ผ่านเข้าวันที่สองหลังเสร็จสิ้นงานศพ ในบ้านหลังใหญ่ที่ผู้เป็นนายมีคำสั่งให้นายาเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่หลังจากเดินทางออกจากบ้านป่าเพื่อเข้ามาจัดงานศพบิดาผู้ให้กำเนิดที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายกะทันหัน ร่างเล็กบอบบางชันตัวลุกจากที่นอนหนานุ่ม เมื่อได้ยินเสียงไก่ขันดังแว่วมาแต่ไกล ซึ่งคงจะเป็นไก่ของคนงานที่อาศัยอยู่ตามเรือนพักห่างออกไปจากบ้านหลังใหญ่นี้มากพอดู เพราะนายาได้ยินเพียงเสียงที่สะท้อนก้องไปมาเท่านั้น
นายาเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนใหญ่แห่งนี้ด้วยหัวใจที่แสนจะหดหู่ จัดการทำธุระส่วนตัวให้เสร็จอย่างเร่งด่วนเพื่อลงไปช่วยป้าอิ่มในครัวด้านล่าง
“อ้าวยัยหนู ลงมาทำไมแต่เช้าแบบนี้” นางอิ่มทักเสียงตกใจเมื่อเดินเข้ามาในครัว เจอกับร่างเล็กที่กำลังเสียบกาน้ำร้อน
“สวัสดีค่ะป้า หนูตื่นนานแล้วค่ะ ปกติตื่นเช้าแบบนี้ทุกวัน” นายาหันมาส่งยิ้มให้กับแม่บ้านร่างอวบ
“อืม ดีเหมือนกัน แล้วเป็นยังไงบ้าง สบายใจขึ้นหรือยัง” นางอิ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อสังเกตเห็นรอยช้ำใต้ขอบตา นี่คงจะร้องไห้อีกแน่ๆ เลย
“ก็ดีขึ้นค่ะ ป้าอิ่มคะ นายจะให้หนูกลับไปอยู่บ้านได้เมื่อไหร่คะ” นายาส่งยิ้มเซียวๆ ตอบกลับผู้สูงวัย พลางนึกขึ้นได้ว่านี่ก็เสร็จงานศพแล้ว เธออยากกลับไปอยู่บ้านเสียที
“อุ่ย อะไรยัยหนู จะกลับไปอยู่ยังไงคนเดียว” นางอิ่มโวยวายเสียงดัง ส่ายหัวไปมาอย่างขัดใจ เมื่อได้ยินว่าเด็กสาวจะกลับไปอยู่ในป่าคนเดียว
“เอ่อ...ก็หนู...”
“ใครจะกลับไปไหน” เสียงห้าวดังขัดจังหวะการสนทนา พาให้สองสาวต่างวัยสะดุ้งตกใจหันไปมองพร้อมกัน แล้วก็ต้องรีบก้มหน้าหลบกันจ้าละหวั่นเมื่อเห็นสายตาคมวาวจ้องมองมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“น...นาย...ค...คือหนู” นายาเสียงสั่นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาของหนุ่มร่างใหญ่ที่ยืนจังก้า กอดอกหายใจหอบเนื่องจากเพิ่งกลับจากวิ่งออกกำลัง พอเดินเข้ามาได้ยินเสียงคุยกันก็เดินเข้ามารับรู้เรื่องน่าขัดใจแต่เช้า
“ฉันสั่งให้อยู่ที่นี่ ช่วยงานป้าอิ่ม เธอฟังไม่รู้เรื่องตรงไหน” เสียงห้าวห้วนด้วยอารมณ์ขุ่น ดวงตากลมแป๋วสั่นระริกนั่นแสดงออกชัดว่ากลัวเกรง แต่การกระทำทำไมกลับตรงข้าม ชอบขัดคำสั่งเขาอยู่เรื่อยเด็กคนนี้
ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด เดินหันหลังเร็วๆ ออกไปด้วยการกระแทกเท้าหนักๆ ทิ้งเด็กสาวยืนมองด้วยความไม่เข้าใจ อะไรของเขากันนะกับแค่เราจะกลับไปอยู่บ้าน นายาส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ สองเท้ารีบก้าวตามร่างสูงที่เดินหายขึ้นไปด้านบนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับคำสั่งตั้งแต่วันแรกที่เธอเดินทางเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้หลังจากเสร็จงานศพบิดา
ผู้ช่วยแม่บ้านและเพิ่มเติมอีกหนึ่งอย่างคือหน้าที่คอยดูแลเจ้านายอย่างใกล้ชิดขณะที่ชายหนุ่มอยู่ในบ้าน คือสิ่งที่ผู้เป็นนายมอบหมายให้กับเธอพร้อมกับขู่บังคับห้ามขัดคำสั่งอีกต่างหาก
“เข้ามาสิ มัวยืนทำอะไร” เสียงห้าวตะโกนเรียกอีกครั้งเมื่อยังเห็นร่างเล็กยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน ไม่ยอมเข้ามาเสียที
“เอ่อ...ค่ะ” รีบรับคำแล้วสาวเท้าเดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
“ถอดเสื้อผ้าออก แล้วเข้าไปเตรียมเปิดน้ำใส่อ่างให้เต็ม จำได้ไหมที่เคยสอนน่ะ “ ฆนนาทเอ่ยสั่งเสียงห้วนแล้วเดินหายเข้าไปในห้องที่จัดไว้สำหรับแต่งตัว มือแกร่งดึงชายเสื้อยืดออกทางศีรษะแล้วเหวี่ยงลงตะกร้าหวายใบใหญ่ข้างตู้เสื้อผ้า
ในใจนึกย้อนกลับไปถึงวันที่เขาตัดสินใจสั่งให้นายาเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะผู้ช่วยแม่บ้าน ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม หลังจากที่เห็นใบหน้าหวานปราศจากผ้าคลุมผมปิดทั้งใบหน้า ในช่วงกลางดึกของคืนวันหนึ่งใบหน้างามผุดผาด ผิวขาวนวลลออยามต้องแสงจันทร์ของร่างเล็กที่ยืนร้องไห้เงียบๆ อยู่ริมหน้าต่างห้องครัว
อะไรบางอย่างผลักดันให้เขาใช้อำนาจที่อยู่เหนือกว่าทุกคน เก็บเด็กสาวหรือเพิ่งมารู้ทีหลังจากปากหล่อนเองว่า ตอนนี้เธอมีอายุสิบแปดย่างสิบเก้าแล้ว ไม่ใช่เด็กสาวอย่างที่ใครๆ เข้าใจแต่แรก ฆนนาทบอกตัวเองทันทีว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา! เป็นสมบัติส่วนตัวที่เขาจะเก็บเอาไว้กับตัว ความเห็นแก่ตัวอย่างน่ารังเกลียดไม่รู้ว่ามาจากไหนมากมาย ยอมให้เหล่าลูกน้องมองด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ ว่าทำไมเจ้านายถึงสั่งให้เด็กสาวเข้ามาอยู่ในบ้าน ที่ไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้ามาได้ นอกจากแม่บ้านคนสนิทและสาวใช้อีกไม่กี่คนเท่านั้น
แต่เขาไม่สน ไร่นี้เป็นของเขา ทุกสิ่งที่อยู่ในอาณาจักรกฤษติกาล้วนมีเขาเป็นเจ้าของ ใครก็อย่าหาญกล้าคิดมาแย่งชิง รวมทั้งสาวน้อยตัวเล็กเจ้าของเรือนร่างซ่อนรูปที่เขานึกจินตนาการไว้นั่นด้วย
และวันนี้ เขาอยากจะรู้แล้วว่า สิ่งที่จินตนาการจากประสบการณ์ที่ผ่านมาจะสวยงามมากน้อยแค่ไหน เพียงแค่คิด สิ่งที่กระตุกสั่นอยู่กลางกายทำให้เขาต้องก้มลงไปมองด้วยดวงตาเป็นประกาย สาวน้อยนายาช่างพิเศษเหนือใครจริงๆ เพียงแค่ใบหน้าหวานก็เรียกอารมณ์กระสันของเขาให้ตื่นเพลิดลุกโลด อยากจะกระโจนเข้าใส่ แล้วกระแทกซ้ำๆ จนร่างบางบิดเร่าๆ ด้วยความเสียว ร้องครางเสียงหวานให้เขาได้ยินทุกวันทุกคืน
“ทำไมยังไม่ถอดเสื้อผ้า!” น้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วเจอเข้ากับร่างบางยังอยู่ในเสื้อผ้าครบชุด รวมทั้งผ้าคลุมผมปิดหน้าปิดตานั่นอีก
“เอ่อ...ทำไมต้องถอดด้วยคะ แค่ช่วยนายอาบน้ำ” นายาเสียงสั่นอย่างไม่เข้าใจ ดวงตากลมแป๋วก้มมองพื้นไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา ด้วยรู้ว่าตอนนี้เจ้านายร่างใหญ่ไม่มีสิ่งใดปกปิดร่างกายเลยสักชิ้น
“เงยหน้าขึ้นมา...เดี๋ยวนี้!” เดินมาหยุดตรงหน้า เสียงดุเบาๆ เมื่อยังเห็นสาวน้อยก้มหน้านิ่ง สองมือแกร่งกระชับกับไหล่มนทั้งสองข้างไม่ให้ร่างบางขยับถอยหนี ฆนนาทสัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้านของร่างบาง แต่เขาไม่อาจอดกลั้นไว้ได้อีกแล้ว
สองมือหนาค่อยๆ ดึงผ้าคลุมผมออกเป็นอย่างแรก ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้าขาวนวลกระจ่างใสอมชมพูค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อด้วยความเขินอายกับร่างเปลือยสมบูรณ์แบบ กำยำสมชายชาตรีอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“ไม่ต้องกลัว สาวน้อย” กระดุมเม็ดแรกของเสื้อเชิ้ตตัวหลวมหลุดออกจากรังดุมขณะที่ดวงตาคมจ้องนิ่งอยู่กับดวงตากลมแป๋วสั่นระริกนั่น
“น...นาย...” ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อมือหนาค่อยๆ แหวกสาบเสื้อออกจากกัน ความรู้สึกบางอย่างแล่นวูบวาบลามเลียอยู่บนผิวเนื้อยามเสื้อตัวหลวมหลุดออกจากร่าง เผยความงามอล่างตาเกินจินตนาการของฆนนาทจนชายหนุ่มต้องเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากด้วยความกระหายหื่น เต้าทรวงอวบใหญ่ขาวผ่องเบียดชิดอยู่ในเสื้อชั้นในสีชมพูอ่อน