว่าให้เพื่อนตัวเอง มันจะบ่นทำซากอะไร เข้ามาถึงด้านในแล้วยังจะมายืนบ่นให้เสียเวลาอยู่อีก
ทั้งสี่เดินเข้าไปในโรง ด้านในเป็นที่นั่งแบบเตียงนอน แต่ละเตียงจะมีที่กั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แล้วมันก็มาจากความต้องการของผืนป่าทั้งหมด เพราะเขาไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนตอนดูหนัง
“เซร่าเรามานั่งตรงนี้กัน”
หมับ
“ใครอนุญาต”
“ก็ฉันจะนั่งกับน้อง”
“มานั่งกับฉัน” พูดจบเขาก็จับเธอเหวี่ยงขึ้นเตียง ก่อนที่ตัวเองจะตามขึ้นไป
“อะไรของนายอีกเนี่ย ฉันตั้งใจมาดูหนังอย่างสงบกับน้องสาวของฉัน อย่ากวนประสาทได้ไหม”
“เดี๋ยวไอ้เวกัสมันดูแลเอง”
“นายจะบ้าหรือไง! นายก็รู้ว่าเพื่อนนายเป็นคนยังไง ฉันไม่มีทางให้ยุ่งกับน้องฉันเด็ดขาด” เซลีนดิ้นจะลงไปหาน้องสาวให้ได้ ทว่าเธอกลับสู้แรงอีกคนไม่ไหว เขาจับเธอกดลงเตียงพร้อมกับส่งสายตาดุดันให้ บอกให้รู้ว่าถ้าไม่หยุดเธอโดนมากกว่านี้แน่ นั่นจึงทำให้เซลีนยอมสงบลงอย่างว่าง่าย
“มันไม่ทำอะไรน้องเธอหรอก” ก่อนจะบอกให้เธอสบายใจ ถึงจะรู้จักสันดานเพื่อนก็ตาม
“แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไง” ภาพนั้นยังคงเป็นภาพจำที่เธอไม่อาจลืมเลือน เธอไม่มีวันเชื่อผู้ชายอย่างพวกเขาหรอก
“ไม่เชื่อก็แล้วแต่” ผืนป่าจัดการถอดรองเท้าของตนและของหญิงสาววางไว้ข้างเตียง ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมเราสองคนเอาไว้ เขาทำโดยไม่ถามความสมัครใจหญิงสาวว่าอยากอยู่ใกล้ตัวเองหรือเปล่า เซลีนเหลือบมองไปทางน้องสาวด้วยแววตาเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันไรเธอก็ถูกจับกดหัวลงไปกับเตียงอีกครั้ง
“อะไรของนายอีกเนี่ย” ทรงผมเธอยุ่งหมดแล้ว จะอะไรกับเธอนักหนาผู้ชายคนนี้
“อยากดูหนังไม่ใช่หรือไง จะไปสนใจคนอื่นทำไม” ตอนแรกเธอก็ไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นคนพูดมากขนาดนี้หรอกนะ สงสัยต้องคิดใหม่แล้ว เขาดูเป็นคนพูดมากน่ารำคาญอยู่เหมือนกัน
และดูเหมือนว่าห้องนี้จะมีแค่เราสี่คนเท่านั้น ไม่มีลูกค้าคนอื่นเข้ามาใช้บริการเลย
“ฉันเหมาทั้งโรง” บอกแล้วไงว่าต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่อยากให้คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามายุ่ง และตอนนี้การ์ตูนบาร์บี้ที่น้องสาวเธออยากดูนักอยากดูหนาก็กำลังเริ่มฉายแล้ว ฉะนั้นเธอควรสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ก็เขาเท่านั้น ไม่สมควรไปสนใจคนอื่น ไฟในโรงหนังเริ่มหรี่สลัวลง มีเพียงความเงียบก่อนที่เสียงภายในโรงจะเริ่มดังกระหึ่มขึ้น
“.....” เซลีนเป็นคนไม่ชอบดูหนังสักเท่าไหร่ หากอยากดูเธอจะดูในมือถือเสียมากกว่า เพราะเธอเป็นคนที่ดูหนังไม่เคยจบเรื่องเลยสักครั้ง ส่วนใหญ่จะหลับไปก่อน และตอนนี้ก็เหมือนว่าเธอใกล้จะได้ไปเฝ้าพระอินทร์เต็มทน กินมาอิ่ม ๆ แล้วมาอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ใครบ้างจะต้านความง่วงไหว
“.....” ผืนป่าละสายตาจากจอมามองหญิงสาวที่เหมือนจะหลับอยู่รอมร่อ พออยู่ในสภาพนี้แล้วก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ไม่เหมือนลิงที่แผลงฤทธิ์ใส่เขาก่อนหน้านั้น พอขยับสายตาไล่ลงไปเลื่อน ๆ กระทั่งไปหยุดบริเวณริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพู
อึก~
“เคยจูบไหม” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดออกไปแบบนั้น แต่คำพูดของเขาเรียกสายตาคนตัวเล็กที่กำลังจะหลับให้เงยขึ้นมอง
“วะ อุ๊บ!”